๒.๕ ทัณฑ์หวาม
“อืม...”
เมสันครางลึกๆ อย่างพอใจที่ได้รับการตอบสนองเช่นนั้น ลิ้นเรียวเล็ก ช่างให้ความรู้สึกชวนคลั่งเสียเหลือเกินจนริมฝีปากร้อนต้องเพิ่มจูบแรงขึ้นเต็มความหวาม มือหนาแกร่งก็ไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป ขยับไล้ไปตามเอวคอดกิ่วโค้งเว้าดั่งแก้วไวน์ทรงสูงตามแรงปรารถนาที่กำลังสาดปะทุขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะช้อนเข้าใต้พุ่มทรวงสาวอวบอิ่มครัดเคร่งซึ่งซ่อนอยู่ใต้เสื้อยืดตัวโคร่งที่เธอสวมใส่
ความเนียนนุ่มหยุ่นละมุนมือ ทำให้ชายหนุ่มไม่คิดจะกอบกุมไว้เฉยๆมือใหญ่เคล้นคลึงบดวนเป็นวงกลม จงใจให้ตรงกลางของอุ้งมือส่ายเสียดลงบนปลายถันแสนอ่อนไหวด้วยลีลาเร้าใจเหลือประมาณ ไม่กี่อึดใจส่วนสาวนั้นก็หยัดเหยียดชูชันระริกไหวขึ้นสู้สัมผัสแสนดุดันดิบเถื่อนของเขาทันที
ปากร้อนละออกมาจากปากนุ่ม แล้วลามเลียซุกไซ้ลงไปตามพวงแก้มและซอกคอขาวเนียน กลิ่นหอมละมุนของสาวรุ่นชวนให้หลงใหลเสียจนจมูกโด่งลงน้ำหนักแรงพอๆ กับที่มือใหญ่ปฏิบัติกับทรวงอวบอิ่มล้นหลามของเธอ
“อาว์...คุณเมสันคะ ได้โปรดหยุดเถอะค่ะ...”
ความเสียดเสียวอย่างรุนแรงที่กำลังได้รับทำให้เสียงครางของสาวน้อยเต็มไปด้วยอาการสั่นสะท้านจนเกือบกลายเป็นเสียงสะอื้น ทรวงอกอวบอิ่มสะท้อนขึ้นลงตามแรงหายใจหอบถี่กระชั้น
เมสันรู้ดีว่าเสียงอ้อนวอนแสนกระเส่านั้นไม่ใช่เพราะต้องการให้เขาหยุดแต่อย่างใด ประสบการณ์อันโชกโชนบอกเขาว่าจะต้องเร่งเร้าพร้อมกับเพิ่มแรงอารมณ์สวาทเข้าไปอีกเท่าทวี ปากหยักได้รูปจึงเลื่อนลงมาทาบประกบตรงบริเวณปลายงอน และก้มลงดูดดื่มผ่านอาภรณ์สองชิ้นเสียงดังจ๊วบๆ ในขณะที่มือหนาก็ฟอนเฟ้นเคล้นคลึงความอวบอิ่มอีกข้างไม่หยุดหย่อน
ความซ่านสยิวที่ถาโถมลงมาพร้อมปากร้อนๆ ทำให้ร่างบางถึงกับแอ่นหยัดทรวงสาวเสนอสนองการเล้าโลมอย่างลืมตัว ก่อนจะหลุดเสียงครางกระเส่าเมื่อปลายถันถูกดูดและดึงขึ้นเบาๆ
“อ๊าซ์...คุณเมสัน...”
การเสนอสนองสุดกระตือรือร้นนั้นทำให้แก่นกายใหญ่แห่งบุรุษเพศพองตัวขยายเหยียดขึ้นเต็มลำ ความแข็งขึงนั้นเบียดเสียดเข้าหาบั้นท้ายงอนงามอย่างร้อนเร่าและเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
ร่างบอบบางพยายามจะดิ้นหนีความซ่านสยิวอันสุดรัญจวนร้อนผ่าวที่น่าตกใจอีกครั้ง แต่ก็ถูกรั้งสะโพกเอาไว้แน่น ซ้ำร้ายกว่านั้นเขายังจับสะโพกของเธอบดส่ายวนเป็นวงกลมเพื่อให้ถูไถกับแก่นลำกายชายที่ตื่นตัวอยู่กลางตักแกร่ง สัมผัสเสียดสีร้อนผ่าวนั้นทำให้ละอองฝนเสียวสยิวไปทั่วช่องท้องอย่างรุนแรงจนอารมณ์แทบจะระเบิดพร่าง
สาวน้อยที่กำลังถูกอารมณ์แสนวาบหวามครอบงำไม่หลงเหลือสติใดๆ ให้ควบคุมร่างกายอีกต่อไปแล้ว ใบหน้าหวานใสแดงก่ำ ปากเอิบอิ่มเผยอหอบครางกระเส่า ร่างบางแอ่นเกร็งตอบสนองความร้อนผ่าวที่ถาโถมเข้าใส่บริเวณกลางกายอย่างไม่ยั้ง การเสียดสีที่มีเพียงอาภรณ์กางกั้นเอาไว้มันช่างให้ความรู้สึกอันน่าอับอายแต่ก็ซ่านสยิวเหลือคณา สองมือเล็กยกขึ้นวางบนหัวไหล่หนาอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะกล้าทำ พร้อมกับแหงนเริดใบหน้าให้เขาซุกไซ้ซอกคออย่างเต็มที่ ปฏิกิริยาของร่างกายเหล่านั้นล้วนแต่เป็นไปตามธรรมชาติที่ถูกปลุกเร้าขึ้นทั้งสิ้น
เลือดในกายของเมสันร้อนฉ่าขึ้นจนแทบทะลักจุดเดือด เขาใคร่จะฉีกทึ้งเสื้อผ้าทุกตัวที่กางกั้นระหว่างกายใหญ่โตและร่างนุ่มนิ่มทิ้งเสีย แล้วส่งแก่นกายแข็งแกร่งซึ่งผงาดพองโตเต็มที่เสยเสียบเข้าสู่ความอ่อนนุ่มซึ่งเขารู้ดีว่าตอนนี้กำลังชุ่มฉ่ำพรั่งพร้อมแค่ไหน
มือใหญ่หนาเคลื่อนขยับไปตามที่ความปรารถนาของร่างกายบัญชาทันที ซิปกางเกงของละอองฝนถูกจับไว้มั่นและกำลังจะถูกรูดลงอย่างเร่งร้อน
แต่ทว่า...
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้มือใหญ่หยุดชะงักการกระทำของตัวเองทันที ละอองฝนเองที่หลงเพริดพลิ้วไปกับห้วงดำฤษณาก็ได้สติในวินาทีนั้น จึงรีบดิ้นรนลงจากตักแกร่งที่ตอนนี้ร้อนผ่าวอัดแน่นไปด้วยความตื่นตัวของเขาอย่างอับอาย ก่อนจะไปยืนก้มหน้างุดหายใจหอบๆ อยู่ข้างโต๊ะอย่างคนที่ทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ
คนที่เคาะและผลักประตูเข้ามาคือธัญญ่า สาวน้อยจึงถือโอกาสนั้นเดินเลี่ยงออกไปจากห้องโดยไม่ได้เอ่ยทักทายผู้มาใหม่แต่อย่างใด
ธัญญ่ามองตามละอองฝนไปครู่เดียวก็หันมายิ้มกว้างให้กับเมสันที่นั่งอยู่หลังโต๊ะ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเคลือบแคลงสงสัยสักนิดว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นในห้องนี้บ้าง
“มีอะไรหรือเปล่าธัญญ่า” เมสันเอ่ยถามด้วยท่าทีเป็นปกติ ทั้งที่ตอนนี้แก่นลำชายปวดหนึบไปหมด แถมอารมณ์ที่สะดุดลงกลางคันนั้นก็ทำให้เขาหงุดหงิดสุดบรรยาย
“เปล่าหรอกค่ะ พอดีธัญญ่าเห็นรถพี่เมสันจอดอยู่หน้าบ้าน ก็เลยจะเข้ามาถามว่าพี่เมสันอยากได้อะไรหรือเปล่า คือตอนนี้พี่เทเรซ่าอาบน้ำอยู่น่ะค่ะ ธัญญ่าก็เลยมาดูพี่เมสันแทนก่อนเผื่ออยากได้อะไร”
“ไม่ล่ะ ขอบใจเธอมาก” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงที่ติดห้วนเมื่อธัญญ่าถามประโยคนั้น ถ้าธัญญ่าไม่เข้ามาป่านนี้เขาอาจจะ...
