ตอนที่ 5
“ฉันไม่เคยลืมการช่วยเหลือของเธอในวันนั้น แต่ฉันก็ทำงานใช้หนี้เธอไปหมดแล้วนี่”
“แค่ทำรายงาน เข้าเรียนแทน จดเลคเชอร์ให้นี่นะ เชอะ ฉันเวทนาแกหรอกถึงได้จ้างให้ทำน่ะ ความจริงฉันทำเองก็ได้”
พรวดีอวดเบ่งทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เคยจะตั้งใจเรียนเลยแม้แต่น้อย คะแนนดีๆ ที่ได้ก็เพราะแพรไหมมาช่วยติวให้ต่างหาก
“ถ้าเธอคิดแบบนั้น ฉันก็ต้องขอบคุณเธอมากที่ช่วยให้ฉันได้เรียนต่อ แต่เรื่องวันนี้ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ ไม่ใช่แผนการของฉันเลยสักนิด”
“ฉันไม่เชื่อ ไสหัวออกไปเลย ตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกนังแพรไหม”
พรวดีวางตัวอวดลำพองว่ายิ่งใหญ่ ซึ่งเพื่อนสนิทก็สนับสนุนอย่างเต็มที่
“ไปเลย ไปเลย”
“ยังจะมานั่งร้องไห้อยู่อีก ยายพั้นบอกว่าเหม็นขี้หน้าแกน่ะ ไปสิ ออกไปให้พ้น” เปรมสุดาไล่ซ้ำอย่างเกลียดชัง หล่อนเหม็นกลิ่นคนจนเสมอ เพื่อนที่คบด้วยจึงมีแต่พวกลูกหลานไฮโซทั้งนั้น
“แต่ฉันต้องเรียน...”
แพรไหมยังพูดไม่ทันจบก็ถูกอรสาขัดขึ้นอย่างเหยียดหยาม
“แกหัวดีไม่ใช่เหรอ ขาดแค่คาบสองคาบคงไม่ทำให้สอบตกหรอกมั้ง”
แล้วสามสาวเพื่อนซี้ก็หัวเราะกันอย่างสะใจ ในขณะที่หล่อนจำต้องลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากห้องเรียนเงียบๆ ระหว่างทางก็สวนกลับอาจารย์ที่เดินกลับเข้ามาพอดี
“มาก็สาย ยังจะไปไหนอีกล่ะแพรไหม”
“เอ่อ... หนูปวดท้องน่ะค่ะอาจารย์ คาบนี้คงเรียนไม่ไหว ขอตัวนะคะ”
ยกมือไหว้อาจารย์วัยกลางคนเสร็จก็รีบหมุนตัวเดินจากไปอย่างดรวดเร็ว พอหันหลังได้น้ำตาก็ทะลักออกมาจากดวงตาราวกับเขื่อนแตก
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมพรวดีกับพวกถึงได้ใจร้ายกับหล่อนนัก มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งอย่างปวดร้าว เสียดายไม่น้อยกับค่าจ้างทำรายงานที่พรวดีบอกว่าจะให้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว
ในขณะที่แพรไหมกำลังเสียใจอยู่นั้น เปรมสุดาก็รีบก้มลงไปหยิบรายงานที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมาให้พรวดีอย่างประจบประแจง
“เป็นไงล่ะยายพั้น แผนการของฉันดีไหม”
พรวดีหยิบรายงานมาถือเอาไว้ พลางยิ้มสะใจ
“เยี่ยมมาก ไม่ต้องจ่ายเงิน แถมยังทำให้นังแพรไหมมันเสียใจด้วย ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีเพื่อนฉลาดแบบนี้อยู่ข้างๆ”
เปรมสุดาได้รับคำชมก็กอดอกยืดตัวด้วยความภูมิใจ อรสาที่นั่งอยู่ข้างๆ อดที่จะมองอย่างหมั่นไส้ไม่ได้
“ก็ฉลาดแต่เรื่องเลวๆ นั่นแหละ เรื่องเรียนไม่เห็นจะฉลาดเลย”
“นังอร”
“พวกแกเลิกเถียงกันเถอะน่า ฉันรำคาญ”
เมื่อหัวหน้ากลุ่มอย่างพรวดีสั่งห้าม เปรมสุดากับอรสาจึงต้องหุบปาก แต่ก็ยังส่งสายตาอาฆาตใส่กันไม่หยุด
“เราไปไล่นังไหมมันออกไปจากกลุ่มแบบนี้ แล้วทีนี้ตอนสอบใครจะติวให้พวกเรากันล่ะ พวกแกอย่าลืมนะว่านังไหมมันเป็นติวเตอร์ที่เก่งมาก”
อรสาอดที่จะกังวลไม่ได้ แต่พรวดีกลับหัวเราะไม่สนใจ
“ฉันมีเงินซะอย่าง จะหาติวเตอร์เทวดาที่ไหนมาสอนให้ก็ได้ พวกแกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“นั่นสิ แกพูดถูกยายพั้น นังอรมันกังวลไม่เข้าเรื่อง”
เปรมสุดาได้ทีกัดเพื่อนร่วมกลุ่ม
อรสากัดปากแน่น มองเปรมสุดาอย่างไม่พอใจ แต่คนถูกมองไม่สะทกสะท้าน พลางหันไปชวนพรวดีคุยต่อ
“วันนี้แกนัดกับพี่ซันเอาไว้หรือเปล่ายายพั้น”
พอได้ยินชื่อของแฟนหนุ่ม พรวดีก็ฉีกยิ้มกว้างด้วยท่าทางขัดเขิน
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะนัดหรอกนะ แต่พี่ซันน่ะสิ คะยั้นคะยอจนฉันปฏิเสธไม่ได้”
“งั้นเย็นนี้แกก็จะทิ้งฉันสองคนอีกแล้วใช่ไหมยายพั้น”
อรสาถามตรงๆ
“นั่นสิ พอไม่มีแกไปด้วยฉันกับนังอรก็ไม่สนุกเลย”
เปรมสุดาบ่นเช่นกัน แต่พรวดีกลับพูดอย่างรู้ทัน
“ที่พวกแกไม่สนุกเพราะไม่มีเจ้ามือไปเลี้ยงมากกว่า อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ”
เปรมสุดากับอรสายิ้มเจื่อนๆ ก่อนที่เปรมสุดาจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“ว่าแต่แกกับพี่ซันนี่ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ ฉันหมายถึง...”
แล้วเปรมสุดาก็ส่งสัญญาณด้วยมือแทนคำพูด พรวดียิ้มจนแก้มแทบฉีก ไม่ได้รู้สึกอับอายอะไรเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกภูมิใจมากต่างหากที่ได้ผู้ชายหล่ออันดับต้นๆของมหาวิทยาลัยมาครอบครอง
“จะเหลือเหรอนังเปรม”
อรสาชิงตอบเสียก่อนอย่างรู้ทัน
“พวกแกนี่พูดอะไรกันก็ไม่รู้ ฉันอายนะ”
เปรมสุดากับอรสาหันไปสบตากันอย่างเวทนาพรวดี แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะพูดขัดใจออกไป เพราะรู้ดีว่าบารมีสู้ไม่ได้
“งั้นก็แสดงว่าแกเสร็จ... อ้อ ฉันหมายถึงพี่ซันเสร็จแกแล้วใช่ไหม”
พรวดีพยักหน้ารับอย่างภาคภูมิใจ
“ใช่ แล้วเขาก็ดูท่าทางจะหลงฉันมากเลยนะ นี่วันนี้ก็นัดไปที่คอนโดของตัวเองอีก บอกตลอดเวลาเลยว่าขาดฉันไม่ได้ ขาดแล้วจะขาดใจ”
เปรมสุดากับอรสาแทบจะเก็บความหมั่นไส้เอาไว้ไม่อยู่
“เออ เห็นแกมีความสุข พวกฉันก็ดีใจด้วย ว่าแต่อาแพทของแกไม่ชอบเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวรู้เข้าจะเป็นเรื่อง”
คำเตือนของเพื่อนไม่ได้ทำให้พรวดีสะทกสะท้านหรือหวาดกลัวเลย ตรงกันข้ามหล่อนกลับหัวเราะอย่างไม่ไยดี
“แกไม่ต้องกังวลแทนฉันหรอกยายอร เพราะฉันเตรียมวิธีเอาตัวรอดรอไว้แล้ว”
“วิธีเอาตัวรอด ยังไงเหรอ”
เปรมสุดาตามไม่ทันคิดไม่ออก
พรวดีกอดอกพลางเชิดหน้าสูงแสดงความภาคภูมิใจแบบผิดๆ ออกมา
“ก็บอกว่าไปทำงานรายงานยังไงล่ะ”
“แกใช้เหตุผลนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง อาแพทจะไม่สงสัยเลยเหรอ ฉันว่าแก...”
อรสายังพูดไม่ทันจบพรวดีก็แทรกขึ้นอีกครั้ง
“อาแพทงานยุ่งจะตายไป กลับก็ดึกดื่น คนที่คอยรายงานเวลากลับบ้านของฉันให้อาแพทรู้ก็ถูกฉันซื้อตัวเอาไว้แล้ว ไม่มีทางที่อาแพทจะจับได้หรอก และที่สำคัญ...”
พรวดีหยุดพูดเล็กน้อย มองหน้าเพื่อนสนิทสองคนสลับไปมา
“ในสายตาของอาแพท ฉันคือเด็กสาวเรียบร้อย ขยันเรียน และไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง”
“นี่ถ้าอาแพทของเธอรู้ความจริง ฉันว่าคงได้ผูกคอตายแน่ๆ”
อรสาประชดเพื่อนสนิท แต่พรวดีไม่ใส่ใจ
“ฉันจะไม่มีทางยอมให้อาแพทรู้เด็ดขาด”
พรวดีเชิดหน้าลอยหน้าลอยตาอย่างเย่อหยิ่ง หล่อนไม่เคยเกรงกลัวใครในมหาวิทยาลัยแห่งนี้แม้แต่อาจารย์ที่กำลังสั่งงานให้ไปทำเป็นการบ้านก็ตาม ไม่ช้าอาจารย์ก็เดินออกไปจากห้องเพราะหมดคาบเรียน หล่อนกับพวกกำลังจะลุกตามออกไป แต่รุ่นพี่คนหนึ่งที่หล่อนจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันกับแฟนหนุ่มของตัวเองวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาดักหน้าเสียก่อน
“น้องพั้น...”
พรวดีตวัดสายตามองรุ่นพี่ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนจะเค้นเสียงถามด้วยความไม่พอใจ
“พี่มาขวางหน้าพั้นทำไมคะ”
แม้จะไม่พอใจนัก แต่รินฤดีก็จำต้องปั้นยิ้ม
“พี่มีเรื่องมาบอก”
“พั้นไม่มีเวลาฟังเรื่องไร้สาระของพี่หรอก หลีกทางค่ะ”
พรวดีเชิดหน้าจะเดินต่อไป แต่รินฤดีไม่หลบแถมพูดออกมาเสียงดัง
“แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับซัน แฟนของน้องพั้นนะคะ”
เท่านั้นแหละไอ้กิริยาไม่สนใจก็เปลี่ยนแปลงเป็นใส่ใจจนแทบบ้าทันที พรวดีแทบจะกระโดดเข้าไปสิงร่างของรินฤดีเสียให้ได้
“เกี่ยวกับพี่ซัน...? ทำไมคะ?”
รินฤดีเห็นท่าทางร้อนรนของพรวดีก็หมั่นไส้ แสร้งทำเป็นถ่วงเวลาบ้าง แต่สุดท้ายก็ถูกพรวดีจับขยับแรงๆ จนหัวสั่นคลอน
“บอกมาสิคะว่าพี่ซันทำไม เกิดอะไรขึ้นกับผัว... แฟนของพั้น บอกมาสิคะ”
“น้องพั้นก็เลิกเขย่าตัวพี่ก่อนสิ พี่เวียนหัว”
รินฤดีตะโกนออกมา และเมื่อถูกปล่อยให้เป็นอิสระจึงพูดขึ้น
“ตอนนี้ซันกำลังนั่งคุยอยู่กับ...”
“กับใครคะ”
พรวดีไม่มีความอดทนกับทุกเรื่อง และยิ่งเป็นหนักมากกับเรื่องของพัชรพลแฟนหนุ่มรูปหล่อคารมดีของตัวเอง
“กับน้องแพรไหมค่ะ”
“นังแพรไหม!”
มือเล็กข้างลำตัวของพรวดีกำแน่น ดวงตาลุกเป็นไฟด้วยความหึงหวง รินฤดีลอบยิ้มอย่างสะใจที่สามารถยืมมือคนอื่นจัดการกับผู้หญิงที่พัชรพลสนใจได้ และถึงแม้จะรู้ดีว่าพัชรพลจะไม่มีทางหันกลับมามองตัวเองอีกต่อไปก็ตาม
ในเมื่อพัชรพลไม่เลือกหล่อน เขาก็ไม่ควรจะมีชีวิตที่สงบสุขต่อไป
“ที่พี่มาเตือนนี่ก็เพราะไม่อยากให้น้องพั้นถูกแฟนกับเพื่อนรักหลอกน่ะ”
“มันไม่ใช่เพื่อนรักของพั้น แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็ไม่เคยคิดจะมีให้มัน นังแพศยา นังคนชั้นต่ำ พั้นจะตบมันให้คว่ำ”
“น้องพั้นต้องใจเย็นๆ นะคะ มีเรื่องในมหา’ลัยจะถูกไล่ออกเอาได้”
พรวดีตวัดสายตากระด้างมองรินฤดี
“พี่แกล้งไม่รู้ใช่ไหมคะว่าพั้นเป็นใคร”
“อ้อ พี่ลืมไปน่ะ”
คนที่กำลังเต็มไปด้วยลมเพชรหึงกัดฟันแน่น
“คนที่มันจะต้องเดือดร้อน คือนังแพรไหมต่างหากล่ะ ไปพวกเรา ไปตบมัน”
พรวดีก้าวยาวๆ เดินจากไปอย่างรวดเร็ว เปรมสุดารีบเดินตามไปติดๆ ในขณะที่อรสาก็กำลังจะเดินตามไปเช่นกัน แต่ระหว่างนั้นก็อดที่จะมองหน้ารินฤดีไม่ได้ หล่อนรู้สึกไม่ไว้ใจแปลกๆ
“พี่แน่ใจนะคะว่าที่คาบ... เอ้ย เอาข่าวมาบอกนี่เป็นเพราะไม่อยากให้ยายพั้นเสียพี่ซันไป”
“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีไปค่ะ”
อรสาจบความสงสัยแล้วก็รีบวิ่งตามเพื่อนสองคนที่นำหน้าไปก่อนแล้วทันที โดยไม่มีโอกาสได้เห็นสายตาสะใจของรินฤดีที่มองตามหลังมาแม้แต่น้อย