๑.๕ ละอองฝนริมทาง
ละอองฝนยิ้มทักทาย ในไร่แห่งนี้เอเดรียนคือคนที่เธอสนิทสนมด้วยมากที่สุด เพราะตอนที่แอบเข้าไปเที่ยวในฟาร์มเขาจะเป็นคนคอยพาเธอดูม้าและยังสอนให้เธอขี่ม้าด้วย
“ทำอะไรอยู่เหรอออม”
“กำลังอ่านหนังสือค่ะ” สาวน้อยคลี่ยิ้มหวาน “พี่เอเดรียนกำลังจะเข้าฟาร์มใช่ไหม เมื่อเช้าออมได้ยินคุณเมสันพูดว่าพรีมโรสตกลูก”
“ใช่...เป็นม้าเพศผู้ด้วยนะออม ลักษณะสง่างามและท่าทางจะพยศแรงเหมือนเจ้าเฮดีสไม่มีผิด พี่อยากให้ออมเห็น ออมคงชอบมัน”
คำบอกเล่าของเอเดรียนทำให้ดวงตาคู่สวยไหวระริกด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที แต่ก็ต้องควบคุมความรู้สึกนั้นเอาไว้อย่างเต็มที่ ด้วยเพราะรู้ว่าเจ้าของฟาร์มไม่ชอบให้เธอไปยุ่มย่ามในอาณาจักรและของของเขา
“ออมคงไปตอนนี้ไม่ได้หรอกค่ะพี่เอเดรียน พี่ก็รู้ว่าเพราะอะไร...”
“ถ้างั้นว่างๆ ออมแวะไปนะ เอาไว้ไปวันที่คุณเมสันไม่อยู่ก็ได้”
“ค่ะ” ละอองฝนพยักน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ “แล้วเจ้าม้าน้อยมีชื่อหรือยังคะพี่เอเดรียน”
“ตอนนี้น่าจะมีแล้ว เมื่อเช้าคุณเมสันเข้าไปดูคงจะจัดการตั้งชื่อให้มันเรียบร้อยแล้วล่ะ”
“อยากรู้จังนะคะว่ามันจะชื่อว่าอะไร...” เสียงหวานเอ่ยเหมือนกับรำพึง
“ตอนเย็นลองถามคุณเมสันดูสิ”
ถามเมสันอย่างนั้นหรือ! แค่ต้องยืนเผชิญหน้ากับเขาเพียงไม่กี่วินาทีก็ทำเอาเธอหายใจแทบไม่ออกแล้ว นับประสาอะไรกับจะให้ไปละลาบละล้วงถามเขาแบบนั้น มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย สาวน้อยบอกตัวเองในใจ ก่อนจะยิ้มละไมให้เอเดรียนเช่นเดิม
“พี่เอเดรียนกลับฟาร์มเถอะค่ะ เดี๋ยวออมก็จะเข้าบ้านแล้ว มีแขกมาเผื่อคุณลุงอยากจะไหว้วานให้ออมทำอะไร”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะ เอาไว้เจอกัน” เอเดรียนยกมือขึ้นเป็นเชิงเอ่ยลา ใจจริงอยากจะยกมือขึ้นขยี้ผมนุ่มสลวยของเธอด้วยความเอ็นดู แต่ก็รู้ว่าสาวน้อยมีฐานะเป็นหลานสาวของภรรยาเจ้านายจึงหักห้ามใจเอาไว้แค่นั้น
คล้อยหลังเอเดรียน ละอองฝนจึงกลับเข้าไปในห้องโถงของคฤหาสน์ก็เห็นว่าไวแอตกับแพรวดาวนั่งอยู่บนโซฟารับแขกกับสาวสวยอีกสองคนที่เพิ่งจะมาถึง
“หนูออมมานี่ก่อนสิ” ไวแอตเรียกเมื่อเห็นสาวน้อยเดินเข้ามา ละอองฝนจึงเข้าไปหาตามคำสั่ง
“คุณลุงมีอะไรจะให้ออมรับใช้คะ”
“เปล่าหรอก ลุงแค่อยากแนะนำให้รู้จักกับสมาชิกใหม่ของครอบครัวเรา นี่เทเรซ่าคู่หมั้นของเมสัน แล้วก็ธัญญ่าน้องสาวของเทเรซ่าเป็นพยาบาลที่จะมาช่วยดูแลลุง” เจ้าของคฤหาสน์เอ่ยแนะนำ ในขณะที่แม่ของละอองฝนนั่งหน้าเชิดอย่างวางท่า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ดิฉันชื่อ...ละอองฝนภาษาอังกฤษแปลว่าเรนนี่ค่ะ” สาวน้อยแนะนำตัวเองและยื่นมือไปให้เทเรซ่าจับก่อน
สาวงามผู้เย่อหยิ่งมองละอองฝนอย่างคนไว้ตัว ก่อนจะยื่นมือไปจับตอบเพียงไม่ถึงอึดใจก็ชักมือกลับ ซึ่งสาวน้อยก็ไม่ได้คิดถือสาเพราะตัวเองก็ไม่ได้มีเกียรติอะไรที่จะให้ใครมาเห็นความสำคัญอยู่แล้ว จากนั้นละอองฝนก็หันไปทางธัญญ่าบ้าง ซึ่งธัญญ่ากลับคลี่ยิ้มให้เธออย่างผูกมิตรทำให้ละอองฝนค่อยคลายใจ อย่างน้อยสองพี่น้องก็ไม่ได้ถือตัวเหมือนกันซะทีเดียว
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันชื่อ...ธัญญ่าเธอมีชื่อเล่นมั้ย”
“คุณธัญญ่าเรียกดิฉันว่าออมก็ได้ค่ะ”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดเธอคงจะเกิดเดือนมิถุนายนใช่หรือเปล่าถึงได้ชื่อว่าละอองฝน” ธัญญ่าชวนคุยด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ใช่ค่ะ ออมเกิดเดือนมิถุนายน เป็นช่วงหน้าฝนของประเทศไทยพอดีชื่อจริงก็เลยชื่อละอองฝนค่ะ” สาวน้อยบอกเสียงหวานใสน่าชวนฟังทำให้ธัญญ่าอดที่จะเพ่งพิศใบหน้าของคนมาใหม่อย่างจริงจังไม่ได้ ละอองฝนเป็นคนที่สวยสะดุดตามาก ใบหน้าหวานเนียนใสสมวัยนั้น ถูกแต่งแต้มด้วยดวงตาคมดำขลับคิ้วโก่งโค้งดั่งคันธนู จมูกเรียวโด่งรั้น รับด้วยริมฝีปากอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ เธอเคยได้ยินมาว่าริมฝีปากแบบนี้ล่ะที่ผู้ชายชอบนักหนาเพราะเวลาจูบจะให้อารมณ์อย่างที่สุด
“ชื่อเหมาะกับตัวมาก หน้าตาก็สะสวย รูปร่างก็น่าทะนุถนอม...” คนที่เพิ่งพินิจเสร็จเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณมากค่ะ คุณธัญญ่าเองก็สวยมากเช่นกัน” ละอองฝนตอบกลับอย่างอดเขินไม่ได้เพราะไม่ค่อยมีคนชมแบบนี้บ่อยนัก นอกจากยายและน้าสาวเท่านั้น
“ขอบใจจ้ะออม แต่ฉันน่ะสวยน้อยกว่าพี่เทเรซ่า” ธัญญ่าพูดพลางหันไปทางพี่สาวอย่างชื่นชม
“มีอะไรก็ไปทำได้แล้วออม” แพรวดาวแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ไม่ชอบใจนักที่บุตรสาวผูกมิตรกับคนที่จะมาแย่งทุกอย่างไปจากตน อดีตนางแบบสาวใหญ่รู้ถึงสถานะของตัวเองดี เพราะถึงแม้ตอนนี้จะได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของไวแอต แต่ไวแอตก็อายุมากแล้วและมีโรคประจำตัว เมื่อเขาเสียชีวิตไปทุกสิ่งทุกอย่างในอาณาจักรแห่งนี้ก็ต้องตกเป็นของเมสัน และผู้หญิงที่จะได้เป็นใหญ่ในอาณาจักรแห่งนี้รองจากเมสันก็ต้องเป็นภรรยาของเขา ส่วนเธอเองกับลูกสาวก็จะมีสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับเหลือบไรตัวเล็กๆเท่านั้น
เมื่อผู้เป็นมารดาออกคำสั่งเช่นนั้น ละอองฝนจึงต้องหลบเข้าไปในห้องขลุกตัวอยู่แต่ในนั้นกับหนังสือเล่มโปรด รอเวลาจนกระทั่งถึงช่วงเย็นก็ออกไปช่วยงานในครัวซึ่งเป็นงานอย่างเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์อยู่บ้างกับการที่ต้องมาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่โตหลังนี้
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเย็นนี้แตกต่างไปจากทุกวันเนื่องจากมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นอีกสองคน ไวแอตนั่งหัวโต๊ะเช่นเดิม ด้านขวามือเป็นเมสันนั่งคู่กับเทเรซ่า ส่วนด้านซ้ายมือแพรวดาวนั่งคู่กับธัญญ่า
เทเรซ่ามีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสยามอยู่ต่อหน้าเมสันและเอาอกเอาใจชายหนุ่มเป็นอย่างดี ไม่ได้มีท่าทีเย่อหยิ่งไว้ตัวเหมือนอย่างที่แสดงออกกับคนอื่นๆ ทำให้แพรวดาวแอบจิกตาใส่ด้วยความหมั่นไส้อยู่บ่อยครั้ง
“พี่เมสันกลับค่ำแบบนี้ทุกวันเหรอคะ” สาวสวยถามคู่หมั้นของตัวเองที่นั่งตักอาหารใส่ปากด้วยสีหน้าท่าทางเรียบเฉยตามแบบฉบับของเขา
“อืม...” เมสันตอบสั้นๆ
“ถ้างั้นวันหลัง เทเรซ่าขอเข้าฟาร์มด้วยได้มั้ยคะ อยากลองขี่ม้าบ้างค่ะ”
“เอาสิ แต่ในฟาร์มแดดร้อนมากนะ ไม่กลัวผิวเสียหรือไง” เมสันบอกคู่หมั้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ไม่กลัวค่ะ พี่เมสันคงไม่ปล่อยให้เทเรซ่าตากแดดนานๆ หรอกจริงมั้ยคะ”
แพรวดาวเหมือนจะสุดทนกับการฉอเลาะของเทเรซ่า รวมถึงการที่อีกฝ่ายกำลังวางท่าแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเมสันรวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างในแม็คไบรด์ทำให้เผลอรวบช้อนเสียงค่อนข้างดังจนคนในโต๊ะต้องหันมามองเป็นตาเดียวกัน
“อิ่มแล้วเหรอที่รัก” ไวแอตเป็นคนถามเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ของภรรยาไม่ค่อยจะดีนัก
“อิ่มแล้วค่ะ พอดีแพรวไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แพรวขอตัวก่อนนะคะ จะขึ้นไปเตรียมยาไว้ให้คุณ” แพรวดาวตอบห้วนๆ ก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นไปห้องชั้นบนอย่างกระฟัดกระเฟียดทันที ละอองฝนได้แต่มองตาม รู้ว่าแพรวดาวไม่พอใจเทเรซ่า แต่ก็ไม่อยากให้มารดาแสดงออกเช่นนี้เพราะคนที่หนักใจมากที่สุดก็คือไวแอต ซึ่งตอนนี้สุขภาพไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก