บทที่ 4 ไปจวนแม่ทัพ
บทที่ 4 ไปจวนแม่ทัพ
ไป๋จื่อเซียนและไป๋ซู่ฮวาพาเจียงหว่านหนิงมาที่โรงหมอซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก เขามองใบหน้าซีดเผือดของนางคราหนึ่ง ก่อนจะเดินออกมารอที่ด้านนอกพร้อมกับไป๋ซู่ฮวา ระหว่างรอท่านหมอรักษา เขาจึงหันมาเอ่ยถามน้องสาวของตนคราหนึ่ง
"ซู่เอ๋อร์ นับว่านางมีบุญคุณกับเจ้า รอนางฟื้นเราค่อยสอบถามความเป็นไปของนางอีกครา"
"พี่ใหญ่ ก่อนจากกันคราก่อน นางบอกกับข้าว่านางมาจากต่างแคว้น มาที่แคว้นโจวเพื่อตามหาบิดามารดาของนาง แต่ข้าไม่ได้พูดจากับนางมากนัก เพราะต้องเร่งกลับจวน ไว้รอนางฟื้นเราค่อยสอบถามนางอีกคราก็ได้เจ้าค่ะ เผื่อจะได้ช่วยเหลือนางได้"
"อืม"
ไป๋จื่อเซียนและไป๋ซู่ฮวารออยู่ราวครึ่งชั่วยาม ท่านหมอก็เดินออกมาพบพวกเขา ไป๋จื่อเซียนที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที
"แม่นางผู้นั้นเป็นเช่นไรบ้างขอรับ?"
"ท่านรองแม่ทัพไป๋ เท่าที่ข้าตรวจดู นางถูกสามบุปผา พิษนี้จะทำให้อ่อนแรงกระอักโลหิตจนตายไปเอง อีกทั้งยาพิษก็อยู่ในร่างกายนางมาหลายวัน โชคดีที่ยังไม่ลุกลามเข้าไปในจุดสำคัญเนื่องจากได้รับพิษมาในปริมาณไม่มาก ข้าน้อยจะจัดเทียบยาให้นาง ยานี้ต้มดื่มสามวันก็สามารถขจัดพิษได้หมดขอรับ"
"รบกวนท่านหมอแล้ว"
"ยินดี ยินดี"
ท่านหมอพยักหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเดินไปจัดเทียบยา ไป๋ซู่ฮวาไม่รอช้า นางรีบเดินเข้าไปหาเจียงหว่านหนิงด้านในทันที เมื่อเข้ามาถึงก็พบว่ายามนี้เจียงหว่านหนิงได้สติแล้ว และกำลังนั่งเอนกายอยู่บนเตียงใบหน้าของนางดีขึ้นบ้างแล้ว
"เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเจียงหว่านหนิง?"
"ขอบใจเจ้ามาก บุญคุณครั้งนี้ข้าจะไม่ลืมเลย"
ไป๋ซู่ฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ยกับเจียงหว่านหนิงอย่างเป็นมิตร
"เอาเถิด ตอบแทนที่เจ้าช่วยข้าคราก่อนอย่างไรเล่า"
"เพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น"
เจียงหว่านหนิงยิ้มให้ไป๋ซู่ฮวา ก่อนจะมองไปยังบุรุษผู้หนึ่งที่ก้าวเดินเข้ามาข้างใน เขาสวมชุดเยี่ยงคุณชายชั้นสูง ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย แววตามีความเย็นชาเบื่อหน่ายอยู่หลายส่วน เขาจ้องมองนางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม
"แม่นาง ข้าเป็นพี่ชายของไป๋ซู่ฮวา ขอบใจแม่นางมากที่ช่วยน้องสาวข้า"
"ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ"
ไป๋จื่อเซียนลอบมองใบหน้าของนางคราหนึ่ง ก็พบว่านางมีใบหน้าที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำ ใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย แต่มิอาจปิดบังความงดงามของนางได้เลย
"แม่นาง เจ้าลุกไหวหรือไม่ ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า เกรงว่าที่นี่จะไม่เหมาะ จึงอยากพาเจ้าไปที่โรงน้ำชาใกล้ๆ แถวนี้สักครู่"
"ไหวเจ้าค่ะ ท่านหมอให้ยาถอนพิษข้ากินไปหนึ่งถ้วยแล้ว ข้ารู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้วเจ้าค่ะ"
"อืม เช่นนั้นเราไปกันเถิด"
เจียงหว่านหนิงพยักหน้า ไป๋ซู่ฮวารีบเข้ามาประคองนางอย่างสนิทสนม เดินมาไม่นานนักก็ถึงโรงน้ำชาที่ไป๋จื่อเซียนว่า โรงน้ำชาที่นี่ค่อนข้างใหญ่ เขาเลือกห้องด้านบนชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องส่วนตัว ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินเข้าไปด้านใน
เสี่ยวเอ๋อร์เข้ามาบริการอย่างนอบน้อม ไป๋จื่อเซียนสั่งอาหารมาสองสามอย่าง ระหว่างที่รออาหารมาถึง เขาจึงเอ่ยถามนางทันที
"แม่นางมีชื่อว่าเจียงหว่านหนิงใช่หรือไม่?"
"เจ้าค่ะ"
"ไม่ปิดบังแม่นาง ข้าได้ยินเรื่องราวของแม่นางมาบ้างจากไป๋ซู่ฮวาแล้ว ได้ยินว่าแม่นางมาจากต่างแคว้น เพื่อมาตามหาบิดามารดาหรือ ไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นมาเช่นไร เผื่อข้ากับน้องสาวจะได้ช่วยเหลือเจ้าได้"
เจียงหว่านหนิงยิ้มให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ข้าเดินทางมาจากแคว้นฉางอัน บิดาข้าเป็นทหารชายแดนแต่ตายในสนามรบ มารดาข้ารู้ข่าวจึงตรอมใจตาย ระหว่างทางข้าลี้ภัยมาที่ค่ายตงหยาง แต่กลับถูกพิษ ข้าไม่รู้เช่นกันว่าถูกพิษนั้นได้เช่นไร น่าจะเป็นพวกที่หวังผลประโยชน์ สมบัติที่ท่านแม่ให้ไว้ หายไปหลายชิ้น อีกทั้งระหว่างทางยังถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวมาหวังนำมาขายที่แคว้นต้าโจว โชคดีมีสหายที่ได้พบกันที่นั่นช่วยเหลือข้าออกมา ยามนี้ทุกคนแยกกันไปจัดการเรื่องของตน ข้าจึงเดินทางมาตามหาบิดามารดาที่นี่ เพราะบิดามารดาบุญธรรมบอกข้าว่า ยามยังวัยเยาว์ข้าถูกนำมาขายจากแคว้นต้าโจว ท่านพ่อท่านแม่บุญธรรมเลี้ยงข้าเสมือนบุตรแท้ๆ พวกเขาให้ข้ามาตามหาที่นี่ แต่โชคข้าคงไม่ดี จึงถูกจับมาขายอีก นับว่าสวรรค์ยังเมตตาคุ้มครองข้า จึงได้พวกท่านช่วยเหลือเอาไว้เจ้าค่ะ"
ไป๋จื่อเซียนพยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะมองนาง บิดาบุญธรรมตายในสนามรบ ช่างน่าสงสารไม่น้อย เขาเองพอจะรู้เรื่องราวเหล่านี้มาบ้าง ภรรยาและบุตรของเหล่าทหารที่ล้มตาย ล้วนได้รับความลำบากไม่น้อย
"เจ้ามีสิ่งของที่พอจะยืนยันและเป็นของที่สามารถตามหาบิดามารดาที่แท้จริงของเจ้าได้หรือไม่"
"เคยมีเจ้าค่ะ แต่ของสิ่งนั้นหายไประหว่างที่ข้าเดินทางมาที่นี่"
เจียงหว่านหนิงมีใบหน้าที่เศร้าสลดไม่น้อย ไป๋จื่อเซียนรู้สึกสงสารนาง จึงเอ่ยถามนางอีกครา
"เจ้ามีที่พักหรือไม่ แล้ววางแผนอย่างไรต่อไป?"
"ไม่มีเจ้าค่ะ เงินข้าก็ไม่เหลือแล้ว ญาติที่รู้จักก็หนีสงครามเช่นเดียวกัน ยามนี้ไม่ได้พบเจอกันอีกเลย เดิมทีคิดจะหางานทำไปก่อน เผื่อเก็บเงินไว้ตามหาบิดามารดา แต่ทว่ากลับเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน"
ไป๋ซู่ฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันมามองไป๋จื่อเซียนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย
"ท่านพี่ ไม่สู้รับนางไปทำงานที่จวนเราดีหรือไม่ ได้ยินว่าที่โรงครัวขาดคน นี่เจียงหว่านหนิง เจ้าทำอาหารเป็นหรือไม่?"
"เป็นสิ"
เจียงหว่านหนิงดีใจเป็นอย่างมาก นางนับว่าโชคดีที่ได้พบกับไป๋ซู่ฮวา หากที่จวนแม่ทัพรับนางเข้าทำงาน นางจะตั้งใจเป็นอย่างดี เก็บเงินเพื่อตามหาบิดามารดาต่อไป
ไป๋จื่อเซียนหันไปมองตำหนิไป๋ซู่ฮวาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"การจะรับคนเข้าจวนควรปรึกษาท่านแม่เสียก่อน เราจะรับคนเองไม่ได้ เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน แม่นาง เจ้าตามข้ากลับไปที่จวนก่อน หากท่านแม่ข้ารับเจ้าเข้าทำงาน ก็อยู่ที่จวนของข้าไปก่อน แต่หากท่านแม่ไม่รับ ข้าจะช่วยเจ้าหางานทำ"
"ขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ"
ไป๋ซู่ฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะหันไปเอ่ยกับไป๋จื่อเซียน
"พี่ใหญ่เชื่อข้าเถอะ ท่านแม่ต้องรับนางเข้าจวนเราแน่"
นางยักคิ้วให้ผู้เป็นพี่ชายคราหนึ่ง ไป๋จื่อเซียนถลึงตาใส่น้องสาวทันที เจียงหว่านหนิงมองสองพี่น้องที่ดูสนิทสนมกันดี นางก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
ไป๋จื่อเซียนให้เจียงหว่านหนิงและไป๋ซู่ฮวารออยู่ที่โรงน้ำชา ส่วนเขากลับไปที่จวนซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะให้เหรินห่าวนำรถม้าออกมารับแม่นางทั้งสอง ระหว่างทางไป๋ซู่ฮวาชวนนางพูดคุยตลอดทาง เจียงหว่านหนิงเองรู้สึกว่าคุณหนูน้อยนางนี้ช่างดูน่ารักและน่าคบหาเป็นอย่างมาก
ใช้เวลาเดินทางไม่นานรถม้าก็หยุดลง ไป๋ซู่ฮวาจับมือเจียงหวานหนิงให้เดินลงมาจากรถม้าด้วยกัน เจียงหว่านหนิงพบว่าไป๋จื่อเซียนรออยู่ที่หน้าประตูจวนแล้ว โชคดีที่เขาพบเหรินห่าวกำลังออกมาที่หน้าจวนพอดี เขาจึงสั่งให้เหรินห่าวนำรถม้าออกไปรับเจียงหว่านหนิงและไป๋ซู่ฮวา เหรินห่าวมีท่าทีกระอักกระอ่วนจนไป๋จื่อเซียนสังเกตเห็น แต่ยามนี้เขายังไม่มีเวลาซักถามสิ่งใด ไว้รอเข้าไปในจวนแล้วค่อยเรียกเหรินห่าวมาถามก็ยังไม่สาย
"รีบเข้าไปเถิด ท่านแม่ข้าอยู่ด้านใน"
"ท่านพี่เข้าไปบอกท่านแม่แล้วหรือ?"
ไป๋ซู่ฮวาเอ่ยถามผู้เป็นพี่ชาย ไป๋จื่อเซียนส่ายหน้าเล็กน้อย
"ยัง ข้ารอพวกเจ้าไว้เข้าไปพร้อมกัน ท่านแม่ไม่ใช่คนมากพิธีการ นางไม่ว่าสิ่งใดหรอก"
"อืม เจียงหว่านหนิงรีบเข้าไปกันเถิด"
เจียงหว่านหนิงพยักหน้า ก่อนจะเดินไปพร้อมกับไป๋จื่อเซียนและไป๋ซู่ฮวา นางมองดูภายในจวนแม่ทัพที่ดูร่มรื่นงดงามคราหนึ่ง ยามนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิดอกไม้กำลังผลิบาน ภายในจวนดูงดงามและน่าอยู่เป็นอย่างมาก ภายในจวนก็กว้างใหญ่สมกับเป็นจวนแม่ทัพจริงๆ
เมื่อเข้ามาถึงด้านใน เจียงหว่านหนิงก็ขมวดคิ้วมุ่น สายตาของนางจ้องมองไปยังผ้าสีขาวสีแดงและสีดำที่ประดับทั่วทั้งจวน อีกทั้งยังมีไต้ซือผู้หนึ่งกำลังบริกรรมคาถา และพ่นน้ำในปากใส่สาวใช้อย่างเพลิดเพลิน
เมื่อนางหันไปมองไป๋ซู่ฮวาก็พบว่ายามนี้ไป๋ซู่ฮวาก็ส่ายหน้าให้นางเป็นเชิงบอกว่าไม่ทราบเช่นกัน
นางเห็นไป๋จื่อเซียนขมวดคิ้วมุ่น แววตาของเขามีความเย็นชาและเหลืออดอยู่ในนั้น
เจียงหว่านหนิงจ้องมองไต้ซือผู้นั้นสลับกับผ้าสีดำแดงขาวที่ประดับรอบจวนก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ให้ตายเถิด นี่จวนแม่ทัพหรือสำนักร่างทรงปราบผีกันแน่!!