๑.๓ ละอองฝนริมทาง
“ฉันถามว่าใคร...ฮะ!!” เมสันถามในน้ำเสียงโทนเดิมที่ฟังดูเกรี้ยวกราดขึ้น และเมื่อไม่มีเสียงตอบกลับมา ชายหนุ่มจึงสาวเท้าเข้าไปหาคนที่แฝงกายอยู่บริเวณมุมห้องทันที
ละอองฝนหน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้มเมื่อร่างใหญ่กำยำขยับตัวใกล้เข้ามา อารามตกใจทำให้เท้าเล็กๆ วิ่งหนีกลับไปยังห้องดูดาวโดยไม่คิดชีวิต
เมสันก้าวพรวดพราดตามอย่างรวดเร็ว ถึงแม้สาวน้อยจะซอยเท้าเร็วยิกๆ เพียงใด แต่ก็ยังไม่ไวพอที่จะหนีฝีเท้ายาวๆ ของชายหนุ่มพ้น มือใหญ่หนาดั่งคีมเหล็กเอื้อมไปดึงผมสลวยจนละอองฝนหน้าแหงนหงาย ก่อนที่เอวเล็กกิ่วจะถูกแขนแกร่งตวัดล็อกจากด้านหลัง
สาวน้อยดิ้นรนสุดเรี่ยวแรงอย่างคนที่อยู่ในภาวะหวาดกลัวและตกใจสุดขีด กายบอบบางพยายามบิดหนีเพื่อจะให้หลุดจากพันธนาการอันน่าระทึกนั้นให้ได้ แต่วงแขนของเขาช่างแข็งแกร่งนัก ดิ้นอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นออกไปได้เสียที
มือใหญ่เลื่อนขึ้นมาตะปบที่หัวไหล่แล้วหมุนร่างเล็กๆ ให้หันมาเผชิญหน้า การต่อสู้กันท่ามกลางความมืดดังขลุกขลักและดูเหมือนว่าคนที่เรี่ยวแรงน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เมื่อเขาคว้าถูกบริเวณคอเสื้อของเธอแล้วกระชากทีเดียวสุดแรงจนขาดดังแควก!
“กรี๊ดดด!”
ละอองฝนหวีดร้องเสียงหลงด้วยตระหนักว่าคอเสื้อยืดของตัวเองนั้นขาดวิ่นจากการถูกกระชาก สาวน้อยได้จังหวะสะบัดตัวอีกครั้ง แต่เท้ากระจิ๋วของเธอก็ลื่นพื้นปาร์เกต์ที่ถูกขัดถูอยู่เป็นประจำ ทำให้เสียหลักล้มหงายหลังลงไปกองแหมะกับพื้น ทั้งจุกทั้งเจ็บหากก็ยังไม่มากเท่าความตื่นกลัวซึ่งเกิดจากการเผชิญหน้ากับผู้ชายที่น่าสะพรึงอย่างเมสันในตอนนี้
ชายหนุ่มไม่ละโอกาสนั้น ร่างสูงใหญ่ตามทาบทับลงไปในลักษณะกางขาคร่อมร่างของเธออย่างว่องไว สองแขนเรียวรีบยกขึ้นมาปิดบังทรวงอกอิ่มที่ซ่อนรูปให้พ้นจากสายตาคู่คมแม้จะอยู่ในความมืดก็ตาม แต่มืออันแข็งแรงก็ตรงเข้ารวบข้อมือเล็กแล้วตรึงไว้กับพื้นเหนือศีรษะได้รูปอย่างง่ายดาย
ความร้อนผ่าวจากร่างหนาบึกบึนนาบลงมาไสเสียดเข้ากับทรวงอกอวบอิ่มเกือบเปลือยเปล่านั้น ละอองฝนยังพยายามดีดดิ้นสุดกำลังเพื่อให้ร่างน้อยซึ่งถูกจองจำอยู่ใต้เรือนกายแกร่งของเขาเป็นอิสระ ทว่ายิ่งดิ้นก็ยิ่งเหมือนแอ่นหยัดให้ความนุ่มหยุ่นของเต้าทรวงสล้างถูไถกับความกำยำของอกกว้างซึ่งอัดแน่นไปด้วยลอนมัดกล้ามมากยิ่งขึ้น และแม้การบดเบียดในระยะประชิดนั้นจะเป็นไปเพราะการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด แต่ปลายถันอันแสนอ่อนไหวกลับชูชันยอดขึ้นเป็นเม็ดกลมเสมือนดอกไม้เบ่งบานรับหยาดพิรุณอย่างน่าตกใจ
“หยุดดิ้นและหยุดร้อง ไม่อย่างนั้นฉันจะบีบคอเธอให้ตายเดี๋ยวนี้!”
คำขู่ของเขาทำให้ละอองฝนรีบหุบปากเงียบสนิทพร้อมทั้งหยุดดิ้นลงโดยพลันดุจเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ถูกถอดปลั๊ก แม้ในห้องนั้นจะมืดมิดแต่เธอก็รู้สึกถึงใบหน้าแข็งกร้าวราวกับโจรสลัดของผู้ที่พันธนาการตนอยู่ สาวน้อยพยายามสะกดอาการสั่นสะท้านของตัวเองและเอ่ยปากขอร้องเขา
“อย่าทำอะไรดิฉันเลยนะคะคุณเมสัน!”
“เธอนั่นเอง...”
ละอองฝนไม่มีเวลาสงสัยว่าทำไมเขาถึงจำเสียงของเธอได้ ทั้งๆ ที่เคยคุยกันแทบจะนับคำ เพราะตอนนี้สิ่งที่เธอปรารถนามากที่สุดก็คือหลุดพ้นจากพันธนาการดิบเถื่อนนั้นเสียก่อน
“ปล่อยดิฉันเถอะนะคะ...คุณเมสัน” สาวน้อยเอ่ยปากอ้อนวอน
“เธอขึ้นมาบนนี้ทำไม คิดจะมาขโมยอะไร ฮึ!” เสียงห้าวดุดันถามอย่าง คุกคามและเอาเรื่องเต็มที่
คำพูดนั้นทำให้เจ้าของร่างบางตัวสั่นระริกคล้ายดั่งลูกกวางน้อยที่ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของพญาราชสีห์แสนดุร้าย เธอรู้สึกได้ถึงความเกรี้ยวกราดที่แสดงออกอยู่บนสีหน้าและแววตาของเขา จึงคิดว่าควรจะอธิบายให้อีกฝ่ายได้เข้าใจ
“ดิฉันเปล่านะคะ ดิฉันแค่ขึ้นมาดูดาวเท่านั้น ไม่ได้จะมาทำอะไรอย่างที่คุณพูดเลยสักนิด”
“ผู้ร้ายปากแข็ง!” เมสันตะคอกเสียงดัง ขณะหรี่ตาลงแคบๆ อย่างไม่คิดจะเชื่อคำพูดของคนใต้ร่างเลยแม้แต่น้อย มือแกร่งข้างหนึ่งละมาบีบคางมนของเธอเต็มแรงอย่างไร้ความปรานีจนสาวน้อยต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บร้าว
“บอกความจริงมา... ไม่อย่างนั้นเธอจะเจ็บหนักยิ่งกว่านี้!”
“ดิฉันเปล่าจริงๆ นะคะจะให้ดิฉันสาบานก็ได้”เสียงหวานรีบยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเองทันที
“แล้วใครอนุญาตให้เธอขึ้นมายุ่มย่ามบนนี้” เขาถามเสียงกร้าวกระด้างพลางโน้มหน้าลงมาใกล้ๆ จนเธอสัมผัสถึงลมหายใจร้อนๆ ที่ผสมมากับความ พิโรธของเขา
“ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้คิดจะขึ้นมายุ่มย่ามบนนี้จริงๆ”
ในสถานการณ์น่าตื่นกลัวเช่นนั้นสาวน้อยคิดอะไรไม่ออกเลยนอกจากพร่ำพูดแต่คำว่าขอโทษเพียงอย่างเดียว
“ถ้าอย่างนั้นเธอขึ้นมาทำไม หรือคิดจะมาเสนอตัวให้ฉันเหมือนอย่างที่ป้าของเธอทำเมื่อกี้นี้...ห๊า!”
“เปล่านะคะ”ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ “ดิฉันไม่เคยคิดจะทำแบบนั้น”
“ป้ากับหลานก็คงไม่ต่างอะไรกันหรอก เชื้อคงไม่ทิ้งแถว ร่าน! แพศยา! ใจง่าย!” น้ำเสียงของเมสันเต็มไปด้วยการดูแคลนและเย้ยหยัน
ละอองฝนรู้สึกได้ว่าตอนนี้สายตาที่เย็นชาปานน้ำแข็งอยู่เป็นนิจวาวโรจน์ขึ้น เนื้อตัวของเขาก็ร้อนรุ่มเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ข้างใน บ่งบอกถึงโทสะที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกขณะ ทำให้เรือนกายของเธอไม่ต่างอะไรกับกำลังจะถูกเผาไหม้
“ได้โปรด...ปล่อยดิฉันเถอะนะคะ...คุณเมสัน”
เธอไม่มีถ้อยคำใดๆ จะแก้ต่างให้ตัวเองและผู้เป็นแม่ นอกจากคำพูดอ้อนวอนเพื่อให้พ้นจากการถูกคุมขังใต้ร่างใหญ่ของเขา
“กลับลงไปซะ...ละอองฝน แล้วอย่าให้ฉันเห็นว่าเธอขึ้นมาบนนี้ หรือคิดจะทำอะไรเหมือนอย่างที่ป้าของเธอทำอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะจับเฆี่ยนให้หลังลาย” เมสันคาดโทษและบีบข้อมือเล็กๆ เข้าเต็มแรงจนสาวน้อยหยีตาด้วยความเจ็บปวดสุดแสน ราวกับกระดูกกำลังจะถูกบดให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ได้ค่ะ ดะ...ดะ...ดิฉันสัญญาว่าจะไม่ขึ้นมาที่นี่อีก” ละอองฝนตัวสั่นงันงก รีบรับปากอย่างไม่ลังเล เธอเชื่อโดยไม่ต้องพิสูจน์อะไรให้เสียเวลาว่าคนโหดร้ายเช่นเขากล้าทำแบบนั้นแน่นอน
เมสันคลายมือออกและลุกขึ้นจากร่างเล็ก สาวน้อยรีบรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด วิ่งกระเซอะกระเซิงกลับลงไปยังชั้นล่าง เปิดประตูห้องมือไม้สั่นระริก ก่อนจะเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเตียงด้วยอาการที่หัวใจยังเต้นแรงโครมครามไม่หาย ร่างกายของเธอก็อ่อนเปลี้ยราวถูกสูบพลังจากแม่เหล็กแรงสูง การเผชิญหน้ากับเมสันเป็นเรื่องที่น่ากลัวกว่าที่จินตนาการเอาไว้หลายร้อยเท่านัก เขาเป็นผู้ชายที่แข็งแรงและโหดร้ายป่าเถื่อน ไม่ผิดไปจากหน้าตาของเขาเลยสักนิด
ละอองฝนตื่นขึ้นมาในยามอรุณรุ่งของเช้าวันใหม่ที่เคล้าคลอไปด้วยเสียงนกร้องจิ๊บๆ และเพียงแค่ร่างเล็กขยับเบาๆ ก็ต้องรีบสูดปากออกมาด้วยความเจ็บร้าวไปทั้งกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อมือและปลายคางที่ถูกมือแข็งแรงบีบจนแทบจะแตกหักเมื่อคืนนี้ เธอถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะลุกไปเปิดไฟแล้วก็ต้องนิ่วหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าข้อมือเล็กๆ ของตัวเองมีรอยเขียวจ้ำๆ ซึ่งนั่นก็เป็นหลักฐานชั้นดีว่าเมื่อคืนนี้เธอเจอการคุกคามมาจริงๆ แต่สาวน้อยก็ไม่มีเวลาจะมาอนาทรต่อความเจ็บของตัวเองมากนัก ด้วยหน้าที่ในครัวยังรออยู่
ร่างบอบบางลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว แล้วออกไปช่วยงานในครัวอย่างที่ทำเป็นปกติทุกวันหลังจากเสร็จเธอก็ต้องไปช่วยเสิร์ฟอาหารและคอยอำนวยความสะดวกที่โต๊ะ ก่อนจะกลับเข้ามานั่งกินในครัวคนเดียว เจ้าของบ้านไม่ได้บอกให้เธอทำงานนี้ แต่คนที่ออกคำสั่งก็คือ ‘คุณ’ โดยให้เหตุผลว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ซึ่งละอองฝนก็ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด สาวน้อยกลับรู้สึกโล่งใจเสียอีกที่ไม่ต้องนั่งร่วมโต๊ะอาหารเพราะเธอคงจะกลืนข้าวไม่ลงถ้าถูกสายตาดุๆ ของเมสันจ้องมองเหมือนคาดโทษอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งตอนอยู่ที่ประเทศไทยเธอก็ตื่นมาช่วยยายกับน้าทำอาหารเพื่อไปขายที่ตลาดเป็นประจำอยู่แล้ว
เมื่อได้เวลาละอองฝนก็ช่วยแม่บ้านและสาวใช้ลำเลียงอาหารออกมาตั้งโต๊ะ พอเจ้านายทั้งสามนั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันครบ สาวใช้ก็ทำหน้าที่เสิร์ฟอาหาร ส่วนละอองฝนทำหน้าที่รินน้ำให้ทุกคน