บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

เมื่อถนนพอจะมีช่องว่าง แองจี้ก็รีบเดินข้ามไปยังรถที่จอดทิ้งไว้ เลื่อนตัวเข้าไปนั่งในที่นั่งคนขับปิดประตูทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นมองกระจกส่องหลังนั้น เธอได้พบกับภาพของสตรีผู้อยู่ในวัย 24 กำลังสาวสะพรั่ง เธอรู้จักความลับที่ซ่อนเร้นอยู่ในดวงตาสีฟ้าเข้มนั้นอย่างดี เป็นความลับที่ติดตามมาแต่อดีตจนตราบเท่าทุกวันนี้ การตัดสินใจเมื่อ 7 ปีก่อน คือประสบการณ์อันดียิ่งของชีวิต...มันเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผล มีสติเหมาะสมแก่สถานการณ์อย่างที่สุด ดังนั้น เธอจึงควรที่จะตัดสินใจเช่นเดียวกันนั้นอีกครั้ง ก็แล้ว...เพราะเหตุใดเธอจึงไม่ยอมรับอีกเล่า?

ด้วยความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นในอารมณ์ แองจี้สตาร์ทเครื่องยนต์ เลี้ยวรถกลับกลางถนนนั่นเองทิ้งย่านธุรกิจไว้เบื้องหลัง ย้อนกลับเข้าสู่เส้นทางหลวงอีกครั้ง จนเวลาผ่านเลยไปเป็นครู่ใหญ่ เธอจึงได้รู้ว่าตัวเองกำลังมุ่งหน้าไปไหน ซึ่งเมื่อมาถึงตอนนี้ เธอจึงได้รู้อีกว่าตัวเองเลี้ยวรถมาทางที่จะไปสู่ตำบลคีย์ และแล้วก็ยอมศิโรราบให้กับความรู้สึกภายในที่ใคร่จะได้เห็นบ้านหลังนั้นอีกสักครั้ง บ้านที่เธอเคยอยู่กับน้าในฤดูร้อนเมื่อ 7 ปีก่อน เมื่อมองลอดช่องออกไป เธอสามารถมองเห็นที่ดินซึ่งบัดนี้ได้รับการพัฒนาด้วยการปลูกสร้างทั้งทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียมขึ้น รวมทั้งบ้านที่อยู่อาศัยส่วนตัวอีกด้วย ในอ่าวที่จอดเรือเต็มไปด้วยเรือลำเล็กลำน้อยทั้งขนาดและรูปร่างต่าง ๆ กัน

ก่อนที่จะถึงสะพานซึ่งจะพาเธอข้ามไปสู่ตำบลคีย์นั้น แองจี้ขับรถผ่านป่าโอ๊ค สายลมอ่อนที่มีกำลังเหนือกว่าซึ่งพัดมาจากอ่าว เปลี่ยนแปลงรูปร่างของต้นไม้ให้บิดเบี้ยวไปหลายรูปแบบ, โน้มลำต้นของมันลงมา และสร้างกิ่งก้านสาขาขึ้นเหนือยอดที่โน้มต่ำ มันเป็นภาพที่ธรรมดาที่สุดและเกิดขึ้นทั่วไปในบริเวณชายฝั่งทะเลแห่งรัฐเท็กซัส และมากกว่ากลุ่มต้นปาล์มที่ใช้แต่งสนามในคีย์นัก

แม้จะเป็นเวลาถึง 7 ปีมาแล้วที่เธอเคยพำนักอยู่ในบ้านของน้าสาว และแม้จะมีบ้านใหม่ๆ ปลูกสร้างขึ้นรอบๆ บริเวณ แต่ก็ไม่เป็นการยากเลยสำหรับแองจี้ที่จะหาบ้านหลังนั้น มันถูกสร้างขึ้นอย่างแข็งแรงเพื่อป้องกันคลื่นที่เกิดจากพายุ บ้านหลังนั้นถูกฉาบไว้ด้วยสีฟ้าแทนสีเขียวน้ำทะเลอย่างที่น้าเคยเลือกไว้ รถจักรยาน 3 ล้อ และตุ๊กตาหล่อนเกลื่อนกลาดอยู่ตามทางรถวิ่งและสนามหญ้า แสดงให้เห็นว่าเจ้าของบ้านคนปัจจุบันมีลูกเล็กๆ แองจี้ชะลอรถลงตรงทางโค้ง และหยุดอยู่เช่นนั้น

แต่เพียงครู่เดียวสายตาของเธอก็เลื่อนขึ้นไปจับอยู่ที่บ้านทรงสเปนที่ตั้งอยู่ตรงมุมถนนฝั่งตรงข้าม มีลำคลองเล็กๆ ไหลผ่านทางด้านหลังของตัวบ้าน ซึ่งทำให้เจ้าของบ้านได้รับความสะดวกในการที่จะจอดเรือไว้ในคลองตรงที่ติดกับสนามหลัง บ้านหลังนั้นมองดูว่างเปล่า มิได้มีท่าทีว่าจะมีคนอยู่ซึ่งแองจี้ก็มิได้รู้สึกแปลกใจ เพราะรู้ว่ามันเป็นเพียงบ้านพักในฤดูร้อนของครอบครัวแบล็ควู๊ดเท่านั้น เป็นบ้านที่ปลูกอยู่ใกล้ชายทะเลเพื่อหลบความร้อนชั่วคราว และช่วงปีที่เหลือก็มิได้มีใครมาใช้บ้าน

เธอนั่งนิ่งอยู่เบื้องหลังพวงมาลัยจ้องมองดูภาพตรงหน้าอยู่เช่นนี้ ปล่อยให้เครื่องยนต์เดินไปเรื่อยๆ เพื่อนบ้านในแถบนั้นคนหนึ่งคงจะสังเกตเห็นรถคันแปลกตาที่จอดอยู่จึงเดินเข้ามามอง แองจี้ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จนเมื่อผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้และก้มลงมองเธออยู่ข้างกระจกด้านคนขับ

“คุณกำลังมองหาบ้านหลังไหนหรือครับ มิส?”

เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ก็ระแวงอยู่ในที

“อ๋อ...เปล่าหรอกค่ะ”

แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าท่าทีของเธออาจจะเป็นพิรุธให้ใครสงสัยได้ แองจี้รีบอธิบายต่อ

“น้าสาวของฉันนะคะ ลิลลี่ เบธ แฟรงคลิน เคยอยู่แถวนี้มาก่อนเมื่อหลายปีมาแล้ว ฉันบังเอิญผ่านมาทางนี้ก็เลยอดแวะมาดูไม่ได้อยากรู้ว่าเวลานี้บ้านมันถูกเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยสักแค่ไหน”

ด้วยคำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำ สำแดงความเคารพอยู่ในที กอร์ปกับบุคลิกลักษณะของแองจี้ทำให้ผู้ชายคนนั้นหมดความสงสัยในเหตุผลที่เธอมาจอดรถอยู่ตรงนั้น

“ผมคิดว่าคุณคงได้เห็นแล้วว่ามันเปลี่ยนไปมาก มีบ้านช่องปลูกกันเต็มพรืดไปหมดเหมือนดอกเห็ดอย่างนั้นแหละ”

“จริงด้วยสิคะ”

แองจี้ตอบ ปรายตาไปยังบ้านทรงสเปนหลังคาสีแดงหลังนั้นอีกครั้ง

“เวลานี้พวกแบล๊ควู๊ดยังอยู่ที่บ้านแบบฮาเซียนด้านั่นด้วยหรือคะ?”

“ยังอยู่”

ผู้ชายคนนั้นพยักหน้ารับ

“แต่จะมากันเฉพาะฤดูร้อนเท่านั้นละ นอกนั้นก็ปิดไว้ตลอด เขามีไร่ปศุสัตว์อยู่นอกเมืองนี้ก็เลยอยู่กันเสียที่นั่นเป็นส่วนใหญ่”

ผู้ชายคนนั้นมองเธออย่างพิจารณา

“เพื่อนคุณเป็นพวก แบล๊ควู๊ดอย่างนั้นหรือครับ?”

แองจี้ออกจะลังเลใจ คำตอบมากมายหลายอย่างติดอยู่ตรงปลายลิ้น แต่หลุดรอดออกมาได้เพียงประโยคที่ว่า

“มาริสสา แบล๊ควู๊ด กับฉันรุ่นราวคราวเดียวกันค่ะ ก็เคยสนิทชิดเชื้อกันอยู่ตอนที่ฉันมาเยี่ยมน้านะคะ”

“เป็นเด็กสาวที่น่ารักมากทีเดียว”

เขาผงกศีรษะรับอย่างเห็นด้วย หมวกกอล์ฟสีน้ำตาลทำให้แองจี้อดนึกถึงหงอนไก่ไม่ได้

“เป็นคนมีน้ำใจไมตรีที่สุด แวะไปเยี่ยมเขาที่บ้านไร่ก็ได้นี่ครับ”

ฝ่ามือที่วางอยู่บนพวงมาลัยกระชับขึ้นทันทีด้วยคำพูดประโยคนั้น

“เราไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีแล้วละค่ะ”

เธอเลี่ยงไปตอบในคำแนะนำของเขาเสียอีกแบบหนึ่ง และรู้สึกอ่อนเพลียในหัวใจขึ้นมาอย่างทันทีทันใด ส่งยิ้มให้ผู้ชายคนนั้น

“ฉันเห็นจะต้องไปก่อนนะคะ เห็นจะมัวอ้อยอิ่งอยู่ไม่ได้แล้ว ดีใจจังค่ะที่ได้คุยกับคุณ”

“ด้วยความยินดีครับ ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง”

ผู้ชายคนนั้นยึดตัวขึ้น และแองจี้ก็เข้าเกียร์พารถแล่นออกจากหัวโค้งนั้น หลังจากที่ข้ามสะพานไปแล้ว เธอก็แล่นรถผ่านทางแยกที่เข้าสู่บริเวณย่านการค้าของร๊อค พอร์ทไปซึ่งพอเลยมาอีกไม่กี่ช่วงตึก ก็สังเกตเห็นสถานีบริการซึ่งได้เปลี่ยนแปลงเป็นร้านอาหารเล็กๆ มีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะบาบีคิว และเคยเป็นร้านที่เธอชอบมานั่งอย่างที่สุดในฤดูร้อนปีนั้น แองจี้มองเห็นป้าย “เปิดบริการ” แขวนไว้ตรงกระจกโชว์ด้านหน้า

ขณะนั้นใกล้จะถึงเวลาเที่ยงแล้ว แองจี้จึงเปิดไฟเลี้ยวและพารถข้ามไปจอดตรงบริเวณใกล้เคียง หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้วเธอก็เดินเข้าไปในคาเฟ่แห่งนั้น แม้มันจะถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่บรรยากาศส่วนใหญ่ก็ยังเป็นสิ่งที่เธอเคยคุ้นอยู่ รวมทั้งพนักงานหน้าใหม่ที่ไม่รู้มาก่อนกำลังให้บริการอยู่หลังเคาน์เตอร์อีก 2 คน

มีลูกค้าที่เข้าไปในร้านก่อนหน้าเธอแล้ว 2 คน ซึ่งจากเสื้อผ้าก็รู้ว่าเป็นคนทำงาน ขณะที่รอคิวของตัวเองอยู่ แองจี้เหลี่ยวมองไปรอบๆ ห้องเล็กๆ โต๊ะกับเก้าอี้ชุด 4 ตัวที่ตั้งอยู่ข้างหน้าต่างนั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นที่นั่งของ “เธอและเขา” แองกับเดคเคยนั่งเคียงกันโดยหันหน้าเผชิญกับประตู และมาริสสากับแฟนของเธอ...เขาชื่ออะไรนะ?... คีล?...หรือคอบบ์?...แองจี้นึกไม่ออกจำได้แต่ว่าเป็นเด็กหนุ่มผมสีเข้มคนหนึ่งเท่านั้น

“จะรับประทานอะไรครับคุณ”

แองจี้เกือบจะสะดุ้ง หันขวับไปมองพนักงานบริการที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์คนนั้น เกือบจะหลุดปากออกไปแล้วว่า “เหมือนเดิม” ก่อนที่จะตอบว่า

“แซนด์วิชเนื้ออบกับโค้กค่ะ”

เธอจับตามองเขาฝานชิ้นเนื้ออบน้ำฉ่ำ ซึ่งเปลือกนอกกรอบเกรียมอุ้มน้ำหวานภายในไว้ราดด้วยน้ำซอสรสเผ็ดคลุกเคล้าเข้าด้วยกันจนเนื้อนุ่ม แองจี้ได้กลิ่นหอมหวนที่ลอยขึ้น เดคเคยบอกว่า เนื้อชนิดนี้จะอบด้วยไม้กลิ่นหอมชนิดหนึ่งที่ เรียกว่า เมสคีท ควันไฟจากไม้ชนิดนี้จะอวลอบจนเนื้อสุกหอม...ซึ่งเป็นกลิ่นที่เธอจำได้ติดใจ

หลังจากที่ชำระเงินค่าอาหารแล้ว แองจี้จึงเดินถือถาดแซนด์วิชกับเครื่องดื่มออกจากเคาน์เตอร์ยังไม่มีใครไปนั่งที่โต๊ะตัวนั้น แต่เธอกลับเดินเลยไปนั่งตรงโต๊ะเล็กอีกตัวหนึ่ง รสชาติของอาหารเอร็ดอร่อยอย่างที่เคยจำได้ แต่พอรับประทานอาหารได้ไม่กี่คำ ก็รู้สึกว่าตัวเองมิได้หิวอย่างที่ควรจะเป็น แองจี้ไม่แน่ใจว่าสาเหตุมันเนื่องมาจากโต๊ะตัวที่ตั้งอยู่ข้างหน้าต่างนั้น หรือจะเป็นเพราะความทรงจำที่เกิดขึ้น เธอฝืนใจรับประทานต่ออีก 2-3 คำ แล้วก็ต้องเลิก เกือบจะรีบออกจากร้านอาหารแห่งนั้นเสียด้วยซ้ำ

ทันทีที่เข้ามาอยู่ในรถ เธอก็ขับออกจากที่นั่นด้วยหัวใจที่มืดมน ฝ่ามือขึ้นไปด้วยเหงื่อ ท้องไส้ปั่นป่วนด้วยความตึงเครียดที่เกิดขึ้น แองจี้แทบจะมิได้สนใจเลยว่าตัวเองกำลังขับรถมุ่งหน้าไปไหน การกระทำของเธอเหมือนเป็นไปโดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องใช้อนุสติเป็นเครื่องนำ

มันเหมือนมีอะไรมาจับตัวเขย่าแรงๆ ตอนที่แองจี้พบว่ารถคันที่เธอขับได้จอดนิ่งอยู่กับที่เครื่องยนต์ถูกดับลง เธอเหลียวมองไปรอบ ๆ สูดลมหายใจลึกและกลั้นมันไว้ เมื่อมองเห็นตัวอาคารของโรงเรียนแห่งหนึ่งตั้งอยู่ตรงหน้า และเพิ่งตระหนักแน่แก่ใจว่าในทุกจุดที่หยุดแวะพักมานั้นก็เพื่อที่จะมาให้ถึงจุดนี้นั่นเอง เธอรวบรวมสติอารมณ์ทั้งหมดให้คงที่ เพียงเพื่อจะมาให้ถึงโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel