ตอนที่ 3
เท้าเล็กในรองเท้านุ่มแบบที่ใช้สวมใส่เฉพาะยามอยู่ในบ้านชะงักกึกเมื่อหนทางที่คิดว่าโปร่งโล่งผ่านตลอดกลับปรากฏร่างสูงใหญ่ของใครบางคนขึ้นมา
“อาแพท”
พันเนตร แบนเดอราส หรือที่หลานสาวอย่างพรวดี แบนเดอราส มักเรียกติดปากเสมอว่า ‘อาแพท’ ยืนตระหง่านพร้อมกับกอดอกด้วยท่าทางเคร่งขรึม นัยน์ตาคมกริบสีสนิมวาววับไปด้วยความไม่พอใจ
พรวดียิ้มเจื่อนๆ หน้าตาซีดเผือดเพราะไม่คิดว่าพันเนตรจะกลับบ้านมาเร็วกว่าตัวเองแบบนี้ แต่หล่อนไม่มีทางยอมถูกดุง่ายๆ หรอก
“นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว พั้น”
“เอ่อ แค่สี่ทุ่มครึ่งเองค่ะอาแพท”
“ใช้คำว่าแค่หรือ?”
แม้น้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากลำคอสีแทนสวยของพันเนตรจะแผ่วเบาแต่มันดุดันจนพรวดีอดที่จะตัวสั่นสะท้านไม่ได้ เพราะหลังจากที่บิดาซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของพันเนตร และมารดาประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินเสียชีวิตกันทั้งสองคน หล่อนก็อยู่ในความดูแลของพันเนตรมาตั้งแต่ห้าขวบจนถึงตอนนี้อายุยี่สิบสองปีเต็มแล้ว
พันเนตร แบนเดอราส คือผู้ปกครองจอมเฮี๊ยบของหล่อนนั่นเอง
“ก็... ก็พั้นมีรายงานที่ต้องทำนี่คะอาแพท ไม่ทำก็ไม่ได้”
พรวดีโกหกคำโตความจริงหล่อนไปเที่ยวกับรุ่นพี่ต่างคณะต่างหาก รุ่นพี่คนนี้หล่อนแอบตกหลุมรักมาตั้งแต่เข้าปีหนึ่งแล้ว แต่พึ่งได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันจริงๆ ก็เมื่อสามเดือนก่อนนี่เอง จนตอนนี้ได้ตกลงคบหากันแล้ว หล่อนดีใจมาก จนยอมแม้กระทั่งเสียตัวให้กับรุ่นพี่คนนี้
“ทำรายงานก็ไม่น่ากลับดึกขนาดนี้นี่ แล้วนี่ไปทำที่ไหน กับเพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“เอ่อ เพื่อนผู้หญิงค่ะ”
พรวดีรีบตอบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับซบหน้ากับต้นแขนของอาแท้ๆ อย่างประจบประแจง
“อาแพทก็รู้นี่คะว่าพั้นไม่เคยคบหาเพื่อนผู้ชายเลย ทุกวันนี้แทบจะไม่เคยพูดคุยกับผู้ชายเลยนะคะ พั้นเชื่อฟังคำสั่งสอนของอาแพทเสมอค่ะ”
เพราะรู้ว่าพันเนตรรักและเมตตาตัวเองมาก พรวดีจึงใช้วิธีนี้เข้าสู้ และมันก็ได้ผลเสมอ
“อาก็แค่เป็นห่วง คราวหน้าโทรให้ลุงเจิดไปรับก็แล้วกัน หรือไม่ก็พากันมาทำรายงานกันที่นี่เลย จะได้สะดวกด้วย”
ใครจะบ้าทำแบบนั้นกันล่ะ อึดอัดแย่
พรวดีค้านในใจ แต่ใบหน้ายังคงยิ้มหวาน แสดงท่าทางเป็นสาวน้อยหัวอ่อนไร้เดียงสาเช่นเดิม ซึ่งแน่นอนว่าพันเนตรไม่มีทางตามมารยาของหลานสาวได้ทัน
“ค่ะ อาแพท”
พันเนตรระบายยิ้มโล่งใจ
“งั้นไปนอนเถอะ พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าไม่ใช่หรือ”
“ค่ะ แต่เข้าสายอาจารย์ก็ไม่ว่าหรอกค่ะ มีเพื่อนคอยจดเลคเชอร์ให้อยู่แล้ว”
คิ้วเข้มดกหนาของพันเนตรเลิกสูง ก่อนจะดันร่างอรชรของหลานสาวออกจากตัว และจ้องหน้าอย่างแคลงใจ
“ยังมีเพื่อนดีๆ แบบนี้หลงเหลืออยู่อีกหรือ”
พรวดีเบ้ปากอย่างหมั่นไส้เมื่อนึกถึงแพรไหม แม่ผู้หญิงยากจน คนละเกรดกับตัวเอง แต่ที่หล่อนยอมดึงมาเข้ากลุ่มด้วยก็เพราะว่าแม่นี่เรียนเก่ง อาศัยให้ช่วยจดงานให้ก็เท่านั้น
“ไม่ใช่เพื่อนที่ดีหรอกค่ะ แต่พั้นจ่ายเงินจ้างต่างหาก”
“จ่ายเงิน?”
