บท
ตั้งค่า

บทที่ 4-1 หวาดกลัว

เมื่อผ่านสัปดาห์แรกไป หนึ่งฤทัยเริ่มทำงานลงตัวมากขึ้น ถึงจะมีประสบการณ์ระดับหัวหน้าฝ่าย แต่หนึ่งฤทัยก็ยังตามผอ.ไม่ค่อยทัน ต้องคอยยกมือถามแทรกเวลาที่ผอ.พูดศัพท์เทคนิคเฉพาะที่เธอไม่เคยได้ยิน แล้วผอ.ก็จะอธิบายให้เธอฟังด้วยประโยคง่ายๆ ไม่กี่ประโยค ถึงจะไม่อยากยอมรับก็เถอะ แต่การได้ทำงานใกล้ชิดคนเก่งๆ อย่างผอ.ก็เหมือนได้ฝึกข้ามขั้นไปอีกหลายเลเวลเลย

วันนี้หนึ่งฤทัยมาติดต่องานกับผอ.ที่บริษัทพาร์ทเนอร์แห่งหนึ่ง ไลน์ส่วนตัวของหนึ่งฤทัยก็เด้งขึ้นมาระหว่างอยู่บนรถ เธอนั่งคู่กับคนขับ ส่วนผอ.กำลังอ่านงานจากไอแพดอยู่ หนึ่งฤทัยจึงกดตอบข้อความไป พิมพ์ๆ ไปก็หลุดหัวเราะ พอรู้ตัวก็รีบขอโทษ

“ขออภัยค่ะผอ. หนึ่งไม่ได้ตั้งใจรบกวน”

“คุยกับใคร”

“เอ่อ...”

“ถ้าไม่สะดวกใจบอกก็ไม่เป็นไร”

“พี่บี แผนกบัญชีค่ะ พี่บีชวนไปกินชาบูเย็นนี้” หนึ่งฤทัยเอ่ยถึงคุณบีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก็ตอนที่เธอเริ่มทำงานใหม่ๆ โดนด่าทุกวันจนคิดว่าไม่ผ่านโปรแน่แล้ว หนึ่งฤทัยก็ได้คุณพี่บีนี่แหละที่คอยปลอบ พาไปกินของอร่อยๆ แล้วก็...

วูบ...

หนึ่งฤทัยรู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอด้านหลัง ก่อนที่เสียงเย็นๆ นิ่งๆ จากลอยมาจากเบาะหลัง

“ดูท่าทางคุณจะชอบเขามากเลยนะ”

“มีใครไม่ชอบพี่บีล่ะคะ พี่เขาเฟรนด์ลี่มาก แถมยัง...”

“ตอบเขาไปว่าเย็นนี้คุณต้องทำโอทีกับผม บอกปฎิเสธเขาไปซะ”

“ค่ะ...” หนึ่งฤทัยหน้ามุ่ย อยากกินชาบูนี่นา เวลาไปกินกับก๊วนพี่บีจะสนุกมาก แต่ละคนสายกินบุฟเฟ่ต์กันทั้งนั้น ร้านชาบูที่พี่บีจะพาไปก็เล็งกันมาเป็นเดือนแล้ว หนึ่งฤทัยอยากไปๆๆๆๆ

เฮ้อ...

รถหรูประจำตำแหน่งเลี้ยวมาจอดที่หน้าตึกแล้ว หนึ่งฤทัยจึงตั้งสติ ทำงานๆ เดี๋ยวรอรีวิวจากพี่บีแล้วค่อยหาโอกาสไปวันหลังก็แล้วกัน หนึ่งฤทัยรีบปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อทำหน้าที่เปิดประตูให้เจ้านาย แต่เธอยังไม่ทันจะดึงที่เปิดประตู ประตูรถก็เปิดออกเสียก่อน

ผอ.ติณณ์หน้านิ่งขณะยืนตรงหน้า

หนึ่งฤทัยเอ่ยขอบคุณ งงๆ นิดหน่อยแต่ก็รีบเดินตามผอ.ไป

“ตามข้อสรุปแล้ว วันก่อนหนึ่งเป็นตัวแทนผอ.ไปคุยกับ...”

“อุ้ย นั่นหนึ่งใช่รึเปล่า สวยขึ้นเยอะเลยนะ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งทักทายมาแต่ไกล ขณะกำลังรอขึ้นลิฟต์พร้อมผู้บริหาร เธอคนนั้นก็ถลาเข้ามาทักทายเสียงสูง

“จำฉันได้มั้ย ฉันใบตองไง”

“...” หนึ่งฤทัยพยายามหลบ แต่ผู้หญิงคนนั้นตรงปรี่มาแล้ว

“ใครเหรอ” ผอ.ติณณ์ถาม หนึ่งฤทัยก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ พลางภาวนาให้ลิฟต์มาเร็วๆ

“เพื่อนค่ะ หนึ่งกับเธอเรียนคณะเดียวกันค่ะ” ลิฟต์มาช้ากว่าที่คิดและใบตองก็เดินฉับๆ เข้ามาแบบว่องไว หนึ่งฤทัยจึงจำใจต้องคุยด้วย “ไง ใบตอง บังเอิญจังเลยนะ”

“ฉันทำงานที่นี่ แล้วนั่นเธอมากับใครอ่ะ หล่อมากกก แนะนำให้รู้จักหน่อยสิ”

“คือ...”

“เธอทำงานที่ไหนเนี่ย”

“บริษัท XX”

“โอ้โห บริษัทใหญ่เลยนี่ มีตำแหน่งว่างมั้ย เงินเดือนดีสินะ เอาฉันเข้าหน่อยสิ เธอหายเงียบไม่ติดต่อใครบ้างเลย เอ๊ะ หรือว่ายังอายเรื่องนั้นอยู่”

“ลิฟต์มาแล้ว ขอโทษทีนะ ฉันอยู่ในระหว่างการทำงาน ต้องไปก่อน แล้วจะติดต่อไป”

หนึ่งฤทัยรีบตัดบทและขอตัว ผายมือเชิญผอ.ติณณ์เข้าลิฟต์ไป หยึ่งฤทัยก้าวตามไปยืนประจำตำแหน่งที่ปุ่มกดลิฟต์ แต่ใบตองก็ลอยหน้าลอยตาตามเข้ามาพลางส่งยิ้มหวานให้ผอ.

“สวัสดีค่ะ เราชื่อใบตองนะ เราเป็นเพื่อนสมัยมหาลัยของหนึ่งเอง นี่เป็นรุ่นพี่ที่ทำงานของหนึ่งสินะ”

“ครับ ก็ประมาณนั้น”

“งั้นคงจะรู้เรื่องที่หนึ่งเธอ...”

“ใบตอง ฉันเคยขอร้องเธอไว้แล้วไงว่าอย่าพูดเรื่องส่วนตัวของฉันอีก” หนึ่งฤทัยถอนหายใจ แต่ใบตองไม่สน

“โฮ้ย ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ใครๆ เธอก็รู้ รุ่นพี่เธออาจจะอยากรู้ ใช่มั้ยคะ”

“ไม่อยากรู้ครับ” ผอ.ตอบเสียงเรียบนิ่ง มุมปากยิ้มแต่แววตาไม่ยิ้ม ใบตองกลับพยายามทำความรู้จักผอ.ติณณ์ด้วยการเอาเรื่องของหนึ่งฤทัยมาเป็นมุกตลก

“นี่ๆ เรื่องนี้รับรองว่าเด็ดเลยนะคะ คิดดูสิ จะมีใคร...”

“คุณได้รับการอบรมสั่งสอนมาแบบไหน ถึงพยายามทำให้เพื่อนขายหน้า คนอย่างคุณไม่ควรแนะนำตัวเองว่าเป็นเพื่อนของใครนะ เป็นคนมีมารยาทให้ได้ก่อนจะดีกว่า”

คนในลิฟต์ประมาณหกเจ็ดคนเงียบกริบ

ติ้ง!

ประตูลิฟต์เปิดออก ร่างสูงใหญ่ก้าวนำออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย เอาแล้วไง ผอ.แทงนิ่มๆ อีกแล้ว หนึ่งฤทัยสบตาใบตองก่อนจะเดินหัวเราะหึๆ ตามหลังเจ้านายออกไป ทิ้งใบตองให้หน้าชาในลิฟต์ เมื่อประตูลิฟต์ปิด ชีวิตหนึ่งฤทัยก็ไม่เคยเจอหน้าเพื่อนคนนี้อีกต่อไป เรียกได้ว่าไปห่างๆ เถอะไป

“เลิกคบซะนะ”

“ค่ะ” หนึ่งฤทัยเดินตามแผ่นหลังกว้าง นึกขอบคุณผอ.ที่ช่วยไม่ให้เธอรู้สึกแย่ ตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ใบตองตามสังเกตว่าหนึ่งฤทัยดูจะกลัวผู้ชาย แล้วหลังจากใบตองแอดเฟรนไปถามเพื่อนเก่าของหนึ่งฤทัย ใบตองก็จับความลับของเธอได้

“เธอเคยถูกญาติข่มขืนจริงเหรอ?!”

“ฉัน...” หนึ่งฤทัยพูดไม่ออก

ใบตองดูตื่นเต้นมาก ถามนั่นถามนี่ไม่หยุดโดยไม่มีท่าทีรังเกียจเธอเหมือนอย่างคนอื่นในอดีต หนึ่งฤทัยเก็บความเศร้ามานาน เมื่อเจอใครสักคนกอดและปลอบใจ น้ำตามันก็ไม่รู้มาจากไหนมากมาย

“ฉันบอกตัวเองทุกวัน ว่าตัวฉันก็คือตัวฉัน ไม่มีใครทำให้ฉันแปดเปื้อนทั้งนั้น ฉันพยายามจะก้าวต่อไป แต่มันก็เหนื่อยเหลือเกิน”

“เราเป็นเพื่อนกันนะ มีอะไรอยากปรึกษาก็มาคุยกับฉันได้”

“ขอบใจนะ” ตลอดช่วงที่เรียนด้วยกันหนึ่งฤทัยจึงสนิทกับใบตองมาก

“ใบตอง อย่าเอาไปบอกใครนะ ใช่ว่าทุกคนจะยอมรับได้เหมือนเธอ ฉันเคยเจอประสบการณ์แย่ๆ เพราะเรื่องนี้มาก่อน ฉันไม่อยากเจออีกซ้ำสอง”

“ได้ๆ”

แล้ววันหนึ่งใบตองก็แชทไลน์เด้งขึ้นมาหา หนึ่งฤทัยกำลังอ่านหนังสือสอบที่หอสมุดจึงหยิบขึ้นมากดอ่าน

‘ตลกโคตรๆ เลยพวกแก มันเพิ่งเล่าเรื่องแฟนคนแรกให้ฟัง โคตรจี้ คิดดูนะ พอแฟนมันรู้ว่ามันเคยโดนญาติข่มขืน แฟนมันยังไม่ปกป้องเลย แถมทิ้งอีกต่างหาก โคตรน่าสมเพช ฉันว่าคงจะไม่ได้โดนข่มขืนหรอก แต่อ่อยเขามากกว่า’

ข้อความเหล่านั้นถูกลบออกไปในวินาทีต่อมา ใบตองเงียบไปราวๆ หนึ่งชั่วโมง ก่อนจะทักมาชวนไปกินข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนึ่งฤทัยก็ทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่นับวันสายตาของคนในมหาวิทยาลัยก็มีแต่จะจ้องมาที่เธอเหมือนเธอเป็นความผิดบาป หลังจากนั้นไม่นานนักทุกอย่างก็แพร่กระจายไปทั่ว

หนึ่งฤทัยได้แต่ฝืนยิ้มเวลาที่มีคนถาม ไม่ก็ทำเป็นเรื่องตลกขบขันไปเสียให้สิ้นเรื่อง ชีวิตช่วงนั้นของหนึ่งฤทัยพังมากๆ และพังอยู่ข้างในมาตลอด

“ทุกคนก็มีเรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้กันทั้งนั้นแหละ และก็จะมีพวกขยะที่ชอบขุดขึ้นมาเมคฟัน”

ฝ่ามือที่ตบป้าบเข้าที่ไหล่ ปลุกสติของหนึ่งฤทัยให้กลับมาอยู่ที่ปัจจุบัน

“หัดเรียนวิธีด่าแบบสุภาพเอาไว้บ้างก็ดีนะ”

ผอ.ตบเข้าที่ไหล่ของหนึ่งฤทัยอีกป้าบ แล้วเดินนำไป

เจ็บ...

หนึ่งฤทัยลูบไหล่ตัวเองป้อยๆ แต่ก็รู้สึกเหมือนคลายปมอะไรในใจไปได้นิดหน่อย ตรงหัวไหล่มันยังชาๆ แต่ก็อุ่นขึ้นมาในใจด้วยเช่นกัน แต่จะว่าไป คนที่เคยลักจูบแถมลวนลามเธอหน้าตาเฉย มีสิทธิ์ไล่คนอื่นให้มีมารยาทด้วยอ่อ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel