๒.๔ ทัณฑ์หวาม
“ขะ...ขอโทษค่ะ”
“คำว่าขอโทษมันมีไว้พูดเวลาทำผิด แต่เธอพูดมันพร่ำเพรื่อมาก ก็คงจะเป็นเพราะเธอชอบทำความผิดอยู่เรื่อยๆ สินะ”
“เอ่อ...ดิฉัน...” สาวน้อยได้แต่ยืนอึ้ง พูดไม่ได้เถียงไม่ออก รู้ดีว่าเธอคือจำเลยเสมอในสายตาของเขา
“เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปอาบน้ำ สักพักเธอเอากาแฟเข้าไปให้ฉันที่ห้องทำงานด้วย” เสียงเข้มดุตัดบทแล้วออกคำสั่งห้วนๆ ก่อนจะก้าวนำหน้าเข้าไปในคฤหาสน์เหมือนไม่ได้สนใจว่าคำพูดของตัวเองจะทำร้ายจิตใจของสาวน้อยตรงหน้าหรือไม่
ละอองฝนได้แต่มองตามอย่างพยายามทำใจกับการที่ต้องเผชิญหน้ากับเขาตามลำพังอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามหลังเขาและเลยเข้าไปในครัว นั่งรออยู่ในนั้นจนกระทั่งคิดว่าคนออกคำสั่งอาบน้ำเสร็จแล้ว จึงจัดการชงกาแฟแล้วค่อยๆ เดินประคองแก้วไปยังห้องทำงานของเขา
มือเล็กข้างที่ว่างยกขึ้นเคาะประตูห้องเบาๆ ก่อนจะผลักเข้าไป และเมื่อเข้าไปข้างในก็พบว่าตอนนี้ร่างสูงนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังตัวใหญ่หลังโต๊ะไม้ขัดเงาเรียบร้อยแล้ว เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ในท่าสบายๆ ร่างกำยำสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้น เปิดกระดุมสองเม็ดบนอวดไรขนสีทองบนแผ่นอกกำยำแบบชวนใจสั่น
สาวน้อยรู้สึกคล้ายจะสะดุดลมหายใจตัวเอง เพราะดวงตาคมเข้มสีอำพันจ้องมองมายังเธอแบบตาไม่กะพริบ เท้าเล็กๆ เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะเพื่อจะวางแก้วกาแฟให้เขาแล้วรีบกลับออกไป แต่บนโต๊ะทำงานนั้นมีแต่เอกสารกองอยู่เต็มไปหมด เธอจึงต้องยื่นแก้วไปให้เมสันเสียเองเพราะเกรงว่ากาแฟจะหกใส่เอกสารสำคัญของเขา
“ดิฉันเอากาแฟมาให้ค่ะ”
มือกำยำยื่นมารับไป จังหวะนั้นปลายมือของเขาแตะถูกนิ้วเรียวเบาๆ ทำเอาละอองฝนหน้าร้อนวูบวาบราวกับโดนไฟอังและเผลอจ้องมองเขาอย่างลืมตัว ครั้นพอเห็นว่าแววตาคมดุยังคงเฉยเมยดังเดิม อาการตื่นเต้นของเธอจึงลดลงไปกว่าครึ่ง
“คุณต้องการอะไรอีกหรือเปล่าคะ” ละอองฝนถามตามมารยาทหวังว่าเขาจะไม่เอาอะไรอีก เธอจะได้รีบออกไปจากห้องทำงานของเขาเสียที
เมสันไม่ได้ตอบในทันที แต่วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเข้มดุนิ่งอยู่ครู่ใหญ่เหมือนกับกำลังค้นหาพิรุธบางอย่างในตัวเธอ ก่อนจะโพล่งถามขึ้น
“ผู้ชายที่เธอนัดเมื่อคืนคือ ‘เอเดรียน’ ใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่นะคะ ดิฉันไม่ได้นัดใครไว้จริงๆ” ละอองฝนปฏิเสธเสียงแข็ง และตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ เขาก็ถามเช่นนั้น หรืออาจจะเป็นเพราะเขาเห็นเธอคุยกับเอเดรียนเมื่อครู่นี้จึงสรุปเอาเองและปักใจเชื่อว่าสิ่งที่เขาปรักปรำเธอเป็นความจริง ซึ่งถึงแม้เมสันจะมองเธออย่างไรละอองฝนก็ไม่เดือดร้อน แต่เธอไม่อยากให้เขามองลูกน้องคนสนิทของตัวเองผิดๆ และไม่อยากให้เอเดรียนเดือดร้อน
“แล้วเธอไปรู้จักกับเอเดรียนตั้งแต่เมื่อไหร่?” ชายหนุ่มทำหน้าหมิ่นๆ พร้อมหรี่ตาลงแคบๆ “ท่าทางสนิทสนมกันไม่ใช่เล่นนี่”
“ก็...” เกือบจะหลุดปากออกไปแล้วว่ารู้จักเอเดรียนตอนที่แอบเข้าไปขี่ม้าในฟาร์ม แต่ถ้าบอกแบบนั้นมีหวังถูกเมสันดุเอาอีกแน่
“เอ่อ...รู้จักกันตอนที่พี่เอเดรียนมาที่บ้านค่ะ”
“คนโง่ที่ไหนก็ดูออกว่าเธอกำลังโกหก” เมสันพูดเสียงโทนต่ำ พลางจ้องมองใบหน้าเนียนใสเขม็งขึ้งมากกว่าเดิม
“ดิฉันไม่ได้โกหกคุณนะคะ”
“งั้นเหรอ”เขาทำหน้าว่าไม่เชื่อ ก่อนจะกระตุกข้อมือเล็กโดยที่ละอองฝนไม่ทันได้ระวังตัวจึงเสียหลักล้มลงไปนั่งบนตักแกร่ง
“อุ๊ย!”
สาวน้อยอุทานเสียงหลงพร้อมกับดิ้นขลุกขลักอย่างตกใจ แต่ก็ทำได้แค่นั้นเพราะพริบตาเดียวเธอก็ถูกพันธนาการด้วยแขนแข็งแรงที่กอดรัดร่างน้อยเอาไว้แน่นจนกระดูกแทบหัก ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นเชยคางมนให้สบประสาน สายตา
“อย่าค่ะคุณเมสัน!” เสียงหวานรีบเอ่ยห้าม ผงะใบหน้าหนี หัวใจดวงน้อยเต้นแรงโลดด้วยความหวาดหวั่น เมื่อใบหน้าคมเข้มค่อยๆ ก้มต่ำลงมาหาเหมือนอย่างที่เขาทำเมื่อคืนนี้ไม่มีผิด
“เธอคิดว่าฉันจะทำอะไร?”
“ทะ...ทำเหมือนที่คุณทำเมื่อคืน...” สาวน้อยตอบเสียงสั่นเมื่อรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาแหบพร่าพิกล พลอยทำให้เธอสะท้านไปทั้งร่าง ผู้ชายอย่างเมสันแค่เข้าใกล้ก็รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวแล้ว แต่นี่เธอกำลังโดนเขากอดและก้มหน้าลงมาใกล้ๆ จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่พร่างพรมอ้อยอิ่งลงมาทั่วดวงหน้าแม้จะเป็นไปในลักษณะของการจับผิดคาดคั้นเหมือนกำลังจะลงทัณฑ์เธอก็ตาม ทว่าก็ทำเอาร่างกายบอบบางเหมือนจะหลอมละลายดุจเทียนไขต้องเปลวไฟ
“ก็เธอมันผู้ร้ายปากแข็งนักไม่ใช่เหรอ ขนาดฉันง้างปากให้พูดขนาดนั้น เธอยังไม่ยอมพูดเลย”
สาวน้อยคิดอย่างหวาดๆ กับวิธีง้างปากแบบนั้นของเขา มันไม่ได้แค่ง้างปาก แต่เขายังประกบเรียวปากร้อนๆ ลงมานาบบนกลีบปากนุ่มละมุนด้วย ซึ่งเป็นการลงทัณฑ์ที่น่ากลัวยิ่งกว่าถูกกักขังเฆี่ยนตีเป็นไหนๆ เพราะร่างกายของเธอได้รับแต่ความซ่านสยิวอันแสนเร้าใจชวนสะท้าน กระตุ้นเร้าให้เลือดในกายร้อนระอุและสูบฉีดแรงขึ้นเกินกว่าจะทัดทาน ถ้าเขาทำเช่นนั้นอีกเธอคงไม่มีเรี่ยวแรงจะต้านทานเขาแน่ๆ
“ดิฉันไม่ได้โกหกจริงๆ ค่ะ” สาวน้อยยังยืนยันคำเดิม
“สักวันฉันคงได้หักคอเธอแน่ๆ”
“คุณเมสัน!” ละอองฝนได้แต่เผยอปากค้างเพราะตกใจกับคำขู่ที่รุนแรงของเขา
“ทำไมเธอถึงขยันหาเรื่องใส่ตัวนักนะละอองฝน ทำไมไม่รู้จักทำตัวดีๆ เหมือนคนอื่นบ้าง ใจคอเธอจะทำให้ฉันตบะแตกให้ได้เลยใช่มั้ย...”
เมสันพูดเสียงโทนต่ำขณะหลุบตาไปจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากเอิบอิ่มสีชมพูระเรื่อของเธอ ซึ่งตอนนี้กำลังเผยอค้างคล้ายกับกำลังเชิญชวน แล้วไหนจะนัยน์ตากลมโตไร้เดียงสาที่ล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนยาวที่กำลังไหวระริกเร้าอารมณ์นั่นอีกล่ะ แม้เขาจะไม่ชอบพฤติกรรมของเธอนัก แต่ก็ไม่คิดอยากผลักไสออกห่างเหมือนอย่างที่รู้สึกกับแพรวดาว ตรงกันข้ามกลับอยากจะกระชากร่างน้อยแสนอ้อนแอ้นมาสวมกอดเอาไว้พร้อมกับประกบปากกระด้างลงบนเรียวปากอิ่มแล้วช่วงชิงเอาความหอมหวานละเมียดภิรมย์มาเป็นของเขาคนเดียว มีบางครั้งที่กลิ่นกายหอมอ่อนๆ นี้กระตุ้นเร้าความปรารถนาให้เตลิดไปไกลถึงขั้นอยากรู้สึกถึงยามลำเนื้อที่เต็มไปด้วยเส้นประสาทอันว่องไวต่อความรู้สึกเข้าไปสอดซุก อยู่ในความเป็นหญิงกลางกายของเธอ อยากได้ยินเสียงครวญครางกระเส่าที่หลุดลอดจากริมฝีปากสีชมพูเอิบอิ่ม อยากเห็นเรือนผมสลวยดำขลับราวกับคลื่นไหมสะบัดไหวยามที่ร่างเปลือยเปล่าสมส่วนกำลังขยับโยกอย่างเร่าร้อนอยู่บนกายกำยำของเขา มันคงจะเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกสุดบรรยายแน่ๆ
“บ้าชะมัด!” เมสันสบถออกมาคำหนึ่ง เมื่อรู้สึกว่าเด็กสาวกำลังยั่วยุให้เขาเกิดความหื่นกระหายในตัวเธอชัดๆ
“ดิฉันไม่เคยคิดจะหาเรื่องใส่ตัวเลย เป็นความสัจจริง กรุณาอย่ากล่าวหาดิฉันแบบนั้นค่ะคุณเมสัน...” ละอองฝนรีบส่ายหน้าปฏิเสธละล่ำละลัก
“ฉันน่ะเหรอกล่าวหาเธอ?” คิ้วหนาเข้มเลิกขึ้นสูง “แล้วที่เธอกำลังเผยอปากอยู่ตอนนี้ล่ะ เธอไม่ได้กำลังเชื้อเชิญให้ฉันก้มลงไปจูบเธอหรอกเหรอ”
“คุณเมสัน!” สาวน้อยอุทานเสียงดังกับคำกล่าวหาที่น่าอับอายของเขา
“ในเมื่อเธอมันชอบหาเรื่องใส่ตัวนัก ฉันก็จะสนองให้”
“ไม่นะคะ...คุณกำลังเข้าใจดิฉันผิด...ดิฉันไม่ได้...อุ๊บ!”
ความพยายามที่จะแก้ไขข้อกล่าวหาของเขานั้นไร้ผลโดยสิ้นเชิง เพราะริมฝีปากร้อนบดเบียดลงมาประกบปิดริมฝีปากเอิบอิ่มอย่างกร้าวกระด้าง คนถูกรังแกจึงได้แต่ส่งเสียงห้ามปรามอู้อี้ในลำคอ
ลิ้นหนาสากระคายรุกเร้าเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นนุ่มนิ่มอย่างรวดเร็วกระตุ้นเร้าปลุกปั่นความรู้สึกซ่านสยิวของสาวน้อยไร้ประสบการณ์ให้พลุ่งพล่านขึ้นอย่างน่าตกใจ ก่อนที่มันจะแผ่ซ่านทะลักทลายไปทั่วทุกขุมขน ทำเอาร่างบางอ่อนปวกเปียก หมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะต้านทานความดิบเถื่อนอันแสนวาบหวามนั้นได้ ก่อนที่ลิ้นนุ่มจะค่อยๆ เกี่ยวกระหวัดตอบเขาอย่างเผลอไผล