บท
ตั้งค่า

๒.๑ ทัณฑ์หวาม

ทัณฑ์หวาม

หลังจากทานอาหารมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว ละอองฝนก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หากทว่าไม่ได้คิดจะเข้านอนแต่อย่างใด เธอตั้งใจเอาไว้แล้วว่าพอทุกคนเข้านอนจะย่องไปที่ฟาร์มเพราะอยากเห็นเจ้าม้าน้อยลูกของเฮดีสเหลือเกิน แม้จะแอบหวั่นใจอยู่บ้างว่าถ้าเมสันรู้เข้า เธอคงถูกลงโทษแน่ๆ แต่คิดอีกทีเขาคงไม่มีเวลามาสังเกตหรือสนใจอะไร คงจะขลุกอยู่กับคู่หมั้นแสนสวยที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เป็นวันแรกนั่นแหละ

เมื่อได้เวลาสาวน้อยซึ่งอยู่ในชุดทะมัดทะแมงก็เร้นตัวออกจากคฤหาสน์อย่างเงียบเชียบราวกับนินจา พอพ้นชายคาออกมาได้ เธอก็รู้สึกโล่งสบายและเป็นอิสระเหมือนนกน้อยที่ถูกปลดปล่อยออกจากกรงทอง เท้าเล็กๆ ที่ถูกห่อหุ้มด้วยรองเท้าผ้าใบเก่าๆ เดินแกมกระโดดอย่างเริงร่ามุ่งหน้าไปยังคอกม้าซึ่งอยู่ห่างจากตัวคฤหาสน์กว่าหนึ่งกิโลเมตร แต่ระยะทางแค่นั้นไม่เป็นอุปสรรคสำหรับละอองฝนเลยสักนิด ตอนนี้หัวใจดวงน้อยมีแต่ความตื่นเต้นลิงโลดเพราะรู้ว่าอีกไม่นานจะได้เจอลูกม้าตัวน้อยที่เธอปรารถนาอยากจะเห็นแล้ว

ดวงตากลมโตสุกสกาวไหวระริกเมื่อเดินมาหยุดที่หน้าคอกม้าซึ่งแยกออกมาจากโรงม้าอีกที คอกม้านี้สร้างไว้สำหรับม้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ม้าตัวเมียสีขาวที่ชื่อว่าพรีมโรสผงกหัวขึ้นลงเมื่อเห็นเธอ มือเรียวเล็กจึงยกขึ้นลูบจมูกของมันเบาๆ ก่อนจะมองลูกม้าตัวเล็กๆ ที่มีขนสีน้ำตาลและลักษณะท่าทางสง่างามเหมือนพ่อไม่มีผิด สาวน้อยคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ เมื่อเห็นว่าลูกม้าเป็นเพศผู้ เธอทำความรู้จักกับมันอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงเดินเลยไปยังโรงเก็บม้า ตรงไปยังช่องที่เป็นของเฮดีสโดยเฉพาะ

“ไง...เฮดีส ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน ฉันคิดถึงนายจะแย่ อยากมาหานะ แต่ก็มาไม่ได้ ก็เจ้านายของนายน่ะสิช่วงนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ เขาชอบจับผิดฉันเหลือเกิน ฉันก็เลยไม่กล้ากระดิกตัวไปไหน ดีนะว่าวันนี้คู่หมั้นเขามา เขาก็เลยมัวยุ่งอยู่กับคู่หมั้น ฉันเลยแอบหนีมาเยี่ยมเจ้าตัวน้อยและนายได้ ดีใจด้วยนะที่นายได้ลูกชาย ท่าทางโตขึ้นจะหล่อและดื้อเหมือนนายเลย” สาวน้อยเอ่ยทักทายอาชาไนยตัวโปรดของเมสันซึ่งเป็นม้าตัวโปรดของเธอด้วยพลางลูบคอมันเบาๆ

เฮดีสเป็นม้าในฟาร์มตัวเดียวที่ไม่มีใครกล้าเอามันไปขี่ เพราะนอกจากจะเป็นม้าตัวโปรดของเมสันแล้ว มันยังพยศแรงไม่ยอมให้ใครขี่ได้ง่ายๆ อีกด้วย แต่นั่นไม่ใช่กับละอองฝน เอเดรียนที่เป็นคนสอนให้ละอองฝนขี่ม้ายังแปลกใจที่เฮดีสยอมให้สาวน้อยขี่ง่ายๆ โดยในช่วงหัวค่ำหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ สาวน้อยมักจะเร้นกายออกมาจากคฤหาสน์เงียบๆ และแอบเอาเจ้าเฮดีสไปขี่เล่น เธอทำเช่นนั้นเป็นประจำโดยที่ไม่มีใครรู้ยกเว้นเพียงในค่ำคืนหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังจะเอาเฮดีสเข้าไปในโรงม้า จู่ๆ ก็มีสองสามีภรรยามาขอยืมเฮดีสไปขี่ต่อ ละอองฝนตกใจไม่น้อยที่มีบุคคลอื่นเข้ามารู้เห็นว่าเธอแอบเอาม้าของเมสันไปขี่เล่น ละอองฝนลังเลไม่น้อย แต่เมื่อบุรุษผู้นั้นรับปากว่าจะไม่ทำให้เธอเดือดร้อน สาวน้อยจึงส่งเชือกของเฮดีสให้เขาต่อ แล้วก็กลับไปนอนลุ้นระทึกว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าเพราะกลัวเฮดีสจะแผลงฤทธิ์ใส่คนแปลกหน้า แต่เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ ตอนนั้นแหละละอองฝนจึงได้ค่อยคลายใจ

“เธอนี่มันชอบทำตัวเหมือนแมวขโมยจริงๆ เลยนะ”

เสียงห้าวดุทรงพลังที่ดังขึ้นทำให้ละอองฝนถึงกับสะดุ้งสุดตัวก่อนจะแข็งทื่อราวกับถูกสาปไปชั่วขณะ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร เขามาได้อย่างไร ตอนนี้เขาควรจะอยู่กับคู่หมั้นของเขาไม่ใช่เหรอ สมองของละอองฝนเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ประเดประดังเข้ามา แต่เหนือสิ่งอื่นใดปัญหาเฉพาะหน้าของเธอตอนนี้ก็คือทำอย่างไรจะกล้าหันไปเผชิญหน้ากับคนน่ากลัวที่ทำเสียงดุ อยู่ข้างหลัง

ละอองฝนมีเวลาลังเลไม่นาน สองมือกำยำก็ตะปบลงที่หัวไหล่กลมกลึงและจับให้หันหน้ามาหาเขาเสียเอง เมื่อยืนเผชิญหน้ากันจังๆ แบบนี้ เมสันดูสูงตระหง่านจนเธอตัวเล็กกระจ้อยร่อย ใบหน้าเคร่งขรึมและเนื้อตัวของเขาร้อนผ่าวเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ข้างใน ทำให้ละอองฝนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะถูกเผาจนมอดไหม้ก็ไม่ปาน

“เธอมาทำอะไรที่นี่ฮึ!”

“เอ่อ...ดิฉัน มะ...มาดูลูกม้าค่ะ” สาวน้อยตอบตะกุกตะกักอย่างคนที่ยังตั้งตัวไม่ติด

“แต่ลูกม้าอยู่คอกม้าด้านนอกโน่น”

“ดิฉันดูเสร็จแล้วค่ะ ก็เลยมาแสดงความยินดีกับเจ้าเฮดีส...”

“เข้าใจพูดดีนี่ เข้ามาแสดงความยินดีกับม้าของฉันท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเชียบนี่น่ะเหรอ” เขาหรี่ตามองใบหน้าเนียนที่อยู่ใกล้แค่คืบอย่างไม่เชื่อเลยสักนิด

“ค่ะ” ละอองฝนไม่รู้จะตอบอย่างไร จึงได้แต่รับคำสั้นๆ คิดว่าน่าจะทำให้เขาโกรธน้อยที่สุด

“แน่ใจเหรอละอองฝนว่าไม่ได้นัดคนงานในฟาร์มเอาไว้ แล้วคิดจะใช้โรงม้าเป็นที่พลอดรักหรือทำกิจกรรมอย่างว่ากัน”

“คุณเมสัน!” ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงอย่างตกใจกับคำพูดที่ร้ายกาจเช่นนั้น

“คงจะเปลี่ยวมากเลยสินะ” เมสันกวาดสายตามองสาวน้อยตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า “ถึงได้แร่ออกมากลางค่ำกลางคืนแบบนี้ เหมือนกันทั้งป้าทั้งหลาน ป้าคิดจะระบายความอยากกับลูกชายของผัว ส่วนหลานก็คิดจะระบายกับคนงาน เชื่อแล้วล่ะว่าเชื้อมันแรง”

เพียะ!!!

มือเล็กๆ ฟาดลงบนใบหน้าดุดันเต็มแรงอย่างลืมตัว ตบเขาแล้วก็ตกตะลึงด้วยความตื่นกลัวจนร่างบอบบางสั่นสะท้านไปหมดเมื่อเห็นดวงตาเข้มวาวโรจน์ขึ้นราวกับเปลวเพลิง

“เธอคิดว่าเธอเป็นใคร ถึงกล้าตบหน้าฉันแบบนี้...ฮะ!” เมสันตะคอกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ดวงตาเข้มจ้องเขม็ง ก่อนจะกระชากร่างเล็กจนปลิวเข้าไปปะทะร่างกำยำของเขาเต็มแรงเสมือนตุ๊กตาที่ไร้น้ำหนัก

“ดะ...ดิฉันขอโทษ” สาวน้อยพูดปากคอสั่น

“ดิฉันแค่ปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองเท่านั้น”

“ด้วยการตบหน้าฉันอย่างนั้นเรอะ!”

“แต่คุณพูดจาดูถูกดิฉันก่อนนะคะ”

“ดูถูก?” เมสันทำเสียงหยันๆ ใบหน้าเหี้ยมกระด้าง “แสดงว่าฉันพูดถูกสินะ ถ้าอย่างนั้นบอกฉันมาว่าเธอนัดกับใคร”

“ดิฉันไม่ได้นัดใครค่ะ”

เขาแสยะยิ้มเป็นเชิงหยามหมิ่น “ผู้ร้ายปากแข็งอย่างเธอ ฉันคงต้องง้างปากให้พูด”

ว่าแล้วมือใหญ่ข้างขวาก็เลื่อนลงมาตวัดเอวเล็กแล้วล็อกตรึงไว้ให้แนบกับร่างกำยำจนสาวน้อยขยับไปไหนไม่ได้ ส่วนอีกมือยกขึ้นบีบแนวสันคางเล็ก จนเจ้าตัวเจ็บร้าวไปหมด

ละอองฝนได้แต่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บไม่กล้าเอ่ยอุทธรณ์ใดๆ

“ฉันถามว่านัดกับใคร!” เสียงห้าวกระด้างถามลอดไรฟันในประโยคเดิม

“ไม่มีค่ะ...” เสียงหวานหลุดออกมาเพียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ และหลุบตามองแค่ปลายคางของเขาเท่านั้น

“ถ้าเธอแน่ใจว่าไม่ได้โกหกก็อย่าหลบตาฉัน”

ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่เชยคางของเธอขึ้นอย่างปราศจากคำว่าอ่อนโยน ละอองฝนอยากจะเบี่ยงหน้าหนี หากก็ทำไม่ได้เพราะคางถูกเขาตรึงเอาไว้แน่น ดวงตาคู่สวยไหวระริกด้วยความหวาดหวั่น ยามเมื่อถูกบังคับให้ต้องสบประสานสายตากับตาคมดุดันของเขา และวินาทีต่อมาหัวใจดวงน้อยก็กระตุกวูบเมื่อใบหน้าคนดุเถื่อนก้มต่ำลงมาใกล้กับริมฝีปากสีระเรื่อของเธอ ความหวาดหวั่นทำดวงตากลมแป๋วสวยสีนิลต้องรีบหลับลงเพื่อหนีให้พ้นจากภาพนั้น

“ให้ตายสิ! เธอนี่มัน...”

สาวน้อยได้ยินเขาสบถแค่นั้น ก่อนจะเบิกตาโพลงขึ้นอีกครั้งพร้อมกับครางเสียงอู้อี้ในลำคอด้วยความตื่นตะลึงเมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากแสนกระด้างกดลงบนเรียวปากนุ่มละมุนของเธออย่างดุดัน ต่อมาความตื่นตะลึงก็แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ร่างบอบบางจึงดิ้นขลุกขลักหวังจะหลุดจากการรุกรานอันแสนอุกอาจของเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel