บทที่ 6 สวรรค์สร้างฤาสวรรค์แกล้ง 1.3
สองพี่น้องตกใจกับคำพูดของชายหนุ่มมาดเข้มคนนี้ยิ่งนัก หน้าตาและคำพูดของเขานั้นน่ากลัว บ่งบอกถึงความเอาจริงทำได้อย่างที่พูด
“พี่เปิ้ล พี่เปิ้ลช่วยผมด้วยนะ ผมไม่อยากตาย” ภมรกอดร่างของพี่สาวไว้แน่น ราวกับว่าญาดาคือที่พึ่งพิงสุดท้าย หญิงสาวเองทำอะไรไม่ถูก ใจเสียเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าภมรขโมยของรักของหวงของคาลิเอโป มิน่าล่ะเขาถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทำร้ายร่างกายน้องชายเธอมากขนาดนี้ แล้วจะทำอย่างไรดี หญิงสาวครุ่นคิด
“น้องชายของฉันผิดจริง แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาพิพากษาตั้งศาลเตี้ยแบบนี้ คุณเองก็ผิดที่ทำร้ายร่างกายน้องของฉัน ฉันสามารถเอาผิดคุณได้เหมือนกัน” ญาดาทำใจกล้าพูดออกไปอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ในใจหวาดกลัวราชสีห์อย่างเขายิ่งนัก คำพูดของญาดาทำให้ชายหนุ่มขี้โมโหเดือดจัด น้องชายตัวเองผิดแท้ๆ ไม่คิดจะสั่งสอนกลับมาต่อว่าเขาอีก งานนี้สองพี่น้องเจอดีแน่ รู้จักเขาน้อยไปแล้ว
“สเตฟี่ เอาไอ้หัวขโมยคนนี้ไปตัดมือมันทิ้งทั้งสองข้าง แล้วค่อยยิงที่กบาลมัน เอาให้ตายคาที่เลยนะจะได้ไม่เปลืองลูกกระสุนกู มันขโมยของที่มีค่ามากที่สุดของกูไป กูก็จะเอาชีวิตที่ไร้ค่าของมันเช่นกัน เอาตัวมันไปจัดการเดี๋ยวนี้”
คาลิเอโปสั่งงานลูกน้องเสียงดัง ดวงตาสวยหวานของญาดาขยายกว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าการขโมยของแค่นี้เขาจะพิพากษาภมรให้ถึงแก่ชีวิต ไม่ได้ เธอยอมไม่ได้ เขาจะมาใช้อำนาจที่มีเหนือกว่าเธอกับน้องแบบนี้ไม่ได้ บ้านเมืองมีกฎหมายไม่ใช่กฎหมู่อย่างที่เขาทำอยู่ในขณะนี้ ถึงแม้จะกลัวอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่ความรักน้องก็มีมากกว่า ทำให้เธอพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดออกไป
“คุณคาร์ล คุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ จริงอยู่น้องชายของฉันทำผิด แต่ความผิดของเขาไม่ถึงตายนะคะ กะอีกแค่แหวนของคนตายแค่วงเดียว คุณจะมาสั่งชี้เป็นชี้ตายแบบนี้ไม่ได้ คุณทำอย่างนี้ไม่ถูกนะคะ แหวนวงนั้นมีความสำคัญกับคุณมากข้อนั้นเปิ้ลรู้ ต้อมก็มีค่าสำหรับเปิ้ลเช่นกัน แต่คนเป็นมันมีค่ามากกว่าคนตายนะคะ และมีค่ามากกว่าแหวนวงนั้นด้วยซ้ำไป ถึงคุณฆ่าน้องชายฉัน แหวนวงนั้นคุณก็ต้องหาทางเอาคืนมาได้อยู่ดี แล้วน้องชายฉันล่ะ ฉันจะเอาชีวิตของเขาคืนจากใคร คุณเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างสิ คุณเปิ้ล ตายไปนานแล้วคุณสามารถร้องขอชีวิตคนที่คุณรักกลับคืนมาได้หรือเปล่า คำตอบก็คือไม่ได้ คุณมีอำนาจมากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่คุณทำไม่ได้คือการเรียกให้คนรักที่ตายจากไปฟื้นขึ้นมา เพราะคุณเปิ้ลตายแล้ว ตายไปจากคุณนานแล้ว”
ญาดาลุกขึ้นพูดตะโกนใส่หน้าของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่ดังไม่แพ้กัน สเตฟี่ที่กำลังเดินมาที่ร่างของภมรถึงกับชะงักค้างหลับตานิ่งเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังสะกิดแผลเป็นที่อยู่ในใจของเจ้านายหนุ่มให้พุพองขึ้นอีกครั้ง ไม่เพียงแต่แผลเป็นเท่านั้นที่มีเลือดไหลซึมออกมา แรงโทสะที่มี อยู่ทุกสารทิศหล่อหลอมไหลเข้าสู่ร่างกายของคาลิเอโป โดยเฉพาะหัวใจที่มีเปลวเพลิงแห่งความโกรธปะทุเดือดอยู่ เขาแสดงออกถึงความรู้สึกทั้งหลายทั้งปวงออกมาทางแววตาที่แสนกระด้าง มือหนาทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่น แน่นเสียจนเส้นเลือดนูนออกมาตามผิวเนื้อ ญาดาเห็นแล้วขนลุกซู่ไปทั้งตัว เสียวสันหลังวาบ เธอเพิ่งรู้ตัวว่าไม่น่าพูดประโยคนั้นออกไปเลย แต่คงช้าเกินไปเสียแล้ว
“ว้าย!! ไม่นะ...อย่า” เธอร้องอย่างตกใจในคราแรกที่ร่างของเธอถูกมือใหญ่ผลักอย่างแรง จนร่างงามลงไปนั่งกองที่พื้น เสียงร้องต่อมานั้นดังกว่า ครั้งแรก เมื่อเขาหยิบปืนที่อยู่ที่เอวออกมา ก่อนจะใส่ที่เก็บเสียงที่ปลายกระบอกปืน เล็งไปที่ศีรษะของภมรที่พยายามวิ่งหนี แต่ไม่ทันฝ่าเท้าของคาลิเอโปที่เหยียบอยู่ที่แผงอกของภมร ปิดกั้นอิสรภาพ ก่อนหยิบยื่นความตายให้
“อย่าค่ะ...อย่าทำน้องฉัน ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ”
ญาดาพนมมือก่อน จะกราบที่เท้าของชายหนุ่มเชื้อสายอิตาเลี่ยนเลือดร้อนที่มองมาที่ร่างของเธอราวกับเศษขยะไม่มีค่า ตวัดสายตามองไปที่ภมรที่พนมมืออยู่ที่อกร้องขอชีวิตเช่นเดียวกัน คำพูดของญาดายังคงวนเวียนในสมองของเขา
“เธอบอกว่าน้องชายของเธอมีค่าสำหรับเธอมาก มีค่ามากกว่าแหวน ของฉัน มีค่ามากกว่าชีวิตของแอปเปิล ฉันก็อยากจะรู้นักว่าผู้ชายคนนี้มีค่ามากสำหรับเธอแค่ไหน ตอบฉันมาหน่อยสิว่าไอ้หัวขโมยคนนี้มีค่าสำหรับเธอมากแค่ไหน”
เขาตะโกนถามญาดาเสียงดังราวกับฟ้าผ่า หญิงสาวที่ถูกถามสะดุ้ง สุดตัว น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม มองร่างของน้องชายที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของอีกฝ่ายกำลังร้องขอชีวิตและบอกให้เธอช่วยเหลือตลอดเวลา อีกทั้งปลายกระบอกปืนที่เล็งไปที่ศีรษะของภมรด้วยแล้ว ทำให้หญิงสาวตอบคำถามนั้นทันที
“ต้อมมีความสำคัญกับเปิ้ลมากที่สุด เพราะเขาคือน้องชายคนเดียวของเปิ้ลและเป็นญาติคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ในโลกใบนี้ ได้โปรดอย่าทำอะไรเขาเลยนะคะ ถ้าคำพูดของเปิ้ลเมื่อครู่ทำให้คุณโกรธ เปิ้ลกราบขอโทษค่ะ อย่าทำอะไรต้อมเลยนะคะ พรุ่งนี้เปิ้ลจะไปไถ่แหวนคืนมาให้เอง”
ญาดาก้มลงกราบคาลิเอโปอีกครั้ง น้อมรับความผิดจากคำพูดที่ไม่ได้คิดก่อนจะเอ่ยวาจาออกไป ญาดามั่นใจว่าภมรต้องเอาแหวนไปจำนำที่โรงรับจำนำที่ไหนสักแห่งแน่นอน เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้เธอจะหาเงินมาไถ่คืนให้ไม่ว่ามันจะมากมายขนาดไหนก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้คาลิเอโปจะไม่สนใจเรื่องแหวน เพราะถึงอย่างไรเขาต้องได้คืนแน่นอน ตอนนี้เขาสนใจที่จะเล่นเกมกับสองพี่น้องคู่นี้มากกว่า
“แต่สำหรับฉัน น้องของเธอไม่มีค่าอะไรเลย เหมือนเศษขยะที่ตกอยู่ตามพื้นถนนที่ไม่มีใครสนใจแม้แต่คนที่ทิ้งลงไป แหวนของฉันเสียอีกที่มีค่า เธอลองเอาแหวนเพชรของฉันวางคู่กับเศษขยะที่หาค่าไม่ได้อย่างไอ้หัวขโมยคนนี้ เธอคิดดูสิว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะสนใจอะไรมากกว่ากัน และจะหยิบอะไร ขึ้นมาถ้าไม่ใช่แหวนเพชร แค่นี้เธอคงจะรู้แล้วนะว่าแหวนเพชรกับขยะสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน”
“โอ๊ย” จบคำพูดของคาลิเอโป เสียงร้องของภมรดังลั่นห้องพักส่วนตัวสุดหรูทันที สาเหตุนั้นไม่ใช่อื่นใด ลูกกระสุนที่วิ่งออกมาจากปลายกระบอกปืนแบบเก็บเสียงของคาลิเอโปนั้นวิ่งเข้าไปฝังตัวอยู่บริเวณหน้าขา อีกเพียงสามสี่ เซนติเมตรเท่านั้นก็จะถึงอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้ชาย ญาดารีบถลาเข้ามาหาร่างของภมรที่ร้องโอดครวญแทบขาดใจทันที
“พี่เปิ้ล พี่...พี่เปิ้ลช่วยผมด้วย ผมไม่อยากตาย”
ภมรรีบพูดออกมาทันที เขาคิดผิดจริงๆ ที่ขโมยของชายเลือดเย็นคนนี้ หากเขารู้ล่วงหน้าเกี่ยวกับอุปนิสัยส่วนตัวของคาลิเอโปมาก่อน เขาจะไม่มีวันทำอย่างนี้เด็ดขาด หลอกพี่สาวไปให้เสี่ยเหลิมยังจะดีเสียกว่า
“ไม่ต้องกลัว พี่จะช่วยต้อมเองนะ ไม่ต้องกลัว” หญิงสาวถอดเสื้อของน้องชายออก ก่อนจะนำมากดที่บาดแผลที่ถูกยิงโดยวางมือของน้องชายกดทับ ที่เสื้อไว้เพื่อไม่ให้เลือดไหลออกจากร่างกายมากกว่านี้
“เปิ้ลขอร้องนะคะ อย่าทำอะไรต้อมเลย เปิ้ลกับน้องชายไม่มีทางสู้คุณได้อยู่แล้ว เปิ้ลขอนะคะ ขอชีวิตของต้อมนะคะ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกันนะคะ” คาลิเอโปทำสีหน้าฉงนกับคำพูดของญาดา แลกเปลี่ยนกัน แลกเปลี่ยนด้วยอะไรเขาไม่เข้าใจ
“แลกเปลี่ยนอะไรมิทราบ” ญาดาข่มความเสียใจที่ฝังแน่นในจิตใจเอาไว้จนสุดกำลัง ก่อนเจรจาขอแลกเปลี่ยนที่เขาสงสัยว่าคือสิ่งใด
“แลกกับความสาวของเปิ้ลที่ถูกคุณย่ำยีไงคะ ตอนนั้นคุณคาร์ลให้เงินเปิ้ลแต่เปิ้ลไม่รับ ถือว่าความสาวของเปิ้ลในครั้งนั้นแลกกับชีวิตของต้อมนะคะ”
สเตฟี่งงเป็นไก่ตาแตก ไม่เข้าใจว่าทั้งสองไปมีความสัมพันธ์กันตอนไหน ทำไมเขาเป็นคนสนิทที่ไปไหนมาไหนกับคาลิเอโปจึงไม่รู้เรื่อง ภมรเองก็ตะลึงงันกับคำพูดของพี่สาวเช่นกัน ถ้ารู้มาก่อนว่าพี่สาวของเขาไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ละก็ เขาหลอกให้ไปเป็นอีหนูของเสี่ยเหลิมตั้งนานแล้ว จะได้ไม่ต้องมาเจ็บตัวอย่างนี้ ภมรช่างมีความคิดที่ร้ายกาจไม่สมกับที่ญาดาปกป้องเขาอยู่ขณะนี้เลย เลวในสันดานจริงๆ
คาลิเอโปอึ้งไปนาทีแรกก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ผู้หญิงคนนี้ช่างกล้าพูดประโยคนี้
ออกมา ‘ความสาวในครั้งนั้นแลกกับชีวิตของน้องชาย’ ความสาวของเธอคนนี้กับชีวิตของภมรต่างไม่มีค่าในสายตา ในความรู้สึกของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ในเมื่อเธอกล้าพูดร้องขอเขาก็กล้าให้ แต่มีข้อแม้อยู่ว่า...
“ได้ จะเอาอย่างที่เธอพูดก็ได้ไม่มีปัญหา” ญาดาถึงกับยิ้มออกเมื่อเขาพูดจบประโยค เช่นเดียวกับภมรที่ดีใจไม่ต่างกันเมื่อรู้ว่าตัวเองจะรอดจากความตาย คาลิเอโปกระตุกยิ้มอย่างผู้มีชัยก่อนจะพูดอีกประโยคหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าของสองพี่น้องตรงกันข้ามกับเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง
“แต่ว่า จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะเดินออกไปจากห้องนี้ ความสาวของเธอมีค่าแค่หนึ่งชีวิต เลือกเอาเองก็แล้วกันว่าจะให้ใครเดินออกไปจากประตูห้องพักของฉันและใครจะตายอยู่ในห้องนี้”
เขาช่างร้ายและโหดเหี้ยมเหลือเกิน คำพูดของเขานั้นเหมือนกับยื่นดาบมาให้เธอกับภมรห้ำหั่นกันเอง ใครเป็นผู้ชนะจะได้รับอิสระเดินออกไปจากห้องนี้ได้อย่างปลอดภัย ส่วนอีกคนหนึ่งที่เหลือสุดแต่เวรแต่กรรมโดยมีคาลิเอโปเป็นผู้กำหนด
“พี่เปิ้ล ผมไม่อยากตาย ผมไม่อยากตาย ให้ผมออกไปจากที่นี่นะ”
ภมรร้องขอพี่สาวให้เขาเป็นฝ่ายได้เดินออกไปจากที่นี่ ญาดาย้อนนึกถึงคำพูดของมารดาที่พูดกับเธอไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต นางฝากฝังภมรให้เธอดูแลให้ดีที่สุด ในฐานะพี่สาวและผู้ปกครองเพียงคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ ซึ่งญาดาปฏิบัติ ตามคำสั่งของมารดามาตลอด ไม่ว่าภมรจะก่อเรื่องมากน้อยแค่ไหน หญิงสาวพร้อมที่จะช่วยเหลือน้องชายเสมอ เหตุการณ์ครั้งนี้ก็เช่นกัน ญาดาจะปกป้องน้องชายที่ไม่เคยสำนึกผิดจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต
“ปล่อยน้องชายของเปิ้ลไป แล้วเปิ้ลจะตายแทนต้อมอยู่ที่นี่เองค่ะ”
ญาดาพูดทั้งน้ำตา ภมรยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อรู้ว่าตนเองจะปลอดภัยและเดินออกไปจากห้องนี้ คาลิเอโปอดทึ่งกับการตัดสินใจของหญิงสาวคนนี้ไม่ได้ ใจเด็ดเหลือเกินที่ยอมตายแทนน้องชายสุดเลวคนนี้ได้อย่างไม่ลังเล ในเมื่อเธอเลือก ที่จะตาย เขาก็ยินดีที่จะหยิบยื่นความตายนั้นให้ ทว่าเป็นความตายในแบบฉบับของเขาต่างหาก ตายทั้งเป็น...
“สเตฟี่เอาไอ้หัวขโมยคนนี้ไปให้พ้นหน้าฉัน ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ อ้อ...ถ้ามึงไปแจ้งตำรวจว่ากูทำร้ายร่างกายมึง มึงคงรู้นะว่ามึงจะต้องเจอกับอะไร บ้าง” คาลิเอโปไม่วายที่จะพูดทิ้งท้ายข่มขู่ภมรที่บัดนี้กลัวหัวหด ไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับใครอยู่แล้ว สเตฟี่รีบทำตามแต่โดยดี ลากร่างของภมรที่แทบจะลุกยืนไม่ได้ออกไปจากห้อง
“คุณคาร์ลคะ เปิ้ลขอร้องให้คนของคุณพาต้อมไปโรงพยาบาลได้หรือเปล่าคะ เขาถูกยิงเสียเลือดมากด้วย นะคะเปิ้ลขอร้อง หรือไม่ก็ให้เปิ้ลพาต้อมไปหาหมอก่อน หลังจากนั้นเปิ้ลจะมารับโทษจากคุณ” ญาดาขอร้องเขาด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ อีกฝ่ายยังคงนิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด
“ฉันบอกแล้วไงว่าระหว่างเธอกับน้องจะมีคนก้าวออกไปจากห้องนี้เพียงคนเดียว และฉันก็ไม่ใช่คนใจดีถึงขนาดที่ว่าจะพาคนที่ขโมยของรัก ของหวงฉันไปหาหมอหรอกนะ ไม่ยิงมันทิ้งให้ตายอยู่ในห้องนี้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว อย่าเรื่องมาก เพราะถ้าเรื่องมาก จะไม่มีใครได้ออกไปจากห้องนี้เลย”
คำพูดของเขานั้นเหมือนกับประกาศิตไม่ให้เธอโต้แย้งหรืออ้อนวอนขออะไรได้เลย นอกจากจำยอมเพียงอย่างเดียว
“พี่เปิ้ลไม่ต้องเป็นห่วงผม ผมไปหาหมอเองได้ครับ ผมไปก่อนนะพี่เปิ้ล”
ด้วยความกลัวว่าจะไม่ได้ออกไปจากห้องนี้ ภมรจึงกลั้นใจพยุงตัวลุกขึ้นยืนเดินกะเผลกไปที่ประตู อดทนข่มความเจ็บปวดสุดฤทธิ์ เพื่อที่จะนำพาร่างของตัวเองให้ได้รับอิสระจากชายเลือดเย็นคนนี้เร็วๆ โดยมีสายตาของญาดามองตามไปอย่างเป็นห่วง ภาวนาให้เพื่อนร่วมงานของภมรพาร่างอันบอบช้ำของน้องชายไปส่งโรงพยาบาลด้วยเถิด
“สเตฟี่ไปสั่งเหล้ามาหน่อยสิ เอามาหลายๆ ขวด ฉันอยากได้เหล้านะไม่ใช่เบียร์”
เสียงของคาลิเอโปดังขึ้นหลังจากร่างของภมรเดินลับสายตาของเขาไป สเตฟี่รับคำสั่งโทรศัพท์ไปที่แผนกรูมเซอร์วิส สั่งเครื่องดื่มตามที่เจ้านายต้องการ
“เรียบร้อยครับเจ้านาย”
“นายกับคนอื่นๆ ไปพักผ่อนได้แล้ว”
“ครับเจ้านาย”
สเตฟี่เดินออกไปจากห้องพร้อมกับคารอสที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู ก่อนที่เขาจะก้าวเดินออกไปยังหันมามองร่างของญาดาที่นั่งอยู่ที่พื้นด้วยความสงสาร เขาเดาความคิดของคาลิเอโปไม่ออกจริงๆ ว่ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ สายตาที่มองมายังเชลยสาวคือแรงโทสะ แต่บางครั้งมันคือความ ว่างเปล่า อีกทั้งความสัมพันธ์ของทั้งสองที่ยังคาใจเขาก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เขาสงสัย คาลิเอโปไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงคนไหนเลยตั้งแต่วรัญชิญาจากโลกนี้ แล้วทำไมถึงได้มีความสัมพันธ์กับญาดาได้
คาลิเอโปเดินมาทรุดกายลงนั่งที่โซฟา ปรายตามองร่างของญาดาที่นั่ง พับเพียบอยู่ที่พื้น เขาคิดอยู่ว่ากำลังจะทำอย่างไรกับผู้หญิงปากกล้าใจเด็ดคนนี้ดี จะทรมานอย่างไรให้สาสมกับคำพูดและทางเลือกที่หญิงสาวเลือกไว้ ความตายอย่างนั้นหรือ หากตายโดยไม่มีลมหายใจมันดูจะง่ายเกินไป หากแต่ตายทั้งๆ ที่มีลมหายใจยังน่าสนุกกว่าและสะใจกว่าด้วย
“ขึ้นมานั่งบนนี้ซิ” ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือตบไปบนเบาะ ญาดาไม่ได้ทำตามคำสั่งในตอนแรกเพราะความกลัว ถึงแม้ว่าเธอพร้อมที่จะตายแทนน้องชาย แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ ความรู้สึกหวาดกลัวก็จู่โจมเข้ามาในหัวใจของหญิงสาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ฉันบอกให้ขึ้นมานั่งตรงนี้ไง หูเธอแตกหรือว่าหูหนวกถึงไม่ได้ยินคำสั่ง ของฉัน หรือว่าจะลองดี งั้นได้เลยเดี๋ยวฉันจัดชุดใหญ่ให้ไอ้น้องชายขี้ขโมยของเธอเอง”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยคดี ร่างของญาดารีบลุกขึ้นและเดินมานั่งข้างกายเขาทันที โดยไม่ต้องให้เขาสั่งเป็นหนที่สาม
“ไปนั่งริมโน้นเลยไป ไม่ต้องมานั่งใกล้ฉันขนาดนี้ก็ได้ ผู้หญิงที่จะนั่งข้างกายฉันมีแต่แอปเปิลเท่านั้น ไปนั่งโน่น”
ญาดาทำตามคำสั่งของเขาอีกครั้ง นึกเคืองชายหนุ่มรูปงามแต่ทว่าใจร้ายคนนี้ไม่ได้ ก็เขาเป็นคนเรียกให้เธอมานั่งตรงนี้เอง พอมานั่งก็ไล่ให้ไปนั่งริมสุดของโซฟา แถมท้ายด้วยวาจาที่ญาดาเองไม่คิดว่าจะมาแทนที่ใคร
สิบนาทีต่อมา แอลกอฮอล์สามขวดถูกพนักงานของแผนก รูมเซอร์วิสนำมาวางตรงโต๊ะกระจกตัวเตี้ย หลังจากร่างของพนักงานหายออกไปจากห้อง คาลิเอโปเริ่มดื่มสุราอย่างไม่กลัวกระเพาะอาหารจะพัง แต่วิธีการดื่มของเขานั้นทำให้ญาดาอดเป็นห่วงไม่ได้ คาลิเอโปไม่ได้รินสุราใส่แก้ว แต่ใช้วิธีกระดกดื่มทั้งขวดแทน เวลาผ่านไปร่วมหนึ่งชั่วโมงเขาหาได้หยุดดื่มไม่ หมดขวดแรกก็เริ่มดื่มขวดที่สอง เธอนั่งมองเขาเป็นระยะๆ ใจหนึ่งแช่งชักหักกระดูกให้เขาเป็นพิษสุราเรื้อรังตาย อีกใจกลับเป็นห่วง
ญาดานั่งพินิจใบหน้าคมเข้มที่ไม่ต่างกับครั้งแรกที่เธอเห็น จะมีแตกต่าง กันตรงที่ว่าตอนนั้นเขาไม่มีสติมองเห็นเธอเป็นคนรักเก่า ตอนนี้เขามีสติหากแต่สายตาของเขานั้นมองมาที่เธออย่างวัตถุที่ไร้ค่า จนคนถูกมองรู้สึกเสียใจสะท้อนไหวในอกเงียบๆ ดวงตาหวานปนเศร้ามองรูปหน้าของคาลิเอโปที่ยังคงความหล่อบาดใจเหมือนเดิม คมเข้มสมกับเป็นหนุ่มเชื้อสายอิตาเลี่ยนอย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่งหญิงสาวเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว