บทที่ 4 เขาแสดงได้เก่งจริงๆ
เขาแสดงได้เก่งจริงๆ! จันทร์นิลคิด
“อ๋อ งั้นรีบเข้ามากินข้าวกันเถอะ เมื่อครู่จันทร์นิลยังไม่ได้กินอะไรเลย” ดารินเดินเข้ามาจูงมือจันทร์นิล เวลานี้ จันทร์นิลเกิดความรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงตัวจากนรกกลับมายังโลกมนุษย์
“เธอโอเคนะ? ทำไมหน้าซีดขนาดนี้ ขอโทษนะ ทำให้เธอตกใจแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะให้พ่อบ้านจัดการสวนดอกไม้ให้สะอาด” ดารินพูดอย่างเอาใจใส่
จันทร์นิลพยักหน้า แสดงท่าทีว่าตนไม่เป็นไร
เธอพยายามผ่อนคลายขึ้น ให้หัวใจของตัวเองไม่เต้นแรงเกินไปนัก เมื่อหันกลับไปมอง เบรย์เดนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่อีกแล้ว
เงาร่างของเขากลมกลืนไปกับสวนดอกไม้ เพราะร่างสูงใหญ่ แม้แต่เงาก็ดูใหญ่โตเป็นพิเศษ ราวกับซาตานชั่วร้ายก็มิปาน
พระเจ้า ขอร้องท่านละ ได้เวลาลงทัณฑ์ปีศาจตนนี้แล้ว!
ยังดีที่งานเลี้ยงหลังจากนั้น เบรย์เดนเพราะมีธุระบางอย่างต้องไปจัดการจึงออกไปแล้ว อารมณ์ของจันทร์นิลดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อครู่นี้อีกนิดเดียว แค่เพียงนิดเดียว ตนก็ต้องตายแล้ว
ไม่ใช่แค่ถูกเบรย์เดนทำให้หวาดกลัว ยังมีโรคกลัวที่แคบที่น่าตายนั่นของเธออีก
คนทั่วไปที่เป็นโรคกลัวที่แคบ ก็แค่ไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ปิดอันคับแคบได้ ส่วนเธอนั้น ไม่เพียงไม่สามารถอยู่ในที่แคบเช่นนั้น ยังไม่สามารถเผชิญกับสภาวะที่ทำให้เธอหวาดกลัวจนหายใจไม่ออกได้อีก ตราบใดที่เธออยู่ในสภาวะเช่นนั้น โรคกลัวที่แคบของเธอก็จะระเบิดออกมา ดังนั้นเธอจึงไม่อาจรับความตกใจได้มากกว่าคนทั่วไป
ที่เธอมีโรคนี้ ล้วนมาจากเงาดำมืดในช่วงวัยเด็กทั้งสิ้น
ตอนที่เธออายุหกขวบ พ่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต แม่ไม่มีรายได้จากการทำงาน ได้แต่พาเธอไปขออาศัยอยู่บ้านน้าชาย พอน้ารับเงินชดเชยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เหล่านั้นของพ่อเธอไปแล้ว กลับเรียกร้องกับพวกเธอสองคนแม่ลูกมากขึ้น
กับแม่ก็ยังดี เพราะปกติแม่จะทำงานอยู่ที่เมือง มีแค่วันสุดสัปดาห์เท่านั้นถึงจะกลับมา ไม่มีผลกระทบมากนัก
แต่ตอนที่แม่ไม่อยู่ข้างกายเธอ ช่วงเวลาที่เธออยู่ที่บ้านของน้าชายเพียงคนเดียว นับว่าเป็นดั่งฝันร้าย!
น้าชายไม่ให้เธอกินข้าว น้าสะใภ้สั่งให้เธอทำความสะอาดบ้าน งานในไร่นาเธอก็ต้องเข้าร่วมด้วย ทำไม่เสร็จก็ไปนอนในคอกวัว
ส่วนลินาญาติผู้พี่ที่แก่กว่าเธอสามปี ก็ยิ่งชอบรังแกเธอเป็นที่สุด
เห็นเธอแล้วขัดตาก็สะบัดฝ่ามือใส่เธอ หยิกแขนเธอ เอารองเท้าเธอไปแขวนไว้บนต้นไม้ทั้งวัน ผลักเธอลงมาจากบนบันได.....
ทุกครั้งลินาจะคิดวิธีใหม่ๆ มาทรมานเธอ พอเธอเห็นลินาก็จะหวาดกลัวขึ้นมาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
ครั้งที่ร้ายแรงที่สุดคือตอนที่ลินาโกหกเธอว่าน้าสะใภ้เรียกให้เธอไปขนของในห้องเก็บของ ผลคือพอเธอหันหลังก็ถูกลินาขังไว้ในห้องเก็บของ ไม่ว่าจันทร์นิลจะทุบตีประตูอย่างไร ลินาก็ไม่ยอมปล่อยเธอออกไป
ภายในห้องเก็บของที่เบียดเสียดคับแคบเล็กๆ นั่น จันทร์นิลอยู่ในนั้นถึงสองวันเต็มๆ จนแม่ใกล้จะกลับมา ลินาถึงได้ปล่อยเธอออกมา
นับแต่นั้นจันทร์นิลก็เป็นโรคหวาดกลัวที่แคบ
แน่นอนว่าเธอไม่เคยบอกเรื่องพวกนี้กับแม่ เพราะเธอรู้ว่าการที่แม่เลี้ยงเธอด้วยตัวคนเดียวนั้นมันไม่ง่ายเลย พูดไปก็รังแต่จะทำให้แม่เศร้าเสียใจยิ่งกว่าเดิม
พวกน้าก็ตักเตือนเธอเช่นกัน ขู่ไม่ให้เธอพูดออกไป โดยเฉพาะลินา ลินาบอกว่าเธอเป็นหมาตัวเมียชั้นต่ำ ไม่มีใครสนใจเธอ ถ้าเธอเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่ ลินาจะฆ่าเธอทันที
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าหลายปีนั้นเธอมีชีวิตอย่างไร
เธอทำได้เพียงพยายามลืมอดีตที่เลวร้ายช่วงนั้น วางความคิดจิตใจของตนอยู่กับปัจจุบันและชีวิตในอนาคต หาความสมดุลจากตรงกลางนี้
ดีที่ต่อมา หลังจากเธอเข้ามหาลัยก็พักในหอพัก และหาเงินจากการทำงานเสริมนอกเวลาได้ จึงหลุดพ้นจากการควบคุมของพวกน้าๆ
แต่โรคนั้นกลับอยู่กับเธอมาตลอดหลายปี แม้ว่าปกติเธอจะเหมือนกับคนทั่วไป แต่เมื่ออาการกำเริบก็จะเจ็บปวดทรมานเป็นพิเศษ
แต่เมื่อห่างจากครอบครัวของน้า โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้เจอกับลินาอีก หลายปีมานี้จันทร์นิลก็ไม่มีอาการกำเริบอีก
แต่คืนนี้ เธอรู้สึกขาดอากาศหายใจไปหลายครั้งแล้ว
จันทร์นิลหลับตาด้วยความเหน็ดเหนื่อย
ตอนนี้เอง แอชตันยกแก้วไวน์ขึ้นมาก่อนเอ่ยพูด “ยินดีต้อนรับจันทร์นิลเข้าสู่ครอบครัวของพวกเรา พวกเราจะมีชีวิตที่มีความสุขไปด้วยกัน”
จะมีความสุขงั้นเหรอ? จันทร์นิลอดที่จะคิดถึงเงาร่างของเบรย์เดนขึ้นมาในหัวไม่ได้
วันนี้พวกเขาเพิ่งจะรู้จักกัน และวันนี้เขาก็ข่มขู่เธอไปหลายครั้งหลายครา
ทำให้เธอวนเวียนอยู่ตรงชายขอบของความตาย กระตุ้นโรคกลัวที่แคบของเธอขึ้นมา นี่มันช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ
ขณะที่จันทร์นิลกำลังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอยู่นั้น เสียงของแอชตันก็ดังขึ้นมาอีก ตอนนี้แอชตันกำลังมองเธออยู่
“จันทร์นิล หลังจากนี้ทุกอาทิตย์เธอต้องเข้าร่วมงานต่างๆกับเบรย์เดนและดารินนะ ให้ทุกคนเห็นถึงความสามัคคีกลมเกลียวของพวกเรา เห็นพวกเรายืนในแนวรบอย่างเป็นเอกภาพ”
คำพูดของแอชตันทำให้ร่างกายที่เพิ่งจะผ่อนคลายของจันทร์นิลเกร็งเครียดขึ้นอีกครั้ง
อะไรนะ? เธอแค่รับปากแม่ว่าจะมาทานอาหารมื้อหนึ่งเท่านั้นชัดๆ ทั้งยังถูกแม่ขู่ตัดความสัมพันธ์จึงต้องมา เธอไม่ได้เต็มใจสักหน่อย
ทำไมต้องให้เธอออกงานของตระกูลพวกเขาด้วย เธอเป็นคนนอกนะ!
เมื่อครู่นี้เธอเพิ่งตัดสินใจว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลธาดาวรวงศ์ เธอไม่ได้อยากกลายเป็นเจ้าหญิงของแก๊งมาเฟีย ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับสงครามการต่อสู้ของพวกเขา เธอเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ก็ควรเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาแห่งความสุขอันแสนธรรมดา
แต่คืนนี้ ทุกอย่างพังพินาศหมดแล้ว!
เวลานี้ จันทร์นิลพลันนึกถึงคำพูดที่เบรย์เดนพูดกับเธอตอนอยู่ในสวนดอกไม้ ที่พูดว่าตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาในบ้านนี้ทุกอย่างก็สายไปแล้ว ตอนนี้เธอเริ่มจะสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้แล้วสิ
เธอรู้ดี หากผู้ชายคนนั้นรู้ว่าเธอได้หลอมรวมเข้ากับครอบครัวของเขาโดยสมบูรณ์ละก็ เขาจะต้องคิดหาสารพัดวิธีมาทรมานเธออย่างแน่นอน
เธอไม่อยากแต่งงานให้ชายแก่ ไม่อยากถูกทรมานจนตาย.....
อาการหายใจไม่ออกกำลังแพร่มาจากลำคอของเธอ จันทร์นิลพยายามต่อสู้
“ฉัน...เข้าร่วมงานสังคมน้อยมากค่ะ แล้วก็ไม่ค่อยถนัดคบค้ากับผู้คนด้วย”
“ไม่เป็นไร เรื่องพวกนี้แม่ของเธอและดารินจะสอนเธอเอง” แอชตันพูด “แล้วก็ ทางที่ดีเวลาเธอว่างก็มารวมตัวที่บ้านเรานะ”
“แต่ว่าฉันงานยุ่งมากเลยค่ะ ต่อให้เป็นสุดสัปดาห์ก็ต้องทำโอที ยังมีที่มหาลัยอีก...”
“งั้นทุกสุดสัปดาห์มาทานอาหารด้วยกันครั้งหนึ่ง ห้ามปฏิเสธ” แอชตันออกคำสั่งอย่างแข็งกร้าว
“แต่ว่า.....”
“จันทร์นิล!” จันดาตะโกนขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ ขัดคำพูดของจันทร์นิล “ทำตามที่พ่อเธอพูด โอเคไหม?”
จันทร์นิลเห็นแววตาวิงวอนของมารดา คล้ายกำลังบอกเธอว่า อย่าไม่รู้กาลเทศะเกินไปนัก
ทำให้ถ้อยคำปฏิเสธที่เธอหลุดปากพูดไปไม่อาจพูดได้อีก
หลายปีมานี้เธอกับแม่พึ่งพาอาศัยกัน แม่เป็นแสงสว่างเดียวในชีวิตของจันทร์นิลมานานแล้ว เป็นสิ่งที่สนับสนุนให้เธอผ่านพ้นประสบการณ์ชีวิตอันเลวร้ายมาได้
จันทร์นิลก็รู้ว่าจันดาเองก็ลำบาก ไม่ง่ายเลยที่เธอจะแต่งให้คนที่ตัวเองชื่นชอบได้ เธอไม่อยากสร้างความลำบากใจให้แม่
สุดท้ายจันทร์นิลก็พยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า เธอไม่อาจไม่ตกลง
เห็นว่าบรรยากาศของพวกเขาไม่ดีนัก ดารินก็ดึงมือจันทร์นิลมาพูด “จันทร์นิล เธอวางใจได้เลย ที่จริงพวกเราทานอาหารด้วยกันน้อยมาก ปกติเบรย์เดนก็ยุ่งๆ ฉันก็ไม่ค่อยว่างมาเหมือนกัน ถ้าต้องออกงานเลี้ยงอะไรจะบอกเธอล่วงหน้าก่อน วางใจได้เป็นงานของคุณหนูคุณชายวัยรุ่นทั้งนั้นแหละ ทุกคนล้วนพูดคุยได้ง่าย ที่นั่นเธอจะได้รู้จักกับเพื่อนมากมาย ไม่ต้องกังวล”