บทย่อ
ถูกอดีตนักเลงหัวไม้ส่งเถ้าแก่มาทาบทามสู่ขอ ความรู้สึกแรกคือช็อก! ความรู้สึกต่อมา...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ฉันไม่ตลกด้วยนะ ดิน...อิทธิ การที่จู่ๆ หนุ่มโสดที่ใช้ชีวิตโลดโผนอยู่ในต่างแดนนานเกือบสิบปี ต้องกลับมาดูแลหลานสาววัยสามขวบนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย ใครๆ ก็บอกว่าเขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่พอเห็นดวงตากลมที่ละม้ายพี่ชาย เขาก็ตัดใจจากแม่หนูไม่ได้ เอาวะ! มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องเดินต่อไป ถ้าคนเดียวไม่ไหว ก็...ดึงใครมาช่วยอีกแรงแล้วกัน ------------------------------------- แค่สัมผัสบางเบา เจนนิสา ก็ยิ้มออกมา...อิทธิ ไม่ได้นอนหลับ หญิงสาวนั่งลงเคียงข้างแล้วโน้มตัวไปเรียกเขาเบาๆ ‘พี่ดิน ทำไมนอนเร็วจัง เหนื่อยหรือ’ เสียงครางอือในลำคอหนา หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาต้องการสื่ออะไร จึงถามไปอีกรอบ ‘พี่ดินง่วงนอนหรือ แต่ตอนนี้เพิ่งทุ่มกว่าเองนะ แถมเมื่อคืนพี่ดินก็นอนหลับทั้งคืนแล้วด้วย’ เจ้าหล่อนถามเหมือนทวงสัญญา... คนตัวใหญ่ได้ยินชัดเจน หากเขาก็ยังนอนนิ่งอยู่เช่นเดิม พลันต้องสะดุ้งเมื่อเจ้าสาวคนสวยโถมเข้ามากอดเขาไว้ทั้งตัวแล้ว
บทนำ สายลมอิสระกลางพายุ
บ่ายวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ทั้งที่เมื่อช่วงสายยามเจนนิสาตื่นนอนขึ้นมาก็ยังมีสายลมเย็นพัดโบก หญิงสาวเบิกตาโตขณะฟังคำพูดของป้ารวีที่เรียกหล่อนให้มาหา โดยบอกว่ามีธุระจะคุยด้วย
“อะไรนะคะ! ป้าจะให้เจนรับหมั้นกับนายอิทธิพลหรือ”
เจนนิสาทวนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ส่วนป้ารวีก็กลับตอบไปอีกทางด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย...ไม่ตื่นตระหนกตามหล่อนไปด้วยสักนิด
“เขาชื่ออิทธิ”
“นั่นแหละค่ะ สมัยเรียนหนังสือนายคนนี้ชื่ออิทธิพล แล้วชอบทำตัวพาลเกเร ตอนหลังอากงอาม่าของเขาเลยจับเปลี่ยนชื่อเป็นอิทธิเพื่อเป็นการแก้เคล็ด อย่าคิดว่าเจนไม่รู้นะ ป้าใจร้ายมากเลยที่จะให้เจนรับหมั้นพวกนักเลงหัวไม้ ป้ารำคาญเจนแล้วใช่ไหม เลยหาเรื่องไล่ให้เจนไปไกลๆ ใช่สิ! เจนไม่ใช่หลานรักอย่างพี่หลิวนี่”
“มันใช่เสียที่ไหนกันล่ะยายเจน ทั้งเราทั้งพี่สาวก็เป็นหลานของป้าเหมือนกัน ป้าไม่ผลักไสไล่ส่งไปไหนไกลๆ หรอก แล้วพ่ออิทธิก็เป็นคนทำมาหากิน ป้าไม่เคยได้ยินว่าเขาไปตีรันฟังแทงกับใครสักที”
“โอ๊ย! เขารู้กันทั้งบาง มีแต่ป้าเท่านั้นแหละที่ไม่รู้”
เจนนิสายังรู้อีกว่าสมัยเรียนระดับมัธยมในโรงเรียนประจำจังหวัด นายอิทธิเคยชอบไลลาผู้เป็นพี่สาวของหล่อนด้วย
โชคดีที่ไลลาไม่เคยชายตามอง นายคนนั้นจึงได้แต่นั่งรถสองแถวแล้วเดินตามมาส่งห่างๆ เขามักหยุดอยู่ที่หน้าประตูรั้ว แล้วชะเง้อมองเข้ามาในบ้านอีกพักใหญ่ ก่อนจะถอยกลับไป
นายอิทธิทำอย่างนี้อยู่หลายวัน จนเจนนิสาคิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิตเสียด้วยซ้ำ จึงต้องเตือนให้พี่สาวระวังตัว
“เท่าที่ป้าเห็นตอนนี้เขาก็เอาการเอางานดี”
“ป้ารู้ได้ยังไง นายคนนั้นเพิ่งกลับมาอยู่บ้านไม่ใช่หรือ เขาหายไปเป็นพวกขุดทองอยู่ที่อเมริกาตั้งนาน ระหว่างนั้นไปก่ออาชญากรรมจนมีคดีติดตัวมาบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”
แค่คิดก็ขนหัวลุกไปหมดแล้ว เจนนิสาห่อไหล่อย่างเผลอตัว แล้วต้องสะดุ้งเมื่อป้ารวีฟาดฝ่ามือลงบนต้นขาเปลือยเปล่าที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้น
“เขาไปเรียนหนังสือจนได้ใบปริญญามาฝากอาม่า เราก็ชอบดูถูกเขาอยู่เรื่อยเชียว”
เจนนิสาได้แต่ทำหน้ายู่ ทั้งที่น้อยใจป้าเหลือเกิน วัยของหล่อนเพิ่งแค่นี้เอง หล่อนเพิ่งจบมหาวิทยาลัยมาได้ไม่กี่ปี เพื่อนร่วมรุ่นก็ยังไม่มีใครออกเหย้าออกเรือนเลยสักคน แล้วทำไมป้าถึงผลักไสไล่ส่งหล่อนจังเลย
“ถึงเขาจะขนปริญญามาสักสิบใบ เจนก็ไม่สนใจ เจนไม่เอาด้วยหรอก ป้าอย่ามาบังคับเจนเสียให้ยากเลย”
เจ้าของร่างเพรียวบางในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งที่มีความยาวคลุมถึงสะโพกกับกางเกงขาสั้นที่เห็นถึงโคนขาสะบัดหน้าพรืด ก่อนเจ้าตัวจะลุกจากตั่งไม้แล้วก้าวพรวดๆ ออกไปทางหน้าบ้าน จากนั้นจึงคว้าจักรยานคู่ใจปั่นไปทางประตูรั้ว โดยทิ้งให้หญิงวัยกลางคนมองตามพลางถอนหายใจอย่างหนักอก
อันที่จริงป้ารวีก็ไม่อยากบังคับหลานสาวด้วยเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ของผู้หญิงอย่างเช่นเรื่องคู่ครอง ที่ผ่านมานางปล่อยให้หลานสาวเลือกใช้ชีวิตด้วยตัวเอง โดยไม่เคยขีดเส้นให้เดินตาม แม้เจนนิสาจะรักอิสระ แถมยังชอบแหกกรอบให้ใจหายใจคว่ำอยู่บ้าง แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยทำตัวเสียหาย มิหนำซ้ำยังนำความภูมิใจมาให้นางทั้งเรื่องการเรียนและการทำงาน รางวัลจากผลงานการออกแบบที่หลานสาวนำติดไม้ติดมือมาเก็บไว้ที่บ้านนั้นก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
ถึงชีวิตนี้เจนนิสาจะไม่ได้ออกเหย้าออกเรือนตามที่เคยปวารณาตัวเองไว้ แต่ป้ารวีก็มั่นใจว่าหลานสาวดูแลตัวเองได้ อีกทั้งทรัพย์สมบัติของนางก็มีมากพอสมควร ซึ่งสุดท้ายก็ตั้งใจยกให้หลานสาวทั้งสองคนนี่แหละ
“ป้าก็ไม่รู้จะทำยังไงยายเจนเอ๊ย ไม่ใช่ว่าป้าจะไม่ปฏิเสธเขาให้เรา ป้าทำไปแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ผล ตอนแรกเขาขอให้แต่งงานด้วยซ้ำ แต่ป้าก็ไม่ยอม เขาเลยต่อรองให้รับหมั้นไว้ก่อน พอจบเรื่องกันแล้ว ทีนี้เราจะถอนหมั้นหรือไปต่อกับพ่ออิทธิ ป้าก็จะไม่ฝืนใจเราอีก” ป้ารวีรำพึง
วันนี้เจนนิสายังไม่เข้าใจถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องหมั้นเอาไว้ก่อน ป้ารวีเองก็ไม่คิดจะอธิบายให้ฟังด้วยตัวเอง หวังจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนต้นเรื่องจัดการต่อเองนั่นแหละ