บทที่ 10 กระตุ้นเงาดำในใจเธอขึ้นมา
จันทร์นิลรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายแล้ว นิ้วมือของเบรย์เดนขยับไปมาในโพรงปากของเธอ ความรู้สึกที่หายใจไม่ออกน่ารังเกียจนั่นถาโถมเข้ามาเป็นระยะๆ
น้ำตาของเธอไหลลงมาจากเบ้าตา แต่เบรย์เดนคล้ายไม่มีความคิดว่าจะปล่อยเธอไปเพราะสิ่งนี้
ในตอนที่จันทร์นิลรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะทนไม่ไหวนั้น เบรย์เดนก็ชักมือออกจากปากเธอเสียที
แต่ต่อมาทรวงอกเธอก็โดนเบรย์เดนบีบจับ
มือของเขาขยำทรวงอกของเธออย่างแรง เจ็บจนจันทร์นิลต้องสูดลมหายใจ
“เบรย์เดน คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ฉันเป็นน้องสาวคุณนะ ถ้าพ่อแม่เรารู้เข้าต้องแย่แน่ๆ คุณรีบปล่อยฉันไปเถอะ!” นัยน์ตาของจันทร์นิลเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอรู้สึกโกรธและสิ้นหวังกับการกระทำของเบรย์เดน
เธอเคยคิดว่าเบรย์เดนจะฆ่าเธอ แต่กลับไม่เคยคิดว่าเขาจะสร้างความอับอายให้เธอเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนสุนัขตัวเมียชั้นต่ำตัวหนึ่ง
“จันทร์นิล เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว หลังจากที่พวกเขารู้ คนที่แย่ก็คือเธอ ไม่ใช่ฉัน พ่อฉันอาจจะฆ่าเธอเพื่อชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูล แม่เธอก็จะไม่พูดอะไรสักคำ” เบรย์เดนบอกความจริงกับจันทร์นิลด้วยรอยยิ้มป่าเถื่อน
เขาพูดไปพลาง มือก็เลื้อยต่ำไปพลาง ลูบไล้หน้าท้องของจันทร์นิล สัมผัสได้ว่าเธอตัวสั่นเทา สุดท้ายก็ไปถึงตรงหว่างขาของเธอ
“เบรย์เดน พี่ชาย ปล่อยฉันไปได้ไหมคะ? ขอร้องละ วันนี้แม่ฉันแต่งงาน ฉันยังไม่ได้อวยพรเธอเลย” จันทร์นิลพูดขอร้องด้วยความรู้สึกแหลกสลาย เธอกลัวแล้ว กลัวแล้วจริงๆ
ตอนนี้ เธอมองประตูที่ปิดแน่น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีคนเดินผ่านมาตอนนี้ มาขัดขวางทุกอย่างไว้
เบรย์เดนได้ยินคำวิงวอนร้องขอของจันทร์นิล รอยยิ้มก็ทวีความอ่อนโยนยิ่งขึ้น เหมือนกำลังเสพสุขกับความเจ็บปวดของเธออยู่ก็มิปาน
เขาเพลิดเพลินกับช่วงเวลานี้จริงๆ เขาชื่นชอบมองท่าทางยามผู้อื่นวิงวอนร้องขอด้วยความเจ็บปวดเป็นพิเศษ นักโทษพวกนั้นที่เขาจับตัวได้ ไม่ว่าตอนแรกจะปากแข็งแค่ไหน สุดท้ายภายใต้การทรมานหลากหลายรูปแบบของเขา ก็ล้วนเปิดปากอ้อนวอนเขาทั้งนั้น
ทุกครั้งในเวลาเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกว่างานของเขาบังเกิดความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ขึ้นแล้ว
ตอนนี้ มองดูท่าทางร้องขออย่างทรมานของจันทร์นิล ความคิดของเบรย์เดนก็เป็นเช่นนี้
แต่เมื่อเห็นท่าทางของเธอที่หวาดกลัวจนแทบหายใจไม่ออก เขาก็หยุดการทรมานเธอไว้ หากว่าทำให้ตายไปตอนนี้ ภายหลังคงมีเรื่องสนุกน้อยลงมาก
เบรย์เดนยื่นมือไปลูบไล้แก้มจันทร์นิล ก่อนเลื่อนลงไปบีบลำคอของเธอ มือของเขาอุ่นร้อนและหยาบกระด้าง คอของเธอเพรียวบางเช่นนี้ มือข้างเดียวของเขาก็สามารถหักคอเธอทิ้งได้อย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้ การกระทำของเขาอ่อนโยนเป็นพิเศษ
“จันทร์นิล ต่อไปเธอคือสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลธาดาวรวงศ์แล้ว เป็นเจ้าหญิงแก๊งมาเฟีย และฉันก็เป็นหัวหน้าแก๊ง อย่าได้คิดจะต่อต้านฉันอีก เข้าใจไหม? ไม่อย่างงั้น ฉันจะทำให้เธอได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่านรกบนดินที่แท้จริง”
จันทร์นิลพยักหน้า เธอไม่มีแรงแล้วจริงๆ หากว่าเบรย์เดนยังไม่ไป เธอคิดว่าตัวเองอาจจะตายอยู่ที่นี่
“จัดการตัวเองแล้วค่อยออกมา แม่เธอยังรอคำอวยพรจากเธออยู่นะ” เบรย์เดนพูดจบก็หมุนตัวออกไป
เขายังคงสง่างามเช่นนั้น มีเพียงจันทร์นิลที่ดูจนตรอกถึงขีดสุดเพียงคนเดียว
เครื่องสำอางเละเทะ ชุดสกปรกแล้ว น้ำลายของเธอยังหกใส่ตัว จันทร์นิลรู้สึกขยะแขยง
แต่ที่สำคัญที่สุดคือการกินยา จันทร์นิลหยิบยาในกระเป๋ามากลืนลงไป ครู่หนึ่งเธอก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมา
แต่เธอกลับรู้สึกว่าโลกดำมืดขึ้นไปทุกที มองไม่เห็นความหวังแม้เพียงครึ่งส่วน
เธออยากไปจากที่นี่อย่างสุดชีวิตชัดๆ แต่กลับตกลงลึกเข้าไปทุกที หนีไม่รอดแล้วใช่ไหม?
ออกมาจากห้องหนังสือ จันทร์นิลไปหาแม่ของเธอ
วันนี้ดารินสวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ กำลังชูแชมเปญไปรอบๆ เพื่อแสดงความเคารพอยู่กับแอชตัน
เธอเห็นจันทร์นิลเดินเข้ามา บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความดีใจ
“จันทร์นิล วันนี้ลูกแต่งตัวได้สวยจริงๆ นี่มันชุดโอต์กูตูร์ของ CHANEL ไม่ใช่เหรอ? เธอไปเอามาจากไหน?”
ในฐานะมารดาของจันทร์นิล เธอเข้าใจเป็นอย่างดี จันทร์นิลเป็นแค่นักเรียนจนๆ คนหนึ่ง ตอนนี้เพิ่งจะมาฝึกงานที่โรงพยาบาล จะเอาเงินจากไหนมาซื้อเสื้อผ้า?
จันทร์นิลชำเลืองมองเบรย์เดนที่อยู่ไม่ไกลนัก เขาก็กำลังจ้องมองเธออยู่เหมือนกัน
“พี่ชายซื้อให้ค่ะ เขาอยากให้ฉันแต่งตัวสวยๆ ในวันนี้” จันทร์นิลคิดถึงทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นในห้องหนังสือ ยังคงเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
“โอ้ เบรย์เดนช่างมีใจแล้วจริงๆ” จันดายกมือเรียกเบรย์เดน ชื่นชมว่าเขาใจกว้างเอาใจใส่ ถึงกับคิดถึงน้องสาวของตัวเองได้ถึงขั้นนี้
ตัวเธอยังคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้เลย
“เธอเป็นน้องสาวของฉัน ทำเรื่องเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่สมควรแล้ว” เบรย์เดนยิ้ม
จันทร์นิลคิดว่าเบรย์เดนเสแสร้งเก่งเกินไปแล้ว อยู่ต่อหน้าคนอื่น เขามักจะอ่อนโยนและสง่างามเช่นนี้ มีเพียงตอนอยู่กันตามลำพัง เขาถึงจะเผยเขี้ยวเล็บของตัวเองออกมา
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ
เดิมทีจันทร์นิลคิดจะเล่าให้แม่เธอฟัง เธอคิดว่าแม่ต้องขัดขวางไม่ให้เบรย์เดนรังแกเธออย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ ด้านข้างพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“จันดา ยินดีด้วยนะที่เจอรักแท้อีกครั้ง!” เป็นมาริสาน้าสะใภ้ของเธอ
ถ้าเมื่อครู่ไม่ได้กินเอสตาโซแลมไป แล้วยายังคงออกฤทธิ์อยู่ละก็ จันทร์นิลไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะอาการกำเริบขึ้นมาหรือเปล่า จันทร์นิลในเวลานี้ รู้สึกว่าเลือดทั้งตัวหยุดไหล ร่างกายเริ่มสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอหันไปมองมาริสา ก็เหมือนเห็นเทพแห่งความตายในนรก
แต่โชคดีในเคราะห์ร้าย ได้ยินว่าลินาญาติผู้พี่ของเธอท่องเที่ยวอยู่ต่างประเทศ ไม่สามารถกลับมาร่วมงานแต่งได้ ไม่อย่างนั้นหากว่าลินากับเบรย์เดนทรมานเธอพร้อมๆ กันละก็ เธอจะต้องกลายเป็นคนบ้าทันที จากนั้นก็ถูกโยนเข้าไปในโรงพยาบาลบ้า
พลังข่มขู่ที่มาริสามีต่อเธอ ยังห่างไกลไม่สามารถเทียบกับความน่ากลัวของลินาได้
ทว่า คำพูดเหล่านั้นที่เดิมทีคิดจะพูดกับแม่ จันทร์นิลกลับพูดไม่ออกแล้ว
“ถ้านังกะหรี่อย่างแกกล้าฟ้อง ฉันจะให้คนมารุมข่มขืนแก จากนั้นก็เอาแกไปโยนให้สุนัขกิน!”
วาจาข่มขู่โหดร้ายในอดีตของลินาดังขึ้นในหัวจันทร์นิล
หลายปีมานี้ ลินารังแกเธอมาโดยตลอด ทุบตีเธอ ด่าเธอ ผลักเธอลงมาจากชั้นบน ใช้แส้ฟาดเธอ.....ทำให้แผลที่หายแล้วบนตัวเธอมีเลือดออกอีก เป็นๆ หายๆ ซ้ำกลับไปกลับมา
แต่เรื่องพวกนี้ เธอไม่กล้าบอกแม่มาโดยตลอด เพราะคำพูดข่มขู่พวกนั้นของลินา ทำให้เธอหวาดกลัว เธอรู้สึกว่าลินาอยากฆ่าเธอให้ตายจริงๆ
ตอนนี้เบรย์เดนรังแกเธอ เดิมทีเธอคิดจะบอกจันดา แต่มาริสาปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้เธอนึกถึงการข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ลินาทำต่อเธอในอดีตขึ้นมาทันที เธอพูดไม่ออกแล้ว
บาดแผลทางใจเหล่านั้น ยังรักษาไม่หาย ตอนนี้ยังมีแผลใหม่อีก ทำให้จันทร์นิลหวาดกลัวเป็นพิเศษ
แต่ว่าเรื่องพวกนี้ แม่ของเธอไม่รู้เลย
ตอนเด็กๆ เธอไม่รู้ว่าควรจะบอกกับแม่ยังไง แม่ของเธอก็พึ่งพาอาศัยคนอื่นเหมือนกับเธอ หากพูดกับแม่ของเธอ แม่ของเธอจะต้องเสียใจแน่ๆ
ดังนั้นทุกครั้งที่ลินาบอกว่าเธอหกล้มจนบาดเจ็บ ตนเองกระแทกจนบาดเจ็บ เธอจึงไม่เคยอธิบายอะไรเลย
แม่ก็มักจะดุว่าเธอโง่ พูดว่าทำไมเธอถึงทำให้ตัวเองบาดเจ็บง่ายนัก
แม่ของเธอไม่สงสัยเลยสักนิด เชื่อคำพูดของลินาแล้วต่อว่าเธอ ทำให้จันทร์นิลยิ่งไม่กล้าพูดความจริงออกมา
จันทร์นิลมองจันดา ตอนนี้เธอกำลังพูดคุยกับมาริสาเรื่องทั่วไปอยู่ หลังจากแม่และเธอย้ายมาที่ชิคาโก พวกเธอกับบ้านของน้าก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีก
และช่วงเวลาที่ไม่เจอกันนี้ ก็คือช่วงเวลาที่งดงามและสงบที่สุดในชีวิตของจันทร์นิล
เมื่อก่อนทุกครั้งที่เจอหน้าลินา เธอมักจะต้องเตรียมใจอยู่นาน และทุกครั้งเมื่อเจอหน้าเธอเสร็จ คำพูดโจมตีที่เจ็บแสบใจดำของเธอ ก็จะทำให้จันทร์นิลเจ็บปวดใจอยู่นาน
ตอนนี้เมื่อเห็นมาริสา จันทร์นิลก็เริ่มจมอยู่ในความทุกข์ทรมานอันใหญ่หลวงอีกครั้ง
เบรย์เดนก็สังเกตเห็นความรู้สึกเจ็บปวดของจันทร์นิลแล้วเช่นกัน สภาพของผู้หญิงคนนี้ในตอนนี้ย่ำแย่เกินไปแล้วจริงๆ ได้พบหน้ากับน้าสะใภ้ของตัวเองชัดๆ ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ?
แต่เธอกลับดูเจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าตอนอยู่กับเขาเสียอีก
เขาอดไม่ได้คว้าไหล่ของจันทร์นิลเข้ามาโอบ แล้วถามเสียงเบา “เธอเป็นอะไร?”