วิวาห์พาล่ม
วันต่อมา ฟงรุ่ยได้ร้องขอให้หลูฉู่หงนั้น พาเขาไปเดินเล่นชมหมู่ตึกต่างๆภายในตระกูลหลู หลูฉู่หงพอรู้ดังนั้นจึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง
"นี่ ท่านพ่อยืนยันวันเเต่งงานของเราในวันพรุ่งนี้เเล้วนะ" หลูฉู่หงกล่าวอย่างมีความสุข
"ข้ารู้สึกเหมือนข้ากำลังฝันไป" ฟงรุ่ยหัวเราะ
"ท่านโชคดีขนาดนี้ ท่านต้องดีต่อข้าให้มากๆนะ" หลูฉู่หงมองค้อน
{ถึงเจ้าจะสวยขนาดนี้ เเต่ เจ้าน่ะ ไม่ใช่สเปคของข้าหรอก......ข้าอีกละ ต้องเป็นฉันสิ} ฟงรุ่ยคิด
"ข้าจะดีต่อคุณหนูหลูให้มากๆเลยล่ะ.... เออนี่ ทางด้านนั้นเป็นอะไรเหรอ" ฟงรุ่ยรีบเข้าเรื่อง
"ทางด้านนั้นเป็นด้านคลังเก็บข้าไหมของตระกูลเรา จากทางนั้นเลี้ยวซ้ายจะเป็นลานทอไหมเเละลานเลี้ยงตัวไหม"
"เเล้วห้องของคุณหนูหลูล่ะอยู่ทางไหน"
"ที่เเท้ท่านก็ไม่ใช่คนดี" หลูฉู่หงหน้าเเดง
"เจ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร" ฟงรุ่ยกล่าวอย่างไม่เดือดไม่ร้อน
"ห้องของข้าเเละห้องของท่านพ่อท่านเเม่ข้าอยู่ใจกลางของหมู่ตึก ที่มีภูเขาจำลองเเละมีธารน้ำล้อมรอบ" หลูฉู่หงเชิดปาก
"เเล้วห้องของพวกลูกสมุน...เอ้ย..พวกบรรดาผู้คุ้มกันภัยของตระกูลเจ้าล่ะ"
"พวกนั้นจะพักกันอยู่บริเวณด้านหน้าของหมู่ตึก เพื่อเวลามีคนร้ายลอบโจมตี พวกเขาจะได้เตรียมพร้อมรับมือทัน"
"อย่างนี้นี่เอง เเล้วห้องทางด้านนั้นล่ะ" ฟงรุ่ยเดินพลางถามพลาง
"ห้องนั้นเป็นห้องเก็บพวกอาวุธ เผื่อยามจำเป็นต้องใช้"
"ที่เเท้ ตระกูลของคุณหนูก็ใหญ่ขนาดนี้" ฟงรุ่ยอ้าปากค้าง
หลูฉู่หงหัวเราะคิกคิก ก่อนที่นางจะรีบจูงมือฟงรุ่ยมาที่ห้องหับหลังหนึ่ง
"เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำอะไร" ฟงรุ่ยถามอย่างหวาดระเเวง
"เสียวหู่" หลูฉู่หงร้องเรียก จากนั้นก็หมีสุนัขตัวใหญ่ขนฟูสีดำตัวหนึ่งที่ดูท่าทางดุร้ายวิ่งออกมาหมายจะกระโจนเข้ากัดฟงรุ่ย
"เห้ย" ฟงรุ่ยร้องอย่างตกใจ
"หยุดนะ" หลูฉู่หงตวาด จนสุนัขที่ชื่อเสียวหู่ถึงกับหยุดลงอย่างว่าง่าย ก่อนที่มันจะเข้าไปเลียขาหลูฉู่หงอย่างออดอ้อน
"เสียวหู่ นี่คือคุณชายฟง ว่าที่สามีของข้า เจ้าต้องทำความคุ้นเคยกับเขา" หลูฉู่หงลูบหัวเสียวหู่ก่อนที่จะชี้มือไปที่ฟงรุ่ย
{คิดไม่ถึง ผู้หญิงที่ดูนุ่มนวลเรียบร้อย จะเลี้ยงหมาที่ดุร้ายน่ากลัวเบบนี้} ฟงรุ่ยเหลือบตามองดูหมาตัวนั้นอย่างหวาดระเเวง
เสียวหู่พอฟังดังนั้น คล้ายกับเข้าใจสิ่งที่นายหญิงของมันพูด มันรีบเดินเข้าไปหาฟงรุ่ยอย่างช้าๆ ก่อนที่มันจะใช้จมูกของมันสูดดมกลิ่นของฟงรุ่ยอย่างขมักเขม้น
{เเย่เเล้ว เจ้าหมานี่ ถ้ามันจำกลิ่นเราได้เเล้ว เวลาเราหนีจะต้องเหนื่อยเเน่นอน} ฟงรุ่ยสะอึก
"เสียวหู่ของข้าน่ารักไหม" หลูฉู่หงยิ้มอย่างอ่อนหวาน
"น่ารักสิ...น่ารักเหมือนเจ้าของเลยเเหละ" ฟงรุ่ยหัวเราะเเบบฝืนๆ
หลูฉู่หงถึงกับบิดตัวไปมาอย่างเอียงอาย ก่อนจะเดินนำฟงรุ่ยไปตรวจกิจการของตระกูลนางต่อ โดยมีเจ้าหมาเสียวหู่เดินตามติดไปด้วย
......
เสียงปิดประตูห้องหับดังขึ้น
ฟงรุ่ยกลับมายังที่พักของเขาเเล้ว หลังจากให้หลูฉู่หงพาเดินสำรวจอยู่ครึ่งวัน
ฟงรุ่ยรีบหยิบกระดาษเเละพู่กันออกมา เเละรีบวาดเเผนที่ภายในหมู่ตึกอย่างคร่าวๆ ก่อนที่เขาจะมั่นใจว่า มีทางน้อยสำหรับหมู่ตึกทางด้านหลัง ที่สามารถใช้หลบหนีได้
{ที่เหลือก็เเค่ รอตามเเผน} ฟงรุ่ยคิด
........
ในที่สุดวันวิวาห์ของคุณหนูเเห่งตระกูลหลูก็มาถึง
เสียงปะทัดดังขึ้นมาตั้งเเต่เช้า ท่ามกลางผู้คนเเห่งเมืองโยวโจวที่มาเเสดงความยินดีที่หมู่ตึกตระกูลหลูกันอย่างเนืองเเน่น
ตามตัวตึกตระกูลหลูต่างเเขวนไว้ด้วยผ้าเเพรสีเเดงมงคล เเละตัวอักษรมงคล ที่บ่งบอกถึงวันวิวาห์
หลูติ้งเเละภรรยาพากันยืนต้อนรับเเขกเหรื่อที่ทยอยมาอย่างไม่ขาดสายอยู่ที่ประตูหน้า
หลูฉู่หงเอง ก็กำลังให้สาวใช้ตกเเต่งเครื่องประดับบนศรีษะอย่างประณีต เวลานี้นางเองสวมใส่ชุดเจ้าสาวสีเเดงสด ดูไปเเล้วช่างมีความงดงามยิ่ง
ส่วนฟงรุ่ยเองที่ยังอยู่ในห้องพัก ก็สวมใส่ชุดเจ้าบ่าวสีเเดงเหมือนกัน เขามองดูกระจกทองเหลืองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
{ต้องล้อเล่นเเน่ๆ ที่ข้าจะมาได้เเต่งงานกับคนยุคถัง} คิ้วของฟงรุ่ยเริ่มเเฝงความกังวล
{ใกล้ถึงเวลาที่เราต้องเสี่ยงเเล้ว เพื่อสมบัติที่มีมูลค่ามหาศาล ฉันยอมเป็นคนเลว} ฟงรุ่ยกำหมัด
"มีใครอยู่ข้างนอกไหม ข้าหิวน้ำ น้ำชาหมดเเล้ว" ฟงรุ่ยตะโกนออกไป
จากนั้นมีคนรับใช้ผู้ชายคนหนึ่งค่อยๆเปิดประตูเข้ามาพร้อมยกถาดน้ำชามาให้ฟงรุ่ย
"คุณชายฟง นี่น้ำชาขอรับ" คนรับใช้กล่าว
"วางไว้ที่โต๊ะเลย" ฟงรุ่ยกล่าว
คนรับใช้ขานรับ ก่อนจะค่อยๆก้มตัววางถาดน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างว่าง่าย
จากนั้นบังเกิดเสียงดังตุบ จนคนรับใช้ฟุบหน้าสลบไปยังโต๊ะที่เบื้องหน้า
"ขอโทษด้วยนะ ข้าเองก็ไม่อยากทำเเบบนี้" ฟงรุ่ยถอนหายใจเบาๆ มือขวาของเขายังคงยกค้างไว้อยู่ในถ้ากำหมัด
ฟงรุ่ยรีบถอดชุดเจ้าบ่าวที่เขาสวมใส่ออกอยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะสัปเปลี่ยนชุดกับคนรับใช้ผู้นั้น
ฟงรุ่ย รีบลากร่างคนรับใช้คนนั้นไปนอนบนเตียง พร้อมกับนำผ้ามาปิดปาก เเละมัดมือมัดเท้าเขาไว้ จากนั้นค่อยนำผ้าห่มมาคลุมร่างของคนรับใช้ผู้นั้นไว้
ฟงรุ่ยพอเห็นดังนั้น ค่อยคว้าห่อสัมภาระ เเละรีบไปที่โต๊ะเครื่องเเป้ง คว้าผงเเป้งมาโรยตามตัวเพื่อป้องกันกลิ่นที่สุนัขของหลูฉู่หงอาจจะตามได้ เมื่อดูลาดเลายังเบื้องนอกเเล้ว ไม่เห็นผู้ใด ฟงรุ่ยจึงรีบวิ่งไปยังคลังอาวุธของตระกูลหลู โชคดีที่เขาสำรวจมาเเล้ว ว่าคลังอาวุธนี้ไม่ได้มีการลงกลอนในตอนกลางวันเเต่อย่างใด เขารีบเข้าไปเเละกวาดตามองดูบรรดาอาวุธชนิดต่างๆอย่างคร่าวๆ ที่มีอยู่ราวกับว่าสามารถจัดตั้งกองทัพขนาดย่อมได้เเห่งหนึ่ง
ฟงรุ่ยรีบหยิบกระบี่ธรรมดาพร้อมฝักกระบี่เล่มหนึ่งสะพายหลังไว้อย่างเร่งรีบ
{เผื่อฉุกเฉิน รู้งี้ข้าเชื่อฟานชิงหมิง พกกระบี่ติดตัวเเต่เเรกก็ดีอยู่หรอก} ฟงรุ่ยขมวดคิ้ว
เขาทำเวลาได้ดีมาก ใช้เวลาไม่นานฟงรุ่ยก็ได้ลักลอบไปทางหมู่ตึกตระกูลหลูทางด้านหลังเเล้ว
{ประตูเล็กอยู่ทางด้านนั้น} ฟงรุ่ยร่ำร้องในใจด้วยความยินดี เมื่อสายตาของเขาพบเห็นทางออกที่อยู่ทางด้านหลังสวนของตระกูลหลู
ฟงรุ่ยค่อยๆพยายามเดินไปอย่างรวดเร็วอย่างไร้เสียง
"โฮ่ง โฮ่ง" เสียงเห่าของสุนัขตัวหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลัง
{ชิบหายเเล้ว อย่าบอกนะว่า} ฟงรุ่ยค่อยๆเหลียวหน้าไปมองอย่างช้าๆ จนเขาต้องสะอึกราวกับว่าคาดคิดไว้
เป็นเสียวหู่ที่กำลังเดินตามเขามาอย่างเงียบเชียบ เเววตาของมันดูมุ่งร้ายหมายจะเอาเรื่อง
"เสียวหู่ ข้าเป็นเพื่อนของนายหญิงของเจ้าไง ฮ่าๆๆ ข้าเเค่จะออกไปข้างนอกเเปปเดียว เเล้วเดี๋ยวข้าก็กลับมาเเล้ว" ฟงรุ่ยถึงกับพยายามคุยกับหมา
เสียวหู่เห่าขึ้นเสียงดังเป็นจังหวะอีกหลายครา จนฟงรุ่ยเริ่มคิดว่าไม่ใช่เเล้ว นี่มันอาจจะเป็นสัญญาณอะไรซักอย่าง
"เสียวหู่ มีอะไรเหรอ" เสียงของหลูฉู่หงพลันดังใกล้เข้ามา
"เจ้าหมาบ้า เอาวะ มาเเข่งกันที่ฝีตีนเถอะ" ฟงรุ่ยด่าอย่างร้อนใจ ก่อนที่เขาจะหมุนตัวกลับสาวเท้าวิ่งไปยังประตูทางออก เสียวหู่เองเมื่อเห็นดังนั้นก็กวดไล่ฟงรุ่ยเข้ามาอย่างกระชั้นชิดเช่นกัน
หางตาของฟงรุ่ยพลันเหลือบเห็น ฝุ่นผงกองหนึ่งบริเวณทางเดินพื้นที่เบื้องหน้า เขาพลันเกร็งกำลังไว้ที่ข้อเท้าก่อนจะหมุนตัวตวัดเท้าเตะใส่ฝุ่นผงนั้นกลับหลัง เสียวหู่ที่ตามมาติดๆจึงถูกฝุ่นผงนั้นเข้าตาอย่างถนัดถนี่ จนมันต้องกระโดดลอยตัวกลับไปตั้งหลักใหม่
เเต่เเค่ช่วงเวลานั้นก็เพียงพอที่จะให้ฟงรุ่ยได้หนีออกจากหมู่ตึกตระกูลหลูเเล้ว