ตอนที่ 8 ไม่คาดฝัน
เจ้าชายมาริคทอดเนตรมองทะเลทรายอันเวิ้งว้างและกว้างใหญ่อย่างเศร้าสร้อย ภาพความหลังยังคงฝังอยู่ในพระทัยไม่เคยลืมเลือน พระองค์และชายาของพระองค์เคยยืนมองภาพแบบนี้ด้วยกันอย่างมีความสุขแต่พระเจ้าก็กลั่นแกล้งพรากนางกับบุตรชายไปจากพระองค์ พระองค์ไม่สามารถรักใครได้อีกแล้วหัวใจของพระองค์ได้ถูกฝังไปพร้อมกับร่างที่หลับใหลของชายาสุดที่รักของพระองค์
“ท่านพี่” เรฮานร้องเรียกพี่ชายเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนเหม่อออกไปด้านนอก
มาริคหันกลับมาตามเสียงเรียกพร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่ม “มีอะไรเร่งด่วนหรือน้องชายถึงได้มาที่นี่ได้”
“ท่านพี่ก็รู้ว่าเรื่องอะไร”
“รู้แต่เจ้าก็จ้องนางแทบไม่วางตาเลยนี่” มาริคอมยิ้ม
“ท่านพี่ข้าไม่ต้องการแต่งกับนางข้าเกลียดหญิงต่างชาติ”
“เรฮานเจ้ายังไม่ลืมเรื่องนั้นอีกหรือ”มาริคมองหน้าน้องชายอย่างเห็นใจ
“ข้าไม่เคยลืมความเจ็บปวดในครั้งนั้นเลย” เรฮานใช้มือลูบคลำรอยแผลเป็นที่ด้านหลัง เมื่อ 5 ปีก่อนเขาเพิ่งเรียนจบใหม่ๆและได้กลับมาบ้าน เขาได้ชอบกับหญิงสาวชาวอังกฤษคนหนึ่งซึ่งมาทำงานเป็นเลขาให้กับพระบิดาของเขาด้วยความรักที่มีต่อนางเขายอมแม้แต่สละตำแหน่งองค์รัชทายาท แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อมีชายหนุ่มชาวอังกฤษซึ่งเป็นวิศวกรในการขุดบ่อน้ำมันมาทำงานที่นี่ด้วย
เมื่อหนุ่มวิศวกรกลับไปหญิงสาวที่เขารักก็หนีไปกับชายหนุ่มคนนั้นด้วย เมื่อรู้เรื่องเขาก็รีบขับรถตามไปที่สนามบินแต่ด้วยความรีบเร่งบวกกับความเร็วทำให้รถเกิดเสียหลักแหกโค้งพุ่งตกลงไปข้างทางเขาบาดเจ็บสาหัสอาการปางตายตั้งแต่นั้นมาเขาจึงตั้งข้อรังเกลียดหญิงสาวต่างชาติเรื่อยมา เขาคบกับหญิงสาวคูลฮาร์นทุกคนที่เสนอตัวเข้ามาแต่ไม่เคยคิดจะรักใคร่อีกเพราะหัวใจรักของเขาได้ตายไปพร้อมกับอุบัติเหตุในครั้งนั้นแล้ว
“เจ้าควรลืมได้แล้วและเปิดใจมองคนอื่นบ้าง” มาริคพูดเตือนสติน้องชาย
“แล้วท่านพี่ล่ะทรงลืมไลแลตได้หรือเปล่า”
“ไม่เหมือนกันหรอกเรฮานพี่คิดถึงนางด้วยความรักแต่เจ้ามีแต่ความเคียดแค้น”
“ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้นางขอยกเลิกการหมั้นเอง” เรฮานบอกอย่างแน่วแน่
“เจ้าไม่ชอบนางบางเลยเหรอ พี่ว่านางสวยและน่ารักดีนะ”
“ท่านพี่ชอบนางหรือ ข้ายกให้เอาไหม”
“ไม่ล่ะเรื่องเจนเซ่นพี่ยังคิดไม่ตกเลยพี่ไม่เคยรักนางและไม่คิดจะรักด้วย”
“ท่านพี่เราออกไปขี่ม้าเล่นกันดีกว่าไหม เผื่อจะสบายใจขึ้น” ชายหนุ่มเอ่ยชวน
“ก็ดีเราไม่ได้ขี่ม้าแข่งกันมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย” มาริคมองหน้าน้องชายก่อนจะพยักหน้ารับ
“อาจจะเป็นเดือน 2 เดือนหรือมากกว่านั้น” เรฮานหัวเราะแล้วชายหนุ่มทั้งสองจึงเดินออกจากตำหนักตรงไปที่คอกม้า
ชุติกาญจน์รู้สึกหงุดหงิดมากที่ต้องนั่งๆนอนๆอยู่แต่ในห้อง จะไปหาจิรดานางกำนัลก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นคำสั่งของเจ้าชายเรฮาน พอจะขอพบองค์สุลต่านก็ไม่ได้อีกนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันเนี่ย
“ยานะฉันเบื่อแล้วนะฉันจะไปหาเพื่อนของฉัน” ชุติกาญจน์บอกพร้อมกับก้าวไปที่ประตูแต่ยังไม่ทันเอื้อมมือไปเปิดประตูก็เปิดออกมาเสียก่อนร่างสูงสง่าของเจ้าชายเรฮานก้าวเข้ามาจนหญิงสาวต้องถอยหลังไป 3 ก้าว ยานะรีบพาตัวเองออกมาจากห้องอย่างรู้งาน
“ถ้าคุณคิดจะอยู่ที่นี่ก็ต้องทำตามกฎของที่นี่ แล้วทำไมไม่ใส่ชุดของที่นี่”
“หม่อมฉันไม่ชอบๆ ชอบแบบนี้มากกว่าแล้วที่พระองค์บอกว่าเป็นกฎๆอะไรของพระองค์” ชุติกาญจน์โกรธจนลืมว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าชาย
“กฎที่ว่าเธอเป็นสมบัติของฉันแล้วจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉัน” เรฮานบอกเสียงเรียบก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้จ้องมองหญิงสาวแก้มยิ้มเยาะ ชุติกาญจน์เกลียดสายตาแบบนี้และเธอก็ไม่ใช่สมบัติของใครด้วยเธอไม่ใช่สิ่งของ
“หม่อมฉันไม่ใช่สิ่งของ และไม่ใช่สมบัติของพระองค์ด้วย”
“เธอปฏิเสธไม่ได้หรอกทันทีที่เธอก้าวเข้ามาที่ประเทศนี้เธอก็เป็นสมบัติของฉันแล้วจำไว้” ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก
“หม่อมฉันมาที่นี่ในฐานะคู่หมั้นของพระองค์เท่านั้นยังไม่ใช่ผู้หญิงของพระองค์” ชุติกาญจน์โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ
“เธอลืมคืนนั้นแล้วหรือไง เธออ่อนระทวยในอ้อมแขนของฉันตอบสนองฉันอย่างเต็มที่ไม่ใช่เหรอ”
ชุติกาญจน์หลบสายตาคมคู่นั้น เธอยังจำได้ไม่เคยลืมในสิ่งที่ต้องสูญเสียไป
“เธอคิดจะยอมแมวขายหรือไง” น้ำเสียงห้วนๆดังขึ้นอีกครั้ง ชุติกาญจน์ขมวดคิ้ว
“ทรงหมายความว่ายังไงเพคะ”
“ถ้าคนที่นอนกับเธอคืนนั้นไม่ใช่ฉันเธอก็คงยังทำตัวเป็นสาวบริสุทธิ์มาหลอกลวงฉันสินะ”
คำสบประมาทของเขาทำให้เพลิงแค้นในใจของหญิงสาวเพิ่มพูนมากขึ้น
“หึ หึ คืนนั้นเพราะหม่อมฉันโดนขืนใจต่างหากไม่ได้เต็มใจและรู้สึกขยะแขยงมากด้วย” ชุติกาญจน์หัวเราะและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่รังเกียจ
“ตุบ” ชายหนุ่มฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะด้วยความโกรธ “อวดดี เธอคิดว่าจะมาเป็นชายาของฉันได้งั้นเหรอ เธอผิดกับผู้หญิงที่นี่”
“ผิดยังไง” หญิงสาวย้อนถาม
“ผู้หญิงที่นี่จะอยู่หลังสามีเสมอ กราบแม้กระทั่งรอยเท้าของสามี ไม่เถียงสามีหรือทำให้สามีไม่พอใจ”
“แบบนั้นมันก็ไม่ต่างกับกดขี่ทางเพศเลย”
“มันเป็นกฎและถ้าเธออยากแต่งงานกับฉันก็ต้องทำแบบนั้นเช่นกันหรือจะเปลี่ยนใจก็ได้ฉันจะบอกเสด็จพ่อให้” เร
ฮานมองหญิงสาวนิ่ง
“ไม่มีทางและหม่อมฉันก็ไม่ยอมทำแบบผู้หญิงพวกนั้นด้วยหม่อมฉันจะไม่ถอนหมั้นแน่หม่อมฉันจะทำให้พระองค์ทรมานไม่สมหวังกับคนที่พระองค์รักเหมือนกับที่หม่อมฉันต้องเจ็บปวดกับสิ่งที่พระองค์แย่งชิงไปจากหม่อมฉัน” แววตาที่มุ่งมั่นของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มชะงัก
“กล้าดีนี่ ได้ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้นอย่าคิดนะว่าการเป็นคู่หมั้นของฉันและแต่งงานกับฉันจะมีความสุขและสุขสบายอย่างที่เธอวาดฝันไว้ ฉันเกลียดผู้หญิงต่างชาติโดยเฉพาะผู้หญิงที่เห็นแก่เงินและยศตำแหน่งอย่างเธอ ถึงแต่งงานกับเธอฉันก็ยังมีผู้หญิงอื่นได้และฉันก็ไม่คิดจะแตะต้องเธออีก” หญิงสาวมองเห็นแววตาเกลียดชังในดวงตาของชายหนุ่ม
“หม่อมฉันก็ไม่ต้องการจะให้พระองค์แตะต้องอยู่แล้ว แต่ในเมื่อหม่อมฉันเป็นชายาของพระองค์จะหญิงสาวคนไหนถ้าพระองค์สนใจหม่อมฉันก็จะพรากไปจากพระองค์ให้หมดเช่นกัน” ชุติกาญจน์ยิ้มอย่างเย็นชา
“เจ้ามันนางมารร้ายชัดๆ” ชายหนุ่มโมโหอย่างมาก
“แล้วเราจะได้เห็นดีกันชุติกาญจน์” ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ชุติกาญจน์ทรุดนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรงเธอต้องรวบรวมความกล้าอย่างมากที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา
“ดาฉันอยากเจอเธอจังเลย” หญิงสาวนั่งนิ่งจนยานะตกใจรีบเดินเข้ามาหา
“คุณคะเป็นอะไรหรือเปล่า”
ชุติกาญจน์รีบกลั้นน้ำตากับเข้าไปดังเดิมเธอจะร้องไห้ให้ใครเห็นไม่ได้เด็ดขาด
“เปล่าฉันต้องการพบกับเพื่อนของฉัน”
“แต่ว่าเจ้าชายทรงรับสั่งห้ามไว้นะคะ” ยานะทำท่าอึดอัดใจ
“ทำไม”
“เจ้าชายรับสั่งว่าแขกต่างเมืองเยอะไม่ต้องการให้ผู้หญิงของพระองค์ออกไปเดินวุ่นวายด้านนอกค่ะ”
“แต่ไม่ได้ห้ามฉันมาหาเจ้านายของเธอใช่ไหม” จิรดาเปิดประตูเดินเข้ามาอย่างไม่พอใจ
“คุณ”เบสคิสนางกำนัลที่คอยดูแลจิรดาวิ่งตามมาอย่างตื่นกลัว
“ถ้าเกิดเจ้าชายรู้เขาพวกเราต้องโดนลงโทษอย่างหนักแน่”
“พวกเธอไม่ผิดฉันดื้อที่จะมาเองแล้วฉันก็ไม่ใช่คู่หมั้นของเจ้าชายด้วยอยู่นอกเหนือคำสั่งนั้น”จิรดาหันไปมองหญิงสาวที่ยืนก้มหน้าอย่างนึกสงสาร
“ฉันขอคุยกับเพื่อนฉันเดี๋ยวเดียวเธอออกไปรอข้างนอกก่อนแล้วจะรีบกลับ” จิรดาสั่งก่อนจะหันไปมองชุติกาญจน์ที่ยิ้มอย่างดีใจที่เห็นเธออีกครั้ง ยานะและเบสคิสจึงจำต้องเดินออกไป
“กานเป็นอะไรหรือเปล่าหน้าซีดๆ”
“เจ้าชายเสด็จมาที่นี่ เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการแต่งงานกับฉัน” ชุติกาญจน์บอกกับเพื่อนสาว
“แล้วเธอว่าไง” จิรดาถามต่อ
“แบบนี้แหละที่ฉันต้องการยิ่งเขาเกลียดฉันมากเท่าไรฉันก็ยิ่งต้องการแต่งกับเขา ฉันรู้ว่าเขาขัดพระบิดาของเขาไม่ได้” ชุติกาญจน์ยิ้ม
“น่าสนุกดี แต่ฉันชักโมโหแล้วล่ะที่ออกไปไหนก็ไม่ได้จะพบเธอก็ไม่ได้เขากำลังเล่นสงครามประสาทกับเราอยู่นะกาน” จิรดามองอีกฝ่าย
“ใช้แต่ฉันไม่ยอมหรอก ฉันจะทำให้เขาโกรธจนเส้นเลือดแตกไปเลย” ชุติกาญจน์ยิ้ม
“น่ากลัวจังเลย ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นสิงห์สาวที่น่ากลัวก็วันนี้เอง”จิรดาหัวเราะอย่างชอบใจ
“คุณคะกลับกันเถอะค่ะ”เบสคิสมีสีหน้าเป็นกังวล
“ฉันกลับก่อนนะแล้วจะมาใหม่” จิรดาหันไปกระซิบบอกกับชุติกาญจน์
“จ้ะ” หญิงสาวพยักหน้า
จิรดายิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยมีเบสคิสเดินตามไปอย่างเป็นกังวล แต่ระหว่างทางจิรดาได้เจอกับอายาล่า “มาแค่วันเดียวกล้าเดินออกไปนอกห้องด้วยเหรอ”
“ฉันก็มีขาทำไมจะออกไปไหนมาไหนไม่ได้ท่านหญิงยังไปได้เลย”
“แต่ข้าเป็นท่านหญิงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเธอ” อายาล่ากำมือแน่น
“แล้วไงคะท่านหญิงกับฉันก็คนเหมือนกันมีสองมือสองขาเท่ากันหรือว่าท่านหญิงมีอะไรที่แตกต่างจากฉันหรือคะ” จิรดาย้อนถามและมัวแต่มองหญิงสาวตรงหน้าจึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีอีกบุคคลหนึ่งเดินมาทางด้านหลังของเธอ
“ผู้หญิงไทยกล้าแบบเจ้าทุกคนหรือเปล่า” มาริคเดินมาหยุดยืนข้างอายาล่า
“ไม่ทราบเพคะแต่หญิงไทยในประวัติศาสตร์กล้าที่จะออกรบเคียงข้างผู้ชายเสมอ” จิรดาเอ่ยอย่างภาคภูมิ
“ข้าก็เคยอ่านประวัติของชาติไทยเหมือนกันและรู้สึกประทับใจในพระจริยวัตรของพระมหากษัตริย์ของประเทศไทยมาก” จิรดาเงยหน้ามองอีกฝ่าย
“เจ้าพี่มาริคนางพูดดูถูกน้อง” อายาล่าทำท่าอ้อน
“เจ้าเป็นถึงท่านหญิงอย่าไปถือสานางเลย แล้วพี่เจ้าไปไหนล่ะถึงได้มาเดินเที่ยวคนเดียวแบบนี้” ชายหนุ่มถามขึ้น
“ท่านพี่พักผ่อนอยู่ในห้องเพคะเจ้าพี่จะเสด็จไปหาหรือเปล่าเพคะหม่อมฉันจะพาไป” หญิงสาวยิ้มอย่างดีใจ จิรดารู้สึกหมั่นไส้นัก..นี่หรือที่ว่าไม่สนใจผู้หญิงอีกแล้ว ผู้ชายร้อยทั้งร้อยพอเจอหญิงสาวสวยก็เป็นจอดทุกราย...
“หม่อมฉันทูลลาเพคะ” จิรดาย่อกายลงเล็กน้อยและเดินหนีไปแต่ก็ต้องหยุดชะงัก
“เดี๋ยว ทำไมเจ้าไม่ใส่ชุดที่เสด็จแม่จัดมาให้” มาริคถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ชอบเพคะมีเครื่องประดับเยอะแยะมากมายหม่อมฉันไม่ชอบ” หญิงสาวตอบตามตรง
“แปลกนะผู้หญิงที่นี่มีแต่ชอบเครื่องประดับที่สวยงาม”
“เพราะหม่อมฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่นี่และไม่สนใจสิ่งลวงตาพวกนั้นด้วย” หญิงสาวตอบและเดินจากไป มาริคอมยิ้มในคำตอบของหญิงสาว
“เจ้าพี่จะเสด็จไปหาท่านพี่หรือเปล่าเพคะ” หญิงสาวถามขึ้นอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมองหญิงสาวที่เดินจากไปอย่างสนใจ
“ไม่ล่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เจอกัน” ชายหนุ่มบอกก่อนจะเดินกลับไปทางปีกขวาของพระราชวัง อายาล่าไม่พอใจอย่างมากที่หญิงสาวชาวไทยทั้งสองคนนี้มาอยู่ที่นี่ นางไม่ชอบเลยโดยเฉพาะคนที่ชื่อชุติกาญจน์ นางจะไม่ยอมให้เจ้าชายเรฮานแต่งกับผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด
วันนี้เป็นวันที่สองแล้วที่สองสาวมาอยู่ที่คูลฮาร์นและชุติกาญจน์กับจิรดาได้รับอนุญาตจากพระชายาราจาให้เข้าพบกับพระนางได้
“พวกเจ้าไม่ชอบชุดที่เราส่งให้เหรอ” น้ำเสียงนุ่มฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
“เปล่าเพคะชุดสวยมากเพคะแต่มันไม่เหมาะกับพวกเราเพคะ” ชุติกาญจน์ตอบอย่างถนอมน้ำใจของอีกฝ่าย
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่เหมือนกับหญิงสาวชาวคูลฮาร์น แต่พรุ่งนี้เป็นวันงานฉลองข้าอยากขอร้องให้พวกเจ้าใส่ข้าได้เตรียมชุดเอาไว้ให้กับพวกเจ้าแล้วพรุ่งนี้จะส่งให้พร้อมกับช่างแต่งหน้าทำผม แต่ไม่ดีกว่าพรุ่งนี้พวกเจ้ามาหาข้าที่นี่แต่เช้า” หญิงสูงศักดิ์ยิ้มให้ อย่างอ่อนโยน ชุติกาญจน์และจิรดามองหน้ากันอย่างปฏิเสธไม่ได้
“เจ้าต้องเรียนรู้กฎและระเบียบของคูลฮาร์นเพื่อจะได้เป็นหน้าเป็นตาให้แก่สามีต่อไป” ราจาหันไปบอกกับชุติกาญจน์
“แต่ว่าหม่อมฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้ ต้องเดินตามหลังสามีไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นเลย หม่อมฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น” ชุติกาญจน์ก้มหน้าเพราะกลัวอีกฝ่ายจะทรงกริ้ว
“เงยหน้าพูดกับเราเถอะไม่ต้องกลัวเราโกรธ เรารู้ว่าเจ้ามาจากประเทศที่หญิงสาวมีสิทธิ์เท่าเทียมกับผู้ชาย ที่นี่ก็ใช่ว่าจะเป็นแบบนั้นเสมอไปตั้งแต่พระสวามีของเราขึ้นครองราชก็นำธรรมเนียมสากลเข้ามาใช้ผู้หญิงสามารถออกงานสังคมร่วมกับสามีได้ มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นในบางเรื่องแต่ก็ใช้ว่าจะลืมธรรมเนียมเก่าๆนะพวกเรายังต้องเคารพสามีอยู่เวลาออกนอกบ้านก็จะปิดหน้าและถ้าสามีไม่อนุญาตก็ห้ามเปิดหน้าให้ชายอื่นเห็น”
“แต่ที่นี่ก็ยังมีระบำเปลืองผ้าไม่ใช่หรือเพคะ ทำไมผู้ชายถึงเห็นหญิงอื่นเปลืองผ้าได้แต่ผู้หญิงกลับทำไม่ได้” จิรดาถามอย่างไม่เข้าใจ
“เจ้าช่างสังเกตจริงๆ ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเป็นของสามีคนเดียวเท่านั้น แต่นางระบำเป็นหญิงสาวที่ให้ความสำราญกับผู้ชายซึ่งถือว่าเป็นความดีของนาง พวกเรามีความเชื่อกันแบบนั้น” ราจายิ้มพร้อมกับอธิบายให้หญิงสาวฟัง
“ไม่ยุติธรรมเลย” ชุติกาญจน์พูดออกมาอย่างลืมตัว
“ใช่ แต่เราก็ยึดถือกันมานานแล้วเรื่องนี้คงเปลี่ยนไม่ได้”
“หม่อมฉันไม่ได้หมายความว่าต้องการแบบนั้นนะเพคะ” ชุติกาญจน์รีบพูดแก้ตัว
“หึ หึ ไม่ต้องห่วงที่นี่เจ้าจะคิดจะพูดอะไรก็ได้ตามใจข้าไม่ว่าหรอก” คำพูดที่อ่อนโยนทำให้หญิงสาวทั้งสองยิ้ม
“ทูลฝ่าบาทท่านซาอินขอเข้าเฝ้าเพคะ” นางกำนัลเข้ามารายงาน
“พวกเจ้าอยู่ก่อนนะจะแนะนำหลานชายของเราให้รู้จัก” ราจาบอกและยิ้มให้กับชายหนุ่มที่เดินเข้ามา ร่างสูงเพรียวแต่กำยำ ผิวที่คล้ำแดดจนเป็นสีแทน ดวงตาดำรับกับคิ้วหนาและผมยาวดำขลับ ริมฝีปากหนาได้รูปส่งให้ใบหน้าเข้มดูน่าหลงใหลและน่าเกรงขามมากขึ้น
“ถวายพระพรเสด็จอา” ชายหนุ่มนั่งลงตรงหน้าพระชายาราจา
“ลุกขึ้นเถอะหลานรัก อาจะแนะนำให้รู้จักคนนี้คือชุติกาญจน์คู่หมั้นของเรฮานและจิรดาเพื่อนของนาง” สิ้นคำแนะนำทั้งสองสาวก็ย่อตัวลงเป็นการทำความเคารพ
“และคนนี้คือชีคซาอิน อันลามายา ซินบาลัค หลานชายของเราเองเขาปกครองแคว้นทางตอนใต้ของคูลฮาร์น”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ น่าอิจฉาเรฮานจริงๆที่มีเจ้าสาวสวยขนาดนี้” ซาอินยิ้มให้ชุติกาญจน์
“เจ้าก็รีบหาเข้าสิ อายุป่านนี้แล้วยังไม่คิดจะแต่งงานอีก”
“ข้ายังไม่พร้อมจะมีภาระข้ายังมีงานต้องจัดการอีกมาก” ซาอินยิ้มให้ท่านอาของเขา
“เจ้าก็อ้างแบบนี้อยู่เรื่อย เดี๋ยวเราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่านานๆจะได้คุยกันเสียที” ราจาบอกและลุกขึ้น
“หม่อมฉัน 2 คนขอตัวก่อนนะเพคะ” ชุติกาญจน์รีบเอ่ย
“เชิญจ้ะ แล้วพรุ่งนี้เช้าเจอกัน” หญิงสูงวัยกว่าหันมาและพยักหน้าให้กับหญิงสาวทั้งสองเป็นเชิงอนุญาต
ชุติกาญจน์สังเกตว่าจิรดาเงียบตั้งแต่เดินออกมาจากห้องของพระชายาราจา “เป็นอะไรไปดาเงียบเชียว”
“เปล่าจ้ะ” หญิงสาวหันไปยิ้มให้
“จริงสิฉันว่าจะถามเธอตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่บ้านแล้วว่าทำไมคุณหญิงถึงไม่ชอบเธอทั้งที่ก็เป็นหลานสาวเหมือนกัน” ชุติกาญจน์หยุดและหันไปมองจิรดาอย่างจริงจัง
“เฮ้อ...มันเป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นคุณพ่อเพิ่งจบและเข้าทำงานในศูนย์วิจัยและได้เดินทางไปดูงานที่ลำปางและได้พบกับคุณแม่ซึ่งเป็นผู้ช่วยศาสตรจารย์ ทั้งสองชอบพอกันจนกลายเป็นความรัก คุณพ่อจึงไปบอกกับคุณหญิงเพื่อให้มาสู่ขอคุณแม่ แต่คุณหญิงไม่ชอบคนจนจึงไม่ยอมและยื่นคำขาดว่าถ้าคุณพ่อเลือกคุณแม่ก็ต้องโดนตัดออกจากกองมรดก คุณพ่อรักคุณแม่มากจนยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อคุณแม่ คุณหญิงจึงโกรธและตัดคุณพ่อออกจากกองมรดกแต่คุณพ่อก็ไม่กลัวทำงานเลี้ยงดูคุณแม่กับฉันจนมาถึงตอนนี้พวกเรามีความสุขมากฉันก็ฝันนะว่าจะมีความรักแบบคุณแม่บ้าง” จิรดายิ้มอย่างเพ้อฝัน
“ฉันเชื่อว่าเธอจะต้องเจอ ส่วนฉันจะเป็นยังไงต่อไปก็ยังไม่รู้เลย” ชุติกาญจน์มองหาอนาคตของตัวเองไม่ได้เลย
“ฉันว่านี่คือพรหมลิขิตที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ไม่แน่นะถ้าเธอแต่งงานกับเจ้าชายความดีของเธอจะต้องเอาชนะใจของเจ้าชายได้” จิรดายิ้มให้ชุติกาญจน์
“ไม่มีทางฉันเกลียดเขาและเขาก็เกลียดฉัน”
“เธอแน่ใจนะว่าที่เธอรู้สึกคือความเกลียด” จิรดายิ้ม
“แน่ใจสิฉันเกลียดเขาและเกลียดมากด้วย”ชุติกาญจน์ยืนยันและเดินหนีจิรดาไปดื้อๆ
ยาจิลยืนมองสองสาวอย่างสนใจอยู่ที่ด้านหลังต้นปาล์มใหญ่ เขาเองก็ทราบข่าวมาเหมือนกันว่าเรฮานมีคู่หมั้นแล้วแต่อย่างเจ้านั่นนะเหรอจะแต่งงานกับหญิงต่างชาติในเมื่อเคยมีรอยแผลมาก่อน
“คู่หมั้นเรฮานสวยไม่ใช่เล่น อีกคนก็น่าสนใจอยากได้ซะแล้วสิ” รอยยิ้มผุดขึ้น
“อ้าวยาจิลมาทำอะไรตรงนี้” ราจาร้องทักหลานชายอีกคนหนึ่ง
“ข้ากำลังมองดอกกุหลาบงามสองดอกอยู่นะเสด็จอา” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับเดินเข้าไปหาอาหญิงและพี่ชายของเขา
“อย่าคิดทำอะไรบ้าๆนะยาจิลเรฮานฆ่าเจ้าแน่” ซาอินมองน้องชายอย่างรู้ทัน
“ใช่ อาก็ขอเตือนอย่ายุ่งกับเธอ” ราจามองหลานชายด้วยสายตาดุดัน
“ข้าไม่ยุ่งก็ได้แต่อีกคนก็สวยไม่แพ้กันท่านอาคงไม่ว่าอะไรนะ” ยาจิลยิ้มที่มุมปาก
“ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเจ้าไม่คิดชอบเขาจริงจังก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับนาง พวกนางไม่เหมือนกับผู้หญิงคูลฮาร์นนางไม่ยอมเจ้าง่ายๆหรอก” ราจาเอ่ยเตือนหลานชาย ยาจิลใช่มือลูบคางสากๆของตัวเองไปมา “แบบนี้ยิ่งน่าสนใจข้าชอบม้าที่พยศมันสนุกดี”
“หยุดได้แล้วยาจิลเจ้าควรฟังที่ท่านอาเตือนไม่งั้นเจ้าจะต้องเดือดร้อน” ซาอินเสียงเข้มขึ้น
“ข้ารู้แล้วข้าไปล่ะจะไปเดินเที่ยวซะหน่อยอยู่กับพวกท่านแล้วไม่สนุกเลย” ชายหนุ่มบอกและเดินหายไปทางสวนดอกไม้
“เสด็จอาดูจะกังวลพระทัยมีอะไรหรือเปล่าพระเจ้าค่ะ” ซาอินประคองหญิงสูงวัยมานั่งที่ใต้ต้นไม้
“อากลุ้มใจเรื่องการแต่งงานของเรฮานดูท่าทางเขาจะไม่ชอบชุติกาญจน์เอามากๆ อากลัวว่าเรฮานจะหนีและจะทำให้องค์สุลต่านทรงกริ้วได้”
“เสด็จอาอย่าเพิ่งกลุ้มพระทัยไปเลยรอดูท่าทีของเขาก่อนดีกว่า แต่ข้าคิดว่าเรฮานไม่ทำแบบนั้นแน่เพราะเขาก็เป็นลูกผู้ชายและรู้จักหน้าที่ของตนเองดี” ซาอินแสดงความคิดเห็น
“ข้าก็ขอภาวนาให้เป็นแบบนั้น ว่าแต่เจ้าเถอะพรุ่งนี้มีลูกหลานของเชื้อพระวงศ์มากมายถ้าสนใจใครก็บอกอาๆจะจัดการให้”
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำสั้นๆ เขายังไม่อยากผูกมัดตัวเองกับใครเพราะกลัวว่าจะดึงเธอคนนั้นมาลำบากด้วยชีวิตที่ต้องอยู่กับทะเลทรายแบบเขาไม่สุขสบายเหมือนกับอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายอยู่อย่างครบครันผู้หญิงทุกคนต้องการแบบนั้นไม่มีใครทนความลำบากได้หรอกการแต่งงานสำหรับเขาก็คือเรื่องเพ้อฝันเท่านั้น