บทที่ 9 ไม่คู่ควรกับลูกสาวผม
ช่วงพักกลางวันของโรงเรียนอนุบาลซิงกวง เด็กส่วนใหญ่นอนหลับพักผ่อนไม่ค่อยสนิท
มีกลิ่นหอมโชยออกมาจากห้องครัวที่อยู่ด้านหลังเป็นระยะ ๆ
เป็นกลิ่นหอมของอาหาร และไม่เคยหอมเท่านี้มาก่อน
เด็กหลายคนบ่นว่าหิวและอยากกิน
ทำให้ครูที่เฝ้าเด็กนอนพักกลางวัน รู้สึกสติแตก
ณ.ห้องครัว ตอนนี้เชฟและผู้ช่วยสองคน ช่วยซ่งซานสี่ทำอาหาร และพวกเขาต่างรู้สึกตกตะลึง
ซ่งซานสี่ปรุงอาหารออกมาหลายจาน
วัตถุดิบอาหารและเครื่องเทศแบบเดียวกัน แต่อาหารที่เขาปรุงออกมานั้นกลิ่นหอมและน่าทานมาก ทำให้คนน้ำลายไหล
นี่คือเชฟที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ
กลิ่นหอมของอาหารอบอวลไปทั่วห้องอาหารของแต่ละห้อง
โต๊ะอาหารขนาดเล็กสี่โต๊ะ ประกอบเป็นโต๊ะเดียว
เถียนเถียนรู้สึกตกตะลึง
การเสิร์ฟอาหาร ใช้เวลาไม่เกินสามนาที
อาหารเต็มโต๊ะ และกลิ่นหอมมาก
เมื่อเถียนเถียนชิมอาหารแล้ว ทำให้เธอไม่สามารถวางตะเกียบได้ อร่อยมาก!
ป้าที่เสิร์ฟอาหาร กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เถียนเถียน กินช้า ๆ หน่อย!”
“คุณพ่อของหนูบอกว่ามีอาหารสามสิบสองจาน แต่ละจานกินสามคำก็พอ!”
เถียนเถียนรู้สึกตกตะลึง “คุณป้า เขาเป็นคนทำอาหารพวกนี้เอง หรือว่าซื้อมาจากร้านอาหาร?”
“สาวน้อยที่น่ารัก คุณพ่อของหนูเป็นคนทำเอง! คุณพ่อของหนูเป็นคนดีจริง ๆ!”
“อ้อ....จริงเหรอ?”
เถียนเถียนเป็นเด็กที่มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่ เธอขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและรู้สึกตื่นเต้น
รู้สึกว่า.....นี่คือพ่อของคนอื่น
หลังจากป้าเดินจากไปแล้ว เถียนเถียนมองเกาเสี่ยวหลิน “ครูเกา เขาเป็นคนดีจริง ๆ เหรอ?”
เกาเสี่ยวหลินพูดอะไรไม่ออก
กลิ่นหอมที่เย้ายวนของอาหาร ทำให้น้ำลายของเธอเกือบไหลออกมา
ยิ่งอยู่อาหารหมูที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งกินยากมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่ออยู่ต่อหน้าป้าที่เดินเสิร์ฟอาหารแล้ว เธอรู้สึกอับอายขายหน้ามาก
เธอจะไม่มีวันลืม ความเหยียดหยามของซ่งซานสี่ในวันนี้
ถ้าความโกรธแค้นนี้ไม่ได้รับการระบายออกมา เธออาจอกแตกตายได้
ซูโหย่วหรง บุคคลนี้ก็คือสามีของเธอนี่เอง ฉันจะไม่ปล่อยพวกคุณอย่างแน่นอน!
เถียนเถียนส่ายศีรษะ “ครูเกา ทำไมครูไม่พูด? ยังเกลียดหนูอีกเหรอ? ไม่อยากลุกขึ้นเหรอ?”
“ฉัน........” เกาเสี่ยวหลินเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า “แม่ทูนหัว กินข้าวเถอะ! พ่อของหนูจะเป็นคนดี”
“อ้อ ขอบคุณค่ะ ครูเกา”
ใบหน้าที่เรียวเล็กของเถียนเถียนมีรอยยิ้ม
เถียนเถียนมีลักยิ้มสองข้าง ขนตายาว ดวงตากลมโต เหมือนเจ้าหญิงแสนสวย
ครูเกา...ยังคงอยากตาย
ในที่สุดเธอก็กินอาหารหมูหมดแล้ว
ซ่งซานสี่ทำอาหารเสร็จ และเดินกลับมา
“เถียนเถียน เจ้าหญิงที่น่ารักของพ่อ กินอิ่มหรือยัง?”
“เถียนเถียนอิ่มมาก อิ่มมาก~~~” เถียนเถียนลูบท้องที่ตึงของตนเองด้วยสีหน้ามีความสุข
“อิ่มแล้วก็ดี อร่อยไหม?”
“อร่อยมาก คุณทำเองทั้งหมดเหรอ?”
“แน่นอน”
“ต่อไปคุณจะเป็นคนดีแบบนี้ตลอดเหรอ?”
ซ่งซานสี่พยักหน้า “แน่นอน ไปกันเถอะ พ่อจะพาลูกไปเที่ยวสวนสนุก ไปเล่นม้าหมุนที่ลูกชอบเล่นที่สุด”
สวนสนุก ม้าหมุน ดึงดูดเถียนเถียน
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเถียนเถียนยังคงเคร่งเครียด “หม่าม๊าบอกว่าผู้หญิงไม่สามารถ...ไม่สามารถออกไปกับคนเลวได้”
ซ่งซานสี่ยิ้ม
ลูกสาวคนนี้เป็นเด็กดีและฉลาดจริง ๆ
ซูโหย่วหรงมีชีวิตที่ยากลำบาก แต่เธอก็อบรมสั่งสอนลูกได้ดีมาก
ส่วนลูกสาวยังคงระแวงเขาอยู่
ซ่งซานสี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า “เถียนเถียนเป็นเด็กรู้ความ เป็นเด็กดี เอาอย่างนี้ ต่อไปพ่อจะทำอาหารเที่ยงให้ลูกกินทุกวันดีไหม?”
“ดีค่ะ ดีค่ะ.... ” เถียนเถียนตบมือเล็ก ๆ และมีความตั้งตารอ “คุณต้องรักษาคำพูดน่ะ.....”
ซ่งซานสี่ยกมือขึ้นและสาบาน “คนมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ความเชื่อความศรัทธาเป็นอันดับหนึ่ง พูดคำไหนคำนั้น”
“คุณต้องจำสิ่งที่คุณพูดในวันนี้ไว้น่ะ ถ้าคุณทำไม่ได้......” เถียนเถียนกะพริบตาโตและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คุณยังคงเป็นคนเลว และหนูจะไม่เรียกคุณว่าปะป๊า”
ซ่งซานสี่รู้ว่าลูกสาวได้รับความเจ็บปวดมามากมาย และเป็นการยากที่จะทำให้เธอเปลี่ยนสรรพนามเรียกตนเอง ด้วยเวลาเพียงชั่วครู่ชั่วยาม
“ครับ พ่อจำไว้แล้ว พ่อยังธุระต้องทำ พ่อไม่อยู่เป็นเพื่อนลูกแล้ว ลูกยินยอมให้ครูเกาลุกขึ้นไหม?”
เกาเสี่ยวหลินรู้สึกเจ็บปวดและสติแตก เธอมองเถียนเถียนอย่างน่าสงสาร
เถียนเถียนพยักหน้า “เธอเป็นคนน่าชิงชังมาก แต่...ก็น่าสงสาร...หมาของคนอื่นกินข้าวเสร็จแล้ว ก็สามารถออกไปเที่ยวเล่นได้ ถ้าเช่นนั้น... ครูเกาก็ลุกขึ้นได้เช่นกัน!”
คำพูดนี้..... เฉียบคม!
ซ่งซานสี่แอบชื่นชมและกล่าวเบา ๆ ว่า “ครูเกา ลุกขึ้นเถอะ!”
เกาเสี่ยวหลินโมโหจนเกือบจะกระอักเลือด
เธอคุกเข่าจนเจ็บหัวเข่ามาก เธอรีบลุกขึ้นทันที
ซ่งซานสี่จ้องเธอด้วยสายตาดุดัน “เถียนเถียนยังคงเรียนอยู่ที่นี่ชั่วคราว ทางที่ดีคุณควรจำใส่ใจ”
เกาเสี่ยวหลินก้มหน้าและรู้สึกอัดอั้นตันใจ ทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น
ซ่งซานสี่กล่าวต่อไปว่า “เถียนเถียน พ่อจะกลับแล้ว กอดพ่อหน่อยได้ไหม?”
เถียนเถียนมองรอยยิ้มที่อ่อนโยน และแขนที่เปิดกว้างของเขา เถียนเถียนเกือบจะเดินเข้าไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เธอยืนอยู่ตรงนั้น ส่ายศีรษะและโบกมือ “ไม่ได้! ไม่ได้! คุณแม่บอกว่าผู้หญิงไม่สามารถกอดผู้ชายได้ โดยเฉพาะคนเลว...ผู้ชายเลว”
ความจริงแล้ว เถียนเถียนรู้สึกว่าเขากลายเป็นคนดี ไม่เหมือนผู้ชายเลวอีกต่อไปแล้ว
ซ่งซานสี่ยิ้ม “ครับ เถียนเถียนเก่งมาก เชื่อฟังแม่ เพราะแม่เป็นแม่ที่ดี”
“แต่... คุณยังทำร้ายหม่าม๊า? หม่าม๊าเป็นคนดีและน่าสงสารมาก ทำไมคุณถึงตีแม่? คุณ..คุณจะตีแม่อีกไหม?” เถียนเถียนนึกถึงแม่ ร้องไห้และน้ำตาไหลนองหน้า
ซ่งซานสี่รู้สึกตึงเครียด เขากัดฟันและกล่าวว่า “พ่อจะไม่ตีแม่อีกแล้ว ต่อไปมีเพียงแม่เท่านั้นที่สามารถตีพ่อได้ เถียนเถียนก็ตีได้เช่นกัน พ่อจะไม่ตอบโต้ พวกคุณสามารถตีพ่อได้ตามใจชอบ”
หลังจากพูดจบ เขาก็วิ่งเข้าไป นั่งลงแล้วกอดเถียนเถียน แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดน้ำตาให้เธอ
“หนูไม่ตีคนหรอก! เพราะคนที่ตีคนอื่นเป็นคนเลว เป็นคนเลว... คนเลวตีคน ตีหนู ตีหม่าม๊า แย่งเงินของหม่าม๊าไปเล่นการพนัน.......”
เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เล็กน้อย เธอใช้สองมือเล็ก ๆ ทุบไหล่ของซ่งซานสี่
ทุบไปทุบมา เธอก็ซบเข้าไปในอ้อมแขนที่อบอุ่นของเขา และร้องไห้เสียใจ
ตอนนี้เถียนเถียนระเบิดอารมณ์ที่อยู่ในใจออกมาทั้งหมด
ความทุกข์ทรมานของเธอและแม่ ความเจ็บปวดในอดีต ความเหยียดหยามและการทารุณกรรมในโรงเรียนอนุบาล
คนอื่นบอกว่าเธอเป็นเด็กไม่มีพ่อ แม้แต่ลุงเขยก็พูดแบบนั้น...
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะมีพ่อแล้ว พุทราเชื่อม อาหารกลางวันแสนอร่อย และอ้อมกอดที่อบอุ่น
แล้ว...เขายังแกแค้นครูเกาที่น่าชิงชังแทนเธออีกด้วย!
เกาเสี่ยวหลินยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความอึ้ง และมุมตาเปียกเล็กน้อย
ซ่งซานสี่อดทนอย่างเงียบ ๆ เต็มไปด้วยความรักและความสงสาร......
……
ซ่งซานสี่เดินออกจากโรงเรียนอนุบาลซิงกวง แล้วหันไปมองประตูที่สวยงาม ด้วยสีหน้าจริงจัง
สถานที่สับปะรังเคแห่งนี้ ไม่คู่ควรกับลูกสาวผม!
แล้วค่อยว่ากัน
ขณะนี้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือซัมซุง5800 เครื่องเก่าขึ้นมา นี่เป็นของมีค่าเพียงชิ้นเดียวของเขา
ดูชื่อคนโทรมาเป็น: หวงชางหยง!
ซ่งซานสี่พ่นลมออกมาอย่างเย็นชา เขารู้ว่าอีกฝ่ายโทรมาด้วยเรื่องอะไร
เขากดรับสาย
“หมาสี่ แกอยู่ไหน? ถ้าแกยังไม่กลับบ้านอีก กูจะงัดประตูบ้านแก”
“พี่หยง คุณจะมาเอาโฉนดบ้านเหรอ?”
หวงชางหยงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “แม่งฉิบหาย แกบ้าไปแล้วเหรอ? ถึงได้พูดจาสุภาพขนาดนี้?”
“คน สามารถเปลี่ยนแปลงได้”
“เปลี่ยนแปลงเหี้ยอะไร รีบกลับมา! ฉันดูบ้านสับปะรังเคของแกแล้ว มูลค่าไม่ถึงสองแสนที่แกเสียพนันให้ฉัน ตีราคาให้หนึ่งแสนก็ถือว่าเยอะแล้ว”
“พี่หยง ถ้าเช่นนั้นก็เอาไปก่อนหนึ่งแสนเถอะ? ส่วนเงินที่เหลือ......”
“เอาเหี้ยอะไร! กูไม่เอาหรอก! ผู้หญิงของแกสมราคานี้! เธออยู่ที่ไหน?”
“พี่หยง ขอเวลาให้ผมสองสามวัน! คุณอย่าพูดแบบนั้น เธอเป็นภรรยาของผม ผมไม่สามารถ...... ”
“ฝันไปเถอะ! คืนเงินทีเดียวสองแสน หรือมอบผู้หญิงให้ฉันก็ได้! ไม่มีการผ่อนปรน! มิฉะนั้น ฉันจะตีขาแกหัก จะให้แกได้เห็นว่าฉันกับซูโหย่วหรงมีความสุขอย่างไร!”