“ใช่ค่ะ เพื่อนในกลุ่มน่ะค่ะ พั้นเวทนาเห็นว่าไม่มีเงินจะกินก็เลยจ้างนู้นจ้างนี่ เค้าจะได้มีเงินไปใช้จ่ายน่ะค่ะ”
“ทำดีแล้วล่ะพั้น เพื่อนเราลำบาก อะไรช่วยได้ก็ช่วยไปเถอะ”
“แต่แม่นี่ไม่ได้เอาเงินไปจุนเจือครอบครัวนะคะ เอาไปเที่ยวเตร่ต่างหาก จนบางครั้งพั้นก็ไม่อยากจะช่วยเหลืออีกแล้ว”
จากที่เคยเห็นใจตอนนี้พันเนตรกลับรู้สึกขยะแขยงเป็นที่สุด
“พั้นก็อย่าไปเลียนแบบพฤติกรรมนั้นมาก็แล้วกัน เพราะมันไม่ดี ผู้หญิงเราจะมีค่าก็ต่อเมื่อเราฉลาดและรู้จักวางตัว”
“พั้นจำคำสั่งสอนของอาแพทได้ค่ะ และจะทำตามอย่างเคร่งครัด”
พันเนตรระบายยิ้มอย่างโล่งใจ มองหลานสาวที่พี่ชายทิ้งเอาไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิตจากไปด้วยความเอ็นดู ในสายตาของเขาพรวดีเป็นหญิงสาวหัวอ่อน พูดจาไพเราะ ถึงแม้บางครั้งจะแอบนินทาเพื่อนให้เขาฟังบ้างก็ตาม
เขามั่นใจว่าพรวดีจะต้องเป็นผู้หญิงที่ดี ไม่มีทางเจริญรอยตามพิมพาน้องสาวที่ผูกคอตายหนีปัญหาท้องก่อนแต่งไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน พรวดีจะต้องเป็นคนดี เป็นผู้หญิงที่ดี และเขามั่นใจเหลือเกินว่าสิ่งที่ตัวเองเฝ้าพร่ำสอนหลานสาวมามันได้ผล
“ไปนอนเถอะ ดึกแล้ว”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะอาแพท”
“ราตรีสวัสดิ์หลานรัก”
พรวดีเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วจูบแก้มของอาหนุ่มเบาๆ ก่อนจะหนีขึ้นบันไดไป พันเนตรกอดอกมองตามไปด้วยสายตาเอ็นดู
“พั้นเป็นเด็กดีขนาดนี้ แล้วทำไมคุณเชอรี่ถึงบอกว่าเห็นพั้นไปดูหนังกับผู้ชายได้ล่ะ”
พันเนตรส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เลขาฯ หน้าห้องโทรมารายงานเมื่อตอนช่วงหัวค่ำ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก พรวดีไม่เคยโกหกเขาสักครั้ง
หนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาลี ผู้มีรูปโฉมราวกับเทพบุตรมาจุติเดินออกไปนอกตัวบ้าน พลางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำนิ่ง เพราะพี่ชายกับพี่สะใภ้มาด่วนจากไปทำให้เขาต้องรับผิดชอบดูแลกิจการของครอบครัวเอาไว้ทั้งหมด ซึ่งมันมากมายจนบางครั้งก็ต้องแต่งตั้งตัวแทนไปดูแลกันเลยทีเดียว
“พี่พัทครับ ลูกสาวของพี่โตเป็นสาวแล้วนะครับ และก็เป็นเด็กดีด้วย ผมสัญญาว่าจะอบรมสั่งสอนให้หลานเป็นคนดี พี่พัทไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
แม้ท้องฟ้าจะยังคงดำมืดแต่พันเนตรรู้ดีว่าพี่ชายของตัวเองรับรู้ ชายหนุ่มเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้สีขาวกลางสนามหญ้าหน้าตัวคฤหาสน์หรู ท่อนขาทรงพลังยกขึ้นไขว่ทับกันเอาไว้ พลางเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้
ตั้งแต่สูญเสียพี่ชายกับพี่สะใภ้ไป แบนเดอราส ก็เหลือเพียงแค่ตัวเขากับพรวดีเท่านั้น พ่อกับแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่เขาอายุยังไม่เต็มยี่สิบปี จนบัดนี้อายุของเขาก็ล่วงเลยมาถึงสามสิบห้าปีเต็มแล้ว ชายหนุ่มถอนใจเบาๆ กับความหลังที่เต็มไปด้วยความสูญเสีย
ความสูญเสียเป็นสิ่งที่เขาหวาดกลัว และนั่นก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ชายเพียบพร้อมเช่นเขาไม่เคยคิดที่จะเอาชีวิตไปผูกติดกับใครอีก โดยเฉพาะผู้หญิง
มีคนมากมายถามเขาว่าทำไมถึงยังไม่คิดจะคบหากับผู้หญิงให้เป็นเรื่องเป็นราว และเมื่อไหร่ถึงจะแต่งงานเสียที แต่ทุกคำถามก็ถูกปฏิเสธไปอย่างสุภาพด้วยคำว่า ‘ยังไม่พร้อม’ ก็เขายังไม่พร้อมจริงๆ นั่นแหละกับการที่จะต้องมีใครอีกคนเข้ามาในชีวิต แค่คบหากัน พอเบื่อก็เลิกรากันไป นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ
คงไม่มีใครมาเปลี่ยนชีวิตของเขาให้ต่างไปจากนี้ได้อีกแล้ว...