บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

“แม่จ๋า ไหมไปเรียนก่อนนะจ๊ะ”

แพรไหมที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วตะโกนบอกแม่ก่อนจะรีบใส่รองเท้าด้วยความรีบร้อน วันนี้หล่อนตื่นสายไปครึ่งชั่วโมงทำให้ตารางชีวิตรวนไปหมด ตั้งแต่ไปซื้อลูกชิ้นที่ตลาดสดสาย และกำลังจะไปมหาวิทยาลัยสายด้วยเช่นกัน

“รีบไปเถอะไหม รถเมล์ยิ่งคนแน่นอยู่ด้วย”

“งั้นไหมไปแล้วนะจ๊ะ”

หญิงสาวใส่รองเท้าเสร็จพอดีรีบวิ่งออกจากห้อง แต่สักพักก็โผล่หน้ากลับมาใหม่

“แม่ต้องเข็นรถดีๆ นะ เดี๋ยวนี้คนขับรถไม่ค่อยมองคน ไหมเป็นห่วง”

ภูษามองลูกสาวด้วยความซาบซึ้งใจ

“แม่จะระวัง ไหมก็รีบไปเถอะ แล้วอย่าลืมดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

“จ้ะแม่”

แพรไหมวิ่งกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งพร้อมกับจุ๊บแก้มมารดาเบาๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกไป ภูษายิ้มอย่างมีความสุขกับความน่ารักของบุตรสาว

“ไหม... ลูกช่างเป็นเด็กดีเหลือเกิน”

แพรไหมพอออกมาจากห้องเช่าแล้วก็รีบวิ่งออกจากซอยด้วยความเร่งรีบ มอเตอร์ไซค์รับจ้างมีนะแต่หล่อนไม่อยากให้เงินที่มีอยู่น้อยนิดกระเด็นออกไปจากกระเป๋า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องวิ่ง และก็ต้องวิ่งให้เร็วด้วย ปากซอยอยู่ไม่ไกล แต่ป้ายรถเมล์นี่สิต้องเดินไปอีกเกือบสามร้อยเมตร แต่อุปสรรค์สำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ระยะทาง แต่มันอยู่ที่จำนวนคนรอรถเมล์ต่างหาก หล่อนต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวทุกครั้งกว่าจะขึ้นไปบนรถเมล์ได้

ซึ่งวันนี้หล่อนพลาดรถเมล์เที่ยวแรกไปแล้ว ดังนั้นเที่ยวที่สองห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะถ้าไปสายพรวดีที่จ้างหล่อนทำรายงานจะต้องฆ่าหล่อนตายอย่างแน่นอน หญิงสาวถอนใจออกมาเบาๆ เพราะบางครั้งก็อดที่จะเบื่อหน่ายกับความเจ้าอารมณ์ของพรวดีไม่ได้

จริงอยู่พรวดีชักชวนให้หล่อนไปอยู่ร่วมกลุ่มด้วย เพราะหล่อนเหมือนแกะดำจนๆ ที่ไม่มีใครอยากคบหา แต่พรวดีกับกลุ่มเพื่อนไฮโซกลับไม่เคยให้เกียรติหล่อนในฐานะเพื่อนเลย หลายครั้งที่ถูกกดขี่ข่มเหงเพื่อแลกกับเศษเงินจากคนพวกนั้น แต่ก็ไม่มีทางเลือกจำต้องอดทนเพราะต้องการเงิน

เพื่อแม่...

คำนี้แหละที่ทำให้หล่อนต้องฝืนยิ้ม อดทนสู้ และฝืนใจทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดกระแนะกระแหนของคนพวกนั้น

ทุกอย่างมันคงจะดีขึ้น หากหล่อนเรียนจบและสามารถหางานดีๆ ทำได้ ซึ่งก็เหลืออีกแค่ปีกว่าๆ เท่านั้น หล่อนก็จะสามารถคว้าปริญญาบัตรมาให้แม่ได้แล้ว

“อดทน... อดทนไว้ ไหม”

นี่คือคำที่หล่อนใช้ปลอบใจตัวเองทุกครั้งยามที่ท้อ

หญิงสาวฝืนยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วมากยิ่งขึ้น ดวงตากลมโตหวานฉ่ำมองไปข้างหน้าอย่างไม่สิ้นหวัง

และก็เป็นจริงดั่งคาดเมื่อแพรไหมเข้าเรียนสาย หล่อนรีบขอโทษขอโพยอาจารย์ก่อนจะรีบไปนั่งเรียนร่วมกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งอาจารย์ก็ใจดีไม่ตำหนิอะไรมากมาย ตรงกันข้ามกับสายตาเอาเรื่องของพรวดีที่จ้องมองมานัก

“ขอโทษทีนะพั้น ที่ฉันมาสายน่ะ”

“ขอโทษ?”

พรวดีขึ้นเสียงสูงจ้องหน้าแพรไหมผู้หญิงที่ตัวเองอิจฉาในความสะสวยมาตั้งแต่แรกเห็นหน้าด้วยความโมโห

“ใช่ ฉันขอโทษ แต่ฉันทำรายงานมาให้เธอเสร็จแล้วนะ”

แพรไหมส่งเล่มรายงานที่ตัวเองคร่ำเคร่งทำทั้งคืนให้กับคู่สนทนา แต่กลับถูกพรวดีปัดจนกระเด็นตกลงไปที่พื้น

“พั้น?”

“ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย แกโง่จริงๆ หรือแกล้งโง่กันแน่ อาจารย์ปิดรับรายงานไปแล้ว”

คนฟังหน้าซีดเผือด เพราะจำได้ว่าระยะเวลาปิดรับรายงานมันไม่ใช่เวลานี้สักหน่อย หล่อนรีบละล่ำละลักถามพรวดี

“แต่ว่าอาจารย์บอกไว้ว่าก่อนสิบโมงนี่ แต่นี่มันพึ่งเก้าโมงเองนะ ฉันว่าต้องมีอะไรเข้าใจผิดกันแน่”

“ไม่มีอะไรเข้าใจผิดหรอก อาจารย์ปิดรับรายงานแล้ว และก็เท่ากับว่าฉันไม่มีรายงานส่ง”

พรวดีลุกพรวดขึ้นยืนพร้อมกับตะคอกใส่หน้าของแพรไหมเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินออกไปนอกห้อง

“ฉัน... ฉันจะไปช่วยพูดกับอาจารย์ให้”

“แกอย่าทำมาเป็นคนดีหน่อยเลย ฉันว่านี่มันเป็นแผนการของแกมากกว่านังไหม แกไม่ต้องการให้ยายพั้นได้ดีไปกว่าแกใช่ไหมล่ะ”

เปรมสุดาเพื่อนไฮโซของพรวดีใส่ความหล่อนอย่างหน้าด้านๆ

“นั่นสิ แกคงอิจฉาที่ยายพั้นทั้งสวยกว่า ทั้งรวยกว่า แกก็เลยจะทำให้ยายพั้นถูกอาจารย์ตัดคะแนนสินะ อย่าคิดว่าพวกฉันไม่รู้นะยะ”

อรสาเพื่อนไฮโซอีกคนที่พรวดีสนิทด้วยร่วมกันประณามหล่อนทั้งๆ ที่มันไม่ได้เป็นความจริงแม้แต่นิดเดียว

“ไม่ใช่นะ ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลย”

“อย่ามาปฏิเสธ แกมันคนขี้อิจฉา!”

พรวดีตบหน้าของแพรไหมกลางห้องเรียนไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่มองมาแม้แต่น้อย ใช่... หล่อนจะต้องสนใจทำไมล่ะ ในเมื่อหล่อนทั้งรวย ทั้งสวย และหุ้นเกือบทั้งหมดของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้ก็เป็นของตระกูลแบนเดอราส

พรวดี แบนเดอราส คือผู้ยิ่งใหญ่ของที่นี่!

“พั้น...”

แพรไหมหน้าสะบัด หล่อนรีบยกมือขึ้นกุมแก้มที่ชาดิกของตัวเอง น้ำตาคลอหน่วยตาด้วยความอับอายขายหน้า

“ไสหัวออกไปจากกลุ่มของฉันซะ นังยาจก”

“ไป... ไปให้พ้น นังลูกแม่ค้าขายลูกชิ้น นังเด็กสลัม!”

พรวดีและกลุ่มเพื่อนที่เห็นเงินเป็นพระเจ้าต่างพากันเป่าปากขับไล่หล่อน แม้จะมีบางส่วนไม่ได้เข้ามาร่วมในขบวนการร้ายกาจนี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว เพราะรู้ดีว่าพรวดีใหญ่แค่ไหนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้

“ถึงฉันจะเป็นลูกแม่ค้า แต่ฉันก็ไม่เคยขอใครกิน พวกเธอเลิกดูถูกฉันเสียทีเถอะ”

“ไม่ได้ขอใครกิน”

พรวดียิ้มหยัน พลางหันหน้าไปมองพวกของตัวเอง แล้วกลับมาประณามต่อ

“แต่แกก็ขอเงินฉันกินไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่าลืมเรื่องค่าเทอม เทอมนี้ไปแล้ว”

แพรไหมถูกเหยียดหยามจนน้ำตาซึม หล่อนกัดปากแน่น พยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

หล่อนต้องเรียนให้จบ ดังนั้นจะมีเรื่องกับพรวดีไม่ได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel