ตอนที่ 4 พบหน้า
ตอนที่ 4 พบหน้า
หลังจากงานพิธีศพของอิงเดือนเสร็จเรียบร้อยลงแล้ว เรืองลดาฝาแฝดคนน้องเดินทางมาประเทศรัสเนเปย์เพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรสแทนพี่สาว คุณพ่อคุณแม่ของเธอเดินทางมาส่งลูกสาวด้วยตัวเองและมาร่วมพิธีอภิเษกสมรสที่กำลังจัดเตรียมขึ้นอย่างใหญ่โต
“ถวายบังคมพระเจ้าค่ะ”
“ถวายบังคมเพคะ”
“คนกันเอง ไม่ต้องมากพิธีเชิญนั่งเถอะ” ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกันได้สักพัก พร้อมกับรับประทานอาหารร่วมกัน ส่วนองค์ชายอีธานและท่านหญิงเรืองลดาทั้งสองคนนั่งกันเงียบ ไม่ได้มีการพูดหรือคุยอะไรกันเลย
เรืองลดาแอบมองใบหน้าขององค์ชายอีธานอยู่บ่อยครั้ง สำหรับเธอแล้วเคยเห็นแค่ในรูปที่พี่สาวเอามาให้ดูเท่านั้น ไม่เคยเห็นตัวจริงเลยสักครั้ง เขาดูหล่อเหลาไม่แพ้กับในรูปภาพที่เธอเคยเห็นเลยสักนิด
คิ้วเข้ม ดวงตาดุ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเป็นกระจับได้รูป ใบหน้าเกลี้ยงเกลาจัดแต่งทรงผมได้ทันสมัยดูแล้วเรียบร้อยสะอาดสะอ้านเหมือนกับเทพบุตรในนิยายไม่มีผิด
อีธานไม่แม้แต่อยากจะมองใบหน้าสวยจิ้มลิ้มตรงหน้าเลยสักนิด ใบหน้าของเขาไม่ยิ้มแถมคิ้วเข้มยังขมวดอยู่ตลอดเวลา แต่นั้นทุกคนก็พอเข้าใจได้ว่าเขาเพิ่งจะเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลังจากมื้ออาหารจบลง ทางฝ่ายครอบครัวของเรืองลดาก็ถูกพาไปพักที่เรือนรับรอง เตรียมตัวสำหรับพิธีอภิเษกสมรสในวันรุ่งขึ้น
พิธีอภิเษกสมรสของประเทศนี้ค่อนข้างง่ายและกระชับไม่ค่อยมีพิธีอะไรให้วุ่นวายแต่ก็จัดงานให้ใหญ่โตสมเกียรติ หลังจากพิธีจบลงบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายก็กล่าวคำอวยพรและเข้าห้องหอ ก็เป็นอันเสร็จพิธี
หลังจากเสร็จพิธีอภิเษกสมรสขององค์ชายอีธาน ทางด้านองค์ชายอีริคก็ได้เดินทางไปรับคู่หมั้นที่ประเทศไทยตามที่ได้สัญญากับเสด็จพ่อและเสด็จแม่เอาไว้ ซึ่งพิธีอภิเษกสมรสคู่ต่อไปก็คงจะหนีไม่พ้นคู่ขององค์ชายอีริคและสาวชาวไร่อันดา
@ไร่ชาประเทศไทย
“คุณพ่อคุณแม่ขาอันดากลับมาแล้วค่า...” อันดาหญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปี วิ่งพรวดพราดเข้ามาทางด้านหลังบ้านอย่างเคยชิน เธอเห็นคนอยู่กันเต็มบ้านไปหมด รวมถึงคนที่เธอเรียกว่าท่านพ่อด้วย แต่วันนี้ท่านพ่อของเธอแต่งตัวแปลกๆ มองมาที่เธอซึ่งอันดาไม่เคยเห็นเพชรตะวันในชุดแบบนี้มาก่อน อันดาค่อยๆ ก้าวขาเดินเข้ามาหาทุกคน และดูเหมือนว่าทุกคนกำลังจะรอเธออยู่
อยู่ๆก็มีผู้ใหญ่หลายคนที่ยืนเรียงรายกันอยู่เกือบสิบคนได้ ก้มศีรษะทำความเคารพเธอ อันดารู้สึกตกใจที่อยู่ๆเธอก็ถูกผู้ใหญ่ที่ไหนก็ไม่รู้ก้มศีรษะให้ คล้ายกับว่ากำลังทำความเคารพเธออย่างนั้นแหละ และที่สำคัญคือเธอไม่เคยเห็นหน้าคนพวกนี้มาก่อน เมื่ออันดาค่อยๆก้าวขาเข้าไป ก็มีเสียงอันทรงพลังพูดขึ้นมาว่า
“นี่น่ะเหรอเจ้าหญิงของเรา” ท่าทางที่เธอวิ่งเข้ามาทำให้อีริคที่เคร่งครัดเรื่องมารยาทอย่างเขาถึงกับต้องขมวดคิ้วเข้ามากันแน่น
“……...” อันดาไม่รู้จะพูดอะไร เธอพอจะรู้แล้วว่าคนพวกนี้เป็นใครและมาทำอะไรกัน อันดาก็ได้แต่ยืนอยู่อย่างนั้นยังไม่ได้ขยับไปไหน แต่สายตาของเธอมองไปที่คุณพ่อคุณแม่และท่านพ่อของเธอ สายตาเป็นคำถามถูกส่งไปให้ผู้มีพระคุณประมาณว่าช่วยเธอคิดหน่อยว่าเธอควรจะทำยังไงต่อดี แต่แล้วเพชรตะวันท่านพ่อของเธอ ก็ก้มศีรษะให้กับผู้ชายอายุน้อยคนหนึ่งเป็นการขออนุญาต แล้วท่านก็เดินเข้ามาหาอันดา
“ลูกรู้เรื่องทั้งหมดแล้วใช่มั้ย” น้ำเสียงอบอุ่นของท่านพ่อเอ่ยถามลูกสาวที่ตอนนี้กำลังทำตัวไม่ถูก
“ค่ะ แต่ทำไมถึงได้มาเร็วกันขนาดนี้คะ” เธอไม่คิดว่าจะมากันวันนี้ อย่างน้อย ก็น่าจะโทรมานัดหรือน่าจะบอกกันก่อนล่วงหน้า
ไม่ใช่นึกอยากจะมาก็มา อันดาแอบคิดในใจ มาอย่างนี้นอกจากเธอจะไม่ได้เตรียมตัวแล้ว ยังหนีไม่ทันอีกด้วย แต่เอ๊ะ! หรือว่าที่มาแบบนี้เป็นเพราะจะกลัวเธอหนีนะ ซึ่งสภาพของเธอตอนนี้มันไม่เหมาะแก่การต้อนรับเจ้าชายเลยสักนิด
กางกงขาสั้นกับเสื้อยืดคอกลม ชุดใส่อยู่บ้านดีๆนี่เอง แถมยังย้วยเกือบหมดสภาพแล้วด้วย ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีเสื้อผ้าดีๆใส่หรอกนะ แต่เสื้อผ้าพวกนี้ใส่แล้วมันรู้สึกสบายดี เธอก็เลยชอบใส่มัน
“เตรียมตัวแล้วใช่ไหมลูก” คำตอบก็คือยัง! อันดาตะแคงคอมองหน้าท่านพ่อของเธอด้วยสายตาอยากจะปฏิเสธสุดๆ
“ท่านพ่อเอาอะไรมาพูดคะ อันดายังไม่อยากไป” อันดาพูดเสียงดังอย่างไม่เกรงกลัว ตั้งใจให้องค์ชายได้ยินด้วย
“อย่าเสียมารยาทน่า...นี่องค์ชายอีริคคู่หมั้นของลูก ทำความเคารพองค์ชายก่อนสิลูก” อันดามองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าชายด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เธอไม่ได้กลัวเจ้าชายแต่คนที่อันดากลัวก็คือท่านพ่อของเธอต่างหาก กลัวว่าท่านพ่อจะไม่สบายใจ เธอไม่อยากให้ท่านพ่อของเธอลำบากใจ อันดาจึงยอมโค้งคำนับทำความเคารพองค์ชาย ในแบบประเพณีของประเทศรัสเนเปย์
ส่วนองค์ชายเองเมื่อได้พบกับคู่หมั้นครั้งแรกรู้สึกไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่ เนื่องจากสภาพของเธอตอนนี้ดูไม่ได้เลย ผมบนศีรษะเหมือนทะเลาะกับหวีมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็ดูแทบไม่ได้ ใบหน้ามอมแมมเหมือนกับเด็กยังไม่โตแอบไปเล่นเลอะเทอะมา
“ไม่ต้องมากพิธีเชิญนั่ง” องค์ชายเอ่ยเชิญหญิงสาวที่เดินเข้ามาใหม่ให้นั่งลง ด้วยท่าทางเฉยๆไร้อารมณ์
“เราส่งข่าวมาหลายวันแล้ว ว่าจะมารับตัวเธอกลับรัสเนเปย์ หวังว่าเธอคงไม่ติดขัดอะไร” องค์ชายเริ่มพูดเข้าเรื่องทันที เพราะก่อนที่อันดาจะมา ผู้ใหญ่ที่นั่งกันอยู่ตรงนี้และองค์ชายได้พูดคุยกันได้สักพักแล้ว
องค์ชายอีริคเองก็มาเพราะหน้าที่เช่นกัน การมาในครั้งนี้ก็คือมาพาตัวผู้หญิงคนนี้ไปเข้าพิธีอภิเษกสมรสที่กำลังจะจัดขึ้นทันทีหลังจากที่เขาพาเธอกลับไป
“อันดายังไม่อยากไป...” เธอพูดกับเขาตรงๆ
“อย่าเสียมารยาทสิลูก” เพชรตะวันเอ่ยบอกลูกสาวหัวดื้อ ทำให้องค์ชายรู้ว่าเธอก็คงไม่ได้แตกต่างไปจากเขาเอง ที่ยังไม่พร้อมที่จะมีใครเหมือนกัน
“เอาล่ะ เราคิดว่าเธอกำลังกังวล เราสัญญาว่าจะไม่เร่งรัดเธอทุกเรื่องแต่ขอให้ยอมไปกับเราก็พอ” การพาตัวเธอกลับไปถือเป็นภารกิจของเขาที่เดินทางมาเมืองไทยในครั้งนี้
“............” อันดาไม่มีทางเลือก อย่างน้อยที่นั่นก็ยังมีท่านพ่อของเธออยู่ด้วย
“ถ้าเข้าใจแล้ว เราจะให้เวลาเธอหนึ่งชั่วโมงเพื่อร่ำลาทุกคน” เวลาหนึ่งชั่วโมงที่องค์ชายต้องนั่งรอผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งถือว่านานมากแล้ว แต่สำหรับอันดาหนึ่งชั่วโมงคือน้อยมาก
“เดี๋ยวครับ” เป็นเสียงคิมหันต์ที่เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่การสนทนาจะจบลง
“ท่านมีอะไรจะพูด ก็พูดมาได้เลย” องค์ชายยังคงให้เกียรติคิมหันต์ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ในฐานะที่ผมเป็นพ่อและเลี้ยงอันดามาตั้งแต่เกิด ผมอยากให้องค์ชายสัญญากับผมว่าจะดูแลลูกสาวของผมเป็นอย่างดี” คิมหันต์คงยอมไม่ได้ถ้ารู้ว่ามีใครมารังแกลูกสาวของท่าน
“ได้เราสัญญา เราจะดูแลเธอเป็นอย่างดี” คำสัญญาขององค์ชายทำให้คิมหันต์พอใจ แต่มุจลินท์ที่รู้ว่าวัฒนธรรมของที่นั่นเป็นยังไง จึงยังไม่พอใจถ้าจะแค่ดูแลดี เพราะท่านเป็นผู้หญิงย่อมเห็นใจลูกสาวมากเป็นพิเศษ ต้องการให้องค์ชายสัญญามากกว่านี้
“ในฐานะที่ดิฉันเป็นแม่ ดิฉันขอให้องค์ชายสัญญามากกว่านี้ได้มั้ยเพคะ” และนั่นจึงทำให้องค์ชายรู้ว่าคนเป็นแม่ต้องการอะไรจากเขา
“ถ้าท่านหมายถึงเรื่องความรัก…เราจะพยายามแล้วกันนะ” เรื่องของความรู้สึก เรื่องนี้อีริคยังคงรับปากไม่ได้
“ยังไม่พอเพคะ”
ยังไงวันนี้เขาก็ต้องพาตัวหญิงสาวคนนี้กลับไปด้วยให้ได้...องค์ชายคิดในใจ และรู้ว่าที่ท่านแม่พูดคงหมายถึงวัฒนธรรมของที่โน่นที่ผู้ชายสามารถมีเมียได้มากกว่าหนึ่ง
“เราจะมีเธอแค่คนเดียว สัญญาด้วยลูกกษัตริย์ชาติทหาร” น้ำเสียงหนักแน่นขององค์ชาย ทำให้มุจลินท์กับคิมหันต์รู้สึกพอใจมาก แต่สำหรับองค์ชายแล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องยากเพราะก่อนหน้านี้เขาก็ไม่เคยอยากมีใครอยู่แล้ว ส่วนเรื่องความรู้สึก เขายังพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้ขอให้เป็นไปตามเวลาของมันก็แล้วกัน ส่วนเรื่องวัฒนธรรมของที่นั่นที่บอกว่าผู้ชายสามารถมีเมียได้มากกว่าหนึ่งคนนั้น เรื่องนี้ไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลย
“พอใจแล้วค่ะ ขอบคุณพระองค์มาก ดิฉันในฐานะแม่ขอฝากลูกสาวให้องค์ชายดูแลต่อด้วยนะเพคะ” อีริคพยักหน้ารับทราบ
“เราจะออกไปรอในรถ เราให้เวลาพวกท่านหนึ่งชั่วโมงหวังว่าคงไม่เร่งรัดจนเกินไป” พูดจบประโยคองค์ชายอีริคก็ลุกยืนขึ้นแล้วเดินนำทหารออกไป โดยมีทหารที่อยู่ในรถ สต๊าทรถและเปิดแอร์รอไว้อยู่ก่อนแล้ว