“ถ้าอย่างนั้นธัญญ่าไม่กวนพี่แล้วนะคะ เชิญพี่ทำงานต่อเถอะค่ะ”
เมสันแค่พยักหน้าแล้วก็ก้มลงดูเอกสารที่อยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมเช่นเดิม แต่ใครเลยจะรู้ว่าตอนนี้สมาธิของเขาไม่ได้กำลังจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าแต่อย่างใด
“บ้าชิบ!”
เสียงห้าวกระด้างสบถออกมา และพยายามจะระงับความพลุ่งพล่านของตัวเองให้คลายลง ทว่ามันไม่ง่ายเลยสักนิด เพราะความเนียนนุ่มของผิวกายที่เขาได้กอดรัด สัมผัส จูบ และกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนร่างของเด็กสาวคนนั้นยังคงกระตุ้นเร้าให้เพลิงปรารถนาในกายของเขาลุกฮือเป็นไฟและไม่มีทีท่าว่าจะดับลงง่ายๆ เสียด้วย
ที่โต๊ะในตอนเย็นวันนั้นปราศจากเงาของละอองฝนซึ่งปกติจะมาคอยรินน้ำและยืนคอยอำนวยความสะดวกตามหน้าที่ของเธอ ทำให้แพรวดาวที่เพิ่งจะกลับมาถึงได้ไม่นานต้องเอ่ยปากถามหาลูกสาวกับแม่บ้าน พลางคิดว่าละอองฝนคงฝ่าฝืนคำสั่งของเธอและออกไปเที่ยวเล่นในฟาร์มเหมือนวันก่อนอีกแล้ว
“ออมไปไหน?”
“มิสบอกว่าปวดศีรษะค่ะ ก็เลยขอนอนพัก” นางมาเรียซึ่งเป็นแม่บ้านตอบคำถามมาดามคนใหม่ของเจ้านายด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“แล้วมีใครเอายาไปให้กินหรือยัง”
“ยังค่ะ” แม่บ้านบอกแล้วก้มหน้างุดเมื่อแพรวดาวทำตาเขียวใส่อย่างไม่พอใจ
“ถ้าอย่างนั้นไปหายาให้ออมเดี๋ยวนี้เลย” แพรวดาวออกคำสั่งเสียงเข้ม นอกจากลึกๆ จะนึกเป็นห่วงลูกสาวแล้ว เธอยังต้องการจะประกาศให้คนบนโต๊ะได้รู้ว่าละอองฝนมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าใครในคฤหาสน์หลังนี้
“ค่ะมาดาม” มาเรียรับคำแล้วหันไปสั่งสาวใช้ให้เอายาไปให้ละอองฝน
เมสันซึ่งนั่งฟังอยู่เงียบๆ รู้ดีว่านั่นเป็นเพียงแค่ข้ออ้างของละอองฝน สาเหตุที่เธอเก็บตัวอยู่ในห้องก็เพราะอยากหลบหน้าเขา แต่นั่นกลับกลายเป็นว่าเด็กสาวกำลังเรียกร้องความสนใจจากเขามากขึ้นกว่าเดิม แม้ภายนอกสีหน้าของเขาจะดูนิ่งเฉยเย็นชาคล้ายไม่ได้รู้สึกรู้สาหรือสนใจอะไร ทว่าในใจกลับร้อนรุ่มพิกลที่ละอองฝนไม่ยอมออกมาให้เห็นหน้า...
บ้าชะมัด! ชายหนุ่มสบถอยู่เงียบๆ ที่ชักจะปล่อยให้เด็กสาวคนนั้นเข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเองมากเกินไป!