ตอนที่ 7 เห็นหน้าก็เกลียดเข้าไส้
งานวันเกิดที่บ้านท่านเจ้าสัวซิวหลงอดีตมาเฟียใหญ่และเป็นหัวหน้าเก่าของอังกูลและวิรัตน์ซึ่งทั้งสองก็คือลูกน้องคนสนิทที่เป็นทั้งมือซ้ายและมือขวาเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว รถคันใหญ่สีดำสองคันจอดต่อท้ายกันอย่างกระชันชิด รถคันแรกมีวิรัตน์ อริญชย์และราเมศวร์ นั่งมาด้วยกัน วันนี้ชายหนุ่มดูหล่อและน่าเกรงขามยิ่งนัก...เขาอยู่ในชุดสูทสีกรมท่าและเนกไทเข้าชุดกัน สาวๆในงานต่างจ้องมองเขาอย่างสนใจ
ส่วนรถคันที่สองอังกูลและพิจิตราก้าวลงมาอย่าสง่างาม วันนี้หญิงสาวสวมชุดแบบจีนกีบเถาสีแดงขับกับผิวขาวนวล ผมยาวขมวดไว้ด้านหลังและเสียบด้วยดอกไม้สีแดงเช่นกัน ราเมศวร์หันไปมองหญิงสาว เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวที่ไหนจะสวยและสง่าได้เท่านี้มาก่อน พิจิตราก็ยืนมองชายหนุ่มเช่นกันและค้อนใส่เขาเมื่อเห็นสายตาที่ชายหนุ่มมองมาที่ตนเอง
...หยิ่งใช่เล่นซะด้วยนี่แหละลูกคนรวยไม่เคยมองใครดีสักคน...ราเมศวร์ลอบคิดในใจก่อนจะเดินทำเป็นไม่สนใจหญิงสาวเข้าไปในงาน
“ใครกันคะคุณพ่อท่าทางยโสน่าดูเลย” พิจิตรากระซิบถามบิดาอย่างสงสัย
“พ่อก็ไม่รู้แต่น่าจะเป็นลูกน้องของเจ้าวิรัตน์มัน” อังกูลเดาตามสถานการณ์
“ท่าทางเขาดูน่าเกรงขามเหมือนกันนะคะคุณพ่อ แต่ก็ดูเฉิ่มๆยังไงก็ไม่รู้” หญิงสาวยิ้มหยัน
“ลูกสนใจเขาหรือ” อังกูลหันมาถามบุตรสาว
“อย่างหนูนี่หรือคะจะสนใจเขาไม่มีทาง” เธอเชิดหน้าขึ้นและเดินควงบิดาเข้าไปในงาน
ซิวหลงเดินออกมาตอนรับทั้งสองตระกูลด้วยตนเอง ราเมศวร์ยื่นของให้แกผู้อาวุโสพร้อมกับคำอวยพรตามที่ได้เตรียมมา
“ขอให้ท่านซิวหลงมีอายุยืนยาวเป็นที่พึ่งของพวกเราไปนานๆนะครับ” ชายหนุ่มยิ้ม
ซิวหลงมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพิจารณาก่อนจะยิ้มออกมา
“ไอ้หนุ่มคนนี้หน่วยก้านดีแถมยังมีแววตาที่น่ากลัวอีกด้วย ใครกันหรือจินฟง” ซิวหลงหันไปถามวิรัตน์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“หลานชายของผมเองครับ คนที่ผมจะให้ขึ้นเป็นหัวหน้าคนใหม่ของพยัคขาวครับท่านซิวหลง” เขาตอบเสียงเรียบ และเห็นแววฉงนในดวงตาของท่านผู้เฒ่า แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“เหมาะที่เดียว อนาคตไกลแน่ๆแล้วชื่ออะไรล่ะ” ซิวหลงหัวเราะในลำคอ
“ชื่อ ราเมศวร์ หรือเรียกสั้นว่า ราม ครับ” ราเมศวร์ตอบพร้อมกับคลี่ยิ้มน้อยๆ
“อืม...” ซิวหลงพยักหน้าและมองไปทางด้านหลังของชายหนุ่ม ราเมศวร์หันไปมองก็พบว่าเป็นพวกของอังกูลเขาจึงหลบให้อังกูลและบุตรสาวได้เข้ามาอวยพรบ้าง เมื่อทั้งสองเดินมาถึงที่โต๊ะของซิวหลง ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาที่ดูหมิ่น พิจิตราถึงกับหน้าชาเพราะไม่เคยมีใครกล้ามองเธอแบบนี้มาก่อน พวกผู้ชายส่วนใหญ่ที่เธอคบหาด้วยจะสุภาพและให้เกียรติเธอเสมอยอมตามใจเธอทุกอย่างดุจดั่งเป็นทาส หญิงสาวเม้มปากแน่น
“ลูกหลิว ลูกหลิว” อังกูลสะกิดลูกสาวและกระซิบเรียกเบาๆ “เอาของขวัญให้ท่านซิวหลงสิลูก”
“ค่ะ” หญิงสาวยิ้มและส่งของขวัญที่เตรียมมาให้กับซิวหลง
“อาใบหลิวใช่ไหมเนี่ย โอ้โห..โตเป็นสาวแถมสวยมากเสียด้วย แบบนี้อาตงเสิ่นก็คงต้องลำบากใจหน่อยนะ” ผู้อาวุโสหัวเราะเสียงสดใส
“ทำไมหรือคะ” หญิงสาวถามพร้อมกับยิ้ม
“ก็มีคนมาหลุมจีบมากมายนะสิ จริงไหมอาราม” เขาหันไปถามชายหนุ่ม
“จริงครับแต่สำหรับผมของสวยๆบางอย่างก็สวยแต่รูปจูบไม่หอมนะครับอย่างกับคำโบราณของไทยที่ว่า ข้างนอกสุกใส ข้างในตะติ้งโหน่งไงครับ” ชายหนุ่มตอบและยิ้มให้กับชายสูงวัย
“นี่นายว่าฉันหรือไง” พิจิตราหันมามองเขาอย่างไม่พอใจ
“เปล่านะครับผมเปรียบเทียบให้ท่านซิวหลงฟังก็เท่านั้น” ราเมศวร์ตอบสีหน้าเรียบเฉย
“นายมันก็ไอ้คนบ้านนอกทำมาเป็นปากดีเปรียบเทียบคำสุภาษิต ทุเรศ!” หญิงสาวด่าเขาอย่างไม่ไว้หน้า
“พี่เขาล้อเล่นน่าหนูใบหลิว อย่าจริงจังไปเลย” ซิวหลงรีบพูดขัดขึ้นก่อนๆที่ทั้งสองจะทะเลาะกันจริงๆ ราเมศวร์กัดฟันกรอดแล้วก็ยิ้ม
“ปากสวยๆอย่างคุณเก็บเอาไว้ให้คนจูบดีกว่านะครับอย่าใช้ด่าคนอื่นเลยผมเสียดาย” ชายหนุ่มพูดจบก็เอามือล้วงกระเป๋าเดินหนีออกมา เขาไปเดินหาของทานที่โต๊ะอาหารที่จัดไว้ สาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็เข้ามารุมล้อมเขาดุจหมู่แมลงภู่ ผึ้ง บินเข้ามาตอมดอกไม้สด พิจิตรามองราเมศวร์อย่างแค้นเคืองที่เขาสบประมาทเธอ
“ไปนั่งที่โต๊ะกันดีกว่า” ซิวหลงชวนทั้งหมดไปนั่งที่โต๊ะเพราะมีการแสดงที่ลูกน้องเก่าของเขาจัดมาให้ด้วย พิจิตรานั่งอย่างไม่เป็นสุข เธอไม่พอใจชายหนุ่มที่นั่งโต๊ะข้างๆ เธออย่างมาก
“ราม...ใบหลิวมองค้อนเธอยกใหญ่เลยนะ” อริญชย์กระซิบบอกกับชายหนุ่ม ราเมศวร์หันไปมองและเมินหน้ากลับมา
“เขาคงเกลียดผมเข้าไส้ไปแล้วมั้งครับ” ชายหนุ่มบอกสีหน้าเรียบเฉย
“ออกไปเต้นกันไหมคะคุณเอ้อ....”หญิงสาวนางหนึ่งเดินเข้ามาหาราเมศวร์และยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ผม ราเมศวร์ครับ เรียกรามก็ได้ครับ”ชายหนุ่มบอก
“ค่ะ คุณราม เพื่อนๆของดิฉันอยากรู้จักคุณกันจะแย่อยู่แล้ว เชิญที่โต๊ะเราสักนิดนะคะ” หญิงสาวชี้มือไปทางโต๊ะที่มีแต่สาวๆนั่งกันอยู่ 4-5 คน เหล่าบรรดาสาวๆต่างก็โบกมือให้อย่างเชื้อเชิญ
“ไปเถอะราม ให้เกียรติสุภาพสตรีหน่อย” วิรัตน์บอกกับชายหนุ่ม
“ครับ” เขาลุกขึ้น แต่เมื่อเขาก้าวออกมาจากโต๊ะได้แค่ก้าวเดียวก็ชนเข้ากับพิจิตรา
“อุ้ย! ขอโทษนะคะไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาพิจิตราวแกล้งเทน้ำหวานรดเสื้อของเขาจนเปื้อน ราเมศวร์รู้ว่าหญิงสาวแกล้งแต่เขาก็ต้องรักษามารยาท เขามองจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
“คุณรามไปล้างเสื้อก่อนดีกว่านะคะ” หญิงสาวสวยที่มาชวนเขาบอกอย่างตกใจ ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาเข้ามาเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดตรงที่เปื้อนให้แต่เขายกมือห้ามเอาไว้
“เปื้อนแค่นี้ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มหันไปบอกลูกน้องและหันมาทางหญิงสาว
“สงสัยคุณผู้หญิงจะเมานะครับหรือไม่ก็เป็นนิสัยของเธอเองที่....” ราเมศวร์หยุดและมองหน้าหญิงสาว
พิจิตรากำมือแน่นเพราะรู้ว่าชายหนุ่มกำลังด่าเธอทางอ้อมแล้วมีหรือที่ผู้หญิงอย่างเธอจะยอม
“นี่นายกำลังหลอกด่าฉันนะ” พิจิตราแหวใส่
“เปล่านะครับผมยังไม่ได้ด่าคุณเลยนะครับ หรือว่ามีใครได้ยินคำหยาบคายออกมาจากปากของผม พี่ได้ยินหรือเปล่า” ชายหนุ่มหันไปมองรอบๆโต๊ะและมาหยุดตรงที่อริญชย์
“ไม่มีน่ะ” อริญชย์ส่ายหน้าพร้อมกับอมยิ้ม
พิจิตราแทบร้องกรีด...หญิงสาวยืนกัดริมฝีปากแน่นมองหน้าชายหนุ่มอย่างคนที่แค้นเคืองกันมานานแสนนาน
“กรุณาให้เกียรติคุณหนูใบหลิวด้วยนะครับ” พีรพลสุดที่จะทนฟังจึงลุกขึ้นมายืนข้างๆนายสาว
“ให้เกียรติเรื่องอะไรครับผมยังไม่ได้ทำอะไรเจ้านายของคุณเลยนะครับ คุณพีรพล” ราเมศวร์เอ่ยชื่อของอีกฝ่ายอย่างเต็มศักดิ์
“นาย..”พีรพลทำท่าก้าวเข้าหาชายหนุ่มแต่มีเสียงตวาดดังขึ้นเสียก่อน
“หยุด! หยุดได้แล้วที่นี่งานวันเกิดไม่ใช่สนามมวยนั่งลง” ซิวหลงตวาดเสียงดังจนทุกคนเงียบกริบ
“หนูขอโทษด้วยค่ะซิวหลง หนูคงต้องขอตัวนะคะขืนอยู่ได้ชกหน้าคนกันบ้าง” หญิงสาวยกมือไหว้เขาและลุกขึ้นเดินออกมาจากโต๊ะ
“เราต้องได้เจอกันอีกแน่นายราเมศวร์” พิจิตราเน้นเสียงลอดไรฟัน
“ด้วยความยินดีครับ” ราเมศวร์ยิ้มให้ แต่สำหรับพิจิตรามันคือรอยยิ้มที่กวนโทสะเธอได้เป็นอย่างดี
“นายควรจะสั่งสอนลูกน้องของนายบ้างนะวิรัตน์อย่ามาเล่นลิ้นกับลูกสาวของฉัน” อังกูลบอกด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“มันเป็นเรื่องของเด็กเขานายอย่าซีเรียสสิเดี๋ยวซิวหลงจะไม่สบายใจ แล้วเขาก็ไม่ใช่ลูกน้องของฉันด้วย เข้าเป็นหลายชายของฉันเอง นายคงรู้นะว่าฉันหมายถึงลูกใคร” วิรัตน์ยิ้มให้อีกฝ่าย
อังกูลกัดฟันกรอดด้วยความโมโหและคิดไท่ถึงว่าวิรัตน์จะตามหาหลานชายเจอ
“ผมคงต้องกลับแล้วล่ะครับพอดีมีงานค้างอยู่ต้องรีบกลับไปสะสางก่อน” อังกูลหันมาบอกกับผู้เฒ่าของวงการมาเฟีย
“งานด่วนมากเลยหรืออาตงเสิ่น” ซิวหลงถาม
“ครับ ผมขอตัวเลยนะครับ” อังกูลโค้งต่ำ
“งั้นก็ตามสบาย”
“สวัสดีนะคะซิวหลง” พิจิตรายกมือไหว้เขาอีกครั้งและเดินตามบิดาออกมาจากงาน “หนูเกลียดพวกมันค่ะคุณพ่อ” หญิงสาวบอกเมื่อเดินออกมาไกลแล้ว
“ใช่ลูก แต่ลูกไม่ต้องห่วงพ่อจะจัดการให้มันราบจำเอง พีรพลไปสืบดูสิว่าไอ้หมอนั่นมันเป็นหลายชายของวิรัตน์จริงหรือเปล่า” อังกูลสั่งกับลูกน้องคนสนิท
“ครับเสี่ย” เขารับคำและเปิดประตูให้พิจิตราขึ้นไปนั่งก่อนจะสั่งให้คนขับๆออกไป
เมื่อสองพ่อลูกไปแล้วราเมศวร์จึงเข้ามาขอโทษซิวหลง “ผมขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้งานเลี้ยงของท่านต้องหมดสนุก”
“ใครบอกล่ะ ฉันรู้ว่ายัยใบหลิวเขาแกล้งเธอ เด็กคนนี้ดื้อรั้นและเอาแต่ใจตัวเองมาตั้งแต่เด็กแต่จิตใจลึกๆแล้วเขาเป็นคนดีนะเมฆ” ผู้เฒ่าตบไหล่ชายหนุ่มเหมือนจะบอกใบ้อะไรสักอย่าง
“เรายังสนุกกันได้อีก เหลือแขกอีกตั้งเยอะ วิรัตน์เดี๋ยวเขาไปคุยกับฉันข้างในหน่อยนะปล่อยให้เด็กๆเขาสนุกกันไปเถอะ” เขาบอกและสาวใช้ก็พยุงเขาลุกขึ้นและเดินนำหน้าวิรัตน์เข้าไปในบ้าน ราเมศวร์มองอย่างสงสัยแต่ก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร
“พี่ว่าเธอไปล้างเสื้อก่อนเถอะ” อริญชย์หันมาบอก
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำสั้นๆและลุกเดินไปทางห้องน้ำ
“ซิวหลงมีเรื่องสำคัญอะไรหรือครับถึงเรียกผมมาแบบนี้” วิรัตน์ถามเมื่อเหลือแค่เขากับผู้เฒ่าเพียงสองคนในห้องรับแขก
“ฉันได้ข่าวมาว่าอาตงเลิ่นค้าอาวุธสงครามและยาเสพติดด้วย เธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
“ทราบครับ” วิรัตน์ตอบ
“ฉันต้องการให้นายช่วยเขาออกมาจากวังวนแห่งนั้น” วิรัตน์นั่งอึ้ง