บทที่ 4 สวมหมวกเขียว
เมื่อพูดคุยตกลงกับน้องชายเสร็จมู่เจียวจ้านก็กลับมาหาฮองเฮารักที่ตำหนักเติ้งอัน ในตำหนักเงียบเชียบไร้เงาคน เขาจึงออกไปถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าตำหนัก "ฮองเฮาไปไหน"
"กราบทูลฝ่าบาท ฮองเฮาเสด็จออกไปพร้อมคุณหนูไป๋ไม่ได้สั่งไว้ว่าจะไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ"
มู่เจียวจ้านยิ้มเล็กน้อย นางคงไปทำเรื่องซุกซนอีกแล้วเป็นแน่ ถึงได้ทำเป็นหลบซ่อนไม่บอกเขา "เกากงกงเจ้าไปสืบมา"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" หายไปไม่นานเกากงกงก็กลับมารายงานพร้อมรอยยิ้ม "ฮองเฮาทรงเสด็จไปห้องข้างโถงจัดเลี้ยง เห็นว่าคุณหนูจี้ป่วยจึงพาหมอหลวงไปตรวจ ยามนี้พูดคุยกันอยู่พ่ะย่ะค่ะ"
"อืม เช่นนั้นก็ปล่อยนาง" งานราชกิจของเขายังสะสางไม่เสร็จจึงกลับไปที่ห้องอักษรและเริ่มจัดการฎีกาที่วางพะเนินกันอยู่บนโต๊ะ จวบจนเวลาผ่านไปหลายชั่วยามเขาก็ออกจากห้องอักษรไปหาอู่เข่อซิงอีกครั้ง ทว่าในตำหนักยังคงเงียบเชียบเช่นเดิม นางยังไม่กลับมา
งานเลี้ยงดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายผู้คนกำลังพากันกลับจวน ทว่าเกิดเหตุผนังห้องพังเสียงดังอึกทึกเสียก่อน ผู้คนที่เตรียมตัวกลับพากันมุ่งหน้าไปทางเสียงนั้น
"เกิดอะไรขึ้นเหตุใดถึงพังลงมาได้"
"นั่นนะสิเป็นไปได้หรือที่อยู่ดี ๆ ก็พังลงมาเช่นนี้"
รองเจ้ากรมโยธาเซี่ยออกมาไขข้อข้องใจให้ทุกคน "ตำหนักนี้ทรุดโทรมมานานแล้วทางกรมโยธาได้ทำแผนการบูรณะไปแล้ว ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้นมาก่อน"
นั่นเท่ากับว่าสถานที่แห่งนี้รอวันซ่อมแซมอยู่ ผนังห้องพังมาทั้งแถบการบูรณะล่าช้าจนทำให้เกิดเรื่อง กรมโยธาไม่อาจหนีความผิดพ้นได้
"ว้าย!! เจ้าดูนั่นบุตรสาวบ้านใดกันทำเรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้"
"ช่างหน้าไม่อายนัก หากผนังห้องไม่พังก็คงปกปิดความต่ำช้าของพวกเขาไว้ได้ สวรรค์คงทนไม่ไหวจึงได้เปิดโปงพวกเขาสาแก่ใจนัก"
"ทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ในเขตพระราชวังใจกล้าจริง อยากเห็นเหลือเกินว่าคนบนตั่งเป็นบุตรสาวบุตรชายตระกูลใด"
ผู้คนมากมายต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เมื่อเห็นสองร่างบนตั่งเปลือยเปล่า
ทั้งสองบนตั่งยังคงหลับสนิทไม่รู้สึกตัว โต๊ะกลางห้องมีสตรีอีกสองคนฟุบหน้าบนโต๊ะไม่ได้สติเช่นกัน กาสุรามากมายกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ห้องทั้งห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสุรา
"สองคนนั้นไม่ใช่คุณหนูไป๋กับคุณหนูจี้หรอกหรือ"
"จริงด้วยดูเอาเถิด เมาจนหมดสภาพเลย"
รั่วหรูวิ่งตามเสียงที่ดังสนั่นมา นางเฝ้าประตูอยู่ตลอดไม่มีใครเข้าออกได้แม้แต่คนเดียว ทว่าสิ่งที่นางเห็นในตอนนี้ช่างทำให้คนตกใจยิ่ง ฮองเฮาของนางนอนอยู่กับบุรุษแปลกหน้าบนตั่ง ยังดีที่ทั้งสองบนตั่งนอนตะแคงหันหลังอยู่ แต่มีหรือนางจะจำผู้เป็นนายไม่ได้
คุณหนูไป๋คุณหนูจี้ฟุบหลับอยู่บนโต๊ะทุกคนต่างไร้สติ นางอยากพาผู้เป็นนายหลบออกไปจากสถานการณ์นี้ เพียงแต่ไม่ง่ายเลยเพราะหลายตระกูลยังยืนวิจารณ์ไม่ไปไหน
"ฮ่องเต้เสด็จ" เมื่อได้รับรายงานมู่เจียวจ้านก็เร่งรุดมาอย่างร้อนใจ กลัวว่าฮองเฮารักจะได้รับอันตราย
"แย่แล้ว" เหงื่อเย็นผุดเต็มแผ่นหลังของรั่วหรู นางคิดหาวิธีพาฮองเฮาออกไปไม่ได้ หากฝ่าบาททรงเห็นคงไม่เป็นผลดีกับฮองเฮาควรทำเช่นไรดี รั่วหรูวิ่งเข้าไปในห้องนั้น แม้เศษซากหินจากผนังที่พังลงมาจะตำฝ่าเท้ามากมายเพียงใดนางก็หาได้สนใจ
วิ่งไปถึงตั่งก็ดึงผ้าห่มคลุมสองร่างบนตั่งไว้อย่างมิดชิด
"เกิดอะไรขึ้นรึ" มู่เจียวจ้านเอ่ยถาม
ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างคุกเข่าลงรั่วหรูเองก็เช่นกัน นางไม่รู้ควรตอบเช่นไรจึงได้แต่กัดริมฝีปากก้มหน้า
"ทูลฝ่าบาทผนังห้องพังลงมาพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งยังมีคนทำเรื่องบัดสีในเขตพระราชวังอีกด้วย ฝ่าบาทโปรดพิจารณาบทลงโทษพวกเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ" รองเจ้ากรมโยธาเอ่ยขึ้น
"รั่วหรูเปิดผ้าห่มออก" สุรเสียงเข้มเอ่ยขึ้นพลางย่นคิ้ว เขาเองก็อยากรู้ว่าผู้ใดที่ใจกล้าได้เพียงนั้น
รั่วหรูตัวสั่นหากนางไม่ยอมเปิดผ้าห่มออกจะส่อพิรุธมากมายให้ทุกคนคิดไปในทางไม่ดี อาจแย่ถึงขั้นคิดว่าคนบนตั่งคือฮองเฮา ไม่ได้เด็ดขาด! นางไม่ยอมให้ชื่อเสียงของฮองเฮาป่นปี้กับเรื่องฉาวโฉ่เช่นนี้แน่ ดังนั้นรั่วหรูจึงทำตามคำสั่ง "หม่อมฉันเห็นว่าไม่ควรมองจึงใช้ผ้าห่มคลุมพวกเขาไว้เพคะ" นางเปิดผ้าห่มพลางเอ่ยกราบทูลไปด้วย รั่วหรูบังบริเวณศีรษะคนบนตั่งไว้ ให้ฝ่าบาทได้เห็นรอยสักพระจันทร์ครึ่งซีกที่อยู่บริเวณไหล่ขวา
"คลุมไว้เช่นเดิม" สุรเสียงไม่ปิดบังความขุ่นเคือง จนผู้คนบริเวณนั้นไม่กล้าเงยหน้ามอง "ขุนนางทั้งหลายฟังคำสั่งห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปหากเรารู้ว่าผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้เราจะสั่งประหารสามชั่วโคตร" มู่เจียวจ้านกำมือแน่นโทสะของเขาพุ่งทะยานแทบทนไม่ไหว อยากกระชากนางขึ้นมาถามว่าเหตุใดทำกับเขาแบบนี้ แต่ก็ยังคงท่าทีนิ่งเฉยแล้วสั่งการขุนนางโดยรอบให้ถอยออกไปให้หมด
รั่วหรูเดิมพันชนะพอฝ่าบาทเห็นว่าเป็นฮองเฮาย่อมต้องปกป้อง รอยสักนี้ฝ่าบาทและฮองเฮามีเหมือนกัน เพราะทั้งสองได้ให้ช่างสักลงเข็มให้หลังแต่งงาน ของฝ่าบาทอยู่ไหล่ซ้ายของฮองเฮาอยู่ไหล่ขวา เป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีกอย่างละฝั่ง ฮองเฮาเคยบอกว่ารอยสักนี้มีความหมายว่า หนึ่งเดียว คือพระจันทร์ดวงเดียวกัน
หลังจากขุนนางออกไปหมดแล้วเหลือเพียงเจ้ากรมอาญาตระกูลไป๋และจี้กั๋วกงที่ยังคุกเข่ารอรับบุตรสาวกลับจวน
ทั้งสองคนพอจะเดาได้แล้วว่าคนบนตั่งเป็นผู้ใด เพราะบุตรสาวของพวกเขาเป็นสหายกับคนบนตั่ง
"ฝ่าบาทกระหม่อมขอนำตัวบุตรสาวกลับจวนไปลงโทษพ่ะย่ะค่ะ" เจ้ากรมอาญาเอ่ยขึ้น
"ใครหน้าไหนก็ไม่อาจออกไปได้รอเราสอบสวนก่อนแล้วเราจะส่งกลับเอง พวกเจ้ากลับไปก่อนปิดปากให้มิดชิดฮองเฮาป่วยเราจึงอนุญาตให้สหายทั้งสองของนางรั้งอยู่ในวัง"
จี้ต้าหมิงผสานสองมือคำนับฮ่องเต้หนึ่งครั้งแล้วถอยออกไป ครั้งนี้บุตรสาวนำหายนะมาให้ตระกูลจี้แล้ว ผู้ที่อยู่บนตั่งเป็นคนอื่นก็แล้วไปแต่นี่กลับเป็นฮองเฮา ฝ่าบาทคงไม่ปล่อยให้ฮองเฮาเสียชื่อเสียงอยู่แล้ว ดังนั้นเขาต้องหาแพะรับบาปขึ้นมาแทนแน่
ผู้คนที่มุงดูไม่เห็นใบหน้าคนบนเตียงแต่เห็นบุตรสาวกั๋วกงกับบุตรสาวเจ้ากรมอาญาชัดเจน เรื่องนี้ต้องหารือกับเจ้ากรมอาญาไป๋หาทางออกให้บุตรของพวกเขาเสียแล้ว
จี้ผู่เยว่เกิดเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นเช่นนี้ ชาตินี้ทั้งชาติคงออกเรือนไม่ได้ จี้ต้าหมิงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับตระกูล
เจ้ากรมอาญาไป๋ก็กลับจวนด้วยอาการเหนื่อยล้าอ่อนแรงบุตรสาวทำเรื่องงามหน้าใหญ่หลวง แม้ไม่ได้เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเหมือนสตรีบนตั่ง แต่ก็เมามายไร้สติจะมีตระกูลใดกล้ารับไปเป็นสะใภ้อีก งามหน้านักได้แต่สบถด่าในใจ
มู่เจียวจ้านนั่งนิ่งปานรูปปั้นหยกสลักรอให้บุคคลในห้องตื่นทั้งคืนจนสว่าง หัวใจของเขาแตกร้าวยับเยิน นางที่เขารักหมดหัวใจกล้าทำเรื่องน่าอับอายลับหลังเขา
ใจของเขาคิดไปถึงสุราพิษ มีดสั้น และผ้าขาวสามฉื่อ มือหนายิ่งกำแน่นอยากฆ่านางให้ตายตกด้วยน้ำมือตน แต่ก็ทำไม่ลง เพราะความผูกพันมากมายที่ผ่านมา อีกทั้งเขารักนางเกินกว่าจะตัดใจสังหารนางได้
เห็นกับตาถึงขั้นนี้บุรุษอื่นคงมอบทางเลือกการตายให้นางไปแล้ว คงไม่มานั่งลังเลเช่นเขาอยู่แบบนี้ เรื่องอื่นคนอย่างมู่เจียวจ้านตัดสินใจเฉียบขาดได้ในพริบตา มีเพียงเรื่องอู่เข่อซิงที่เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้ มีเพียงนาง
มู่เจียวจ้านกำมือแน่นข่มอารมณ์พลุ่งพล่านของตัวเองไม่ให้ระเบิดออกมา รอจนกระทั่งคนบนตั่งได้สติ
อู่เข่อซิงขมวดคิ้วกุมศีรษะที่หนักอึ้งค่อย ๆ ลืมตาพลางคิดในใจ หากรู้ว่าดื่มแล้วจะทรมานแบบนี้นางจะไม่ดื่มแม้แต่หยกเดียว ปวดหัวจัง เปลือกตากะพริบถี่มองเห็นสวามีนั่งหลังตรงอยู่ก็ส่งยิ้มหวานให้ ทว่ามู่เจียวจ้านส่งสายตาคมกริบกลับมา นางได้รับความกดดันความเฉยชาจากสายตาของเขา นี่เขากำลังโกรธอยู่หรือแปลกนักเขาไม่เคยมองนางด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน
มู่เจียวจ้านมองบุรุษคนนั้นที่ลุกลี้ลุกลนใส่เสื้อผ้าแล้วมองอู่เข่อซิงที่บัดนี้เห็นถึงความผิดปกตินั่งตกตะลึงอยู่ไม่ขยับ
ผ้าปูบนตั่งยับย่นเละเทะบ่งบอกว่าสมรภูมิรักที่ผ่านมาเร่าร้อนเพียงใด โต๊ะน้ำชาเล็กบนตั่งถูกยกลงมาวางไว้บนพื้น เมื่อคิดไปว่ามีชายอื่นเชยชมนางไปแล้วในใจยิ่งจมดิ่งลงเหวลึก เขากำมือแน่นข่มกลั้นทุกความรู้สึกไว้มากมาย ในใจนับหนึ่งถึงร้อยเพื่อสงบอารมณ์ "เข่อซิงเจ้าจะแก้ตัวอย่างไร"
"เจียวจ้านข้า..." อู่เข่อซิงอยากพูดอะไรสักอย่างกลับพูดไม่ออกสักคำ บุรุษแปลกหน้าคนนั้นเป็นใครเข้ามาในห้องข้างนี้ได้อย่างไร เหตุใดเป็นนางที่อยู่บนตั่งนี้ นางไม่มีความทรงจำใดหลงเหลืออยู่เลย
เขารอให้นางบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่นางไม่พูดอะไรเลย "นำตัวฮองเฮากลับไปขังที่ตำหนักเติ้งอันไม่มีคำสั่งห้ามก้าวขาออกมานอกตำหนัก" สุรเสียงเข้มบ่งบอกว่าโอรสสวรรค์พิโรจน์แล้ว
"เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะฮองเฮา" เกากงกงเป็นคนควบคุมฮองเฮากลับตำหนักเติ้งอัน
เสียงพูดคุยทำให้ไป๋ลี่หลินกับจี้ผู่เยว่ได้สติขึ้นมา พวกนางทั้งสองต่างมีสีหน้างุนงง
จี้ผู่เยว่ปิดปากตาเบิกกว้างเมื่อเห็นสหายไร้อาภรณ์บนร่าง "ฮองเฮา" นางมองสหายที่สวมเสื้อตัวในสีขาวลวก ๆ ถูกควบคุมตัวออกไป เหลือบมองบุรุษสูงศักดิ์แม้ฝ่าบาทจะคงท่าทีนิ่งสงบ แต่การที่เขาขบกรามจนสันนูนเด่นก็เห็นได้ชัดว่าเขากำลังข่มโทสะอยู่ จี้ผู่เยว่คุกเข่าลง "ฝ่าบาทเพคะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ หม่อมฉันทั้งสามดื่มกินกันเพียงเล็กน้อย ไม่สมควรหมดสติไม่รู้เรื่องราวเช่นนี้ ฮองเฮาต้องถูกใส่ร้ายเพคะ"
รั่วหรูเห็นว่ามีคนออกหน้าพูดแทนฮองเฮานางก็คุกเข่าเอ่ยขอร้องอีกแรง "หม่อมฉันเฝ้าหน้าประตูอยู่ตลอดเวลาไม่มีผู้ใดเข้าออกที่นี่ แต่ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นั้นอยู่ในห้องได้อย่างไร ฝ่าบาทโปรดตรวจสอบคืนความบริสุทธิ์ให้ฮองเฮาด้วยเพคะ" นางกระแทกศีรษะลงพื้นจนหน้าผากแตกมีเลือดซึม ฝ่าบาทก็ยังไม่ตรัสคำใดออกมาเขาเพียงนั่งนิ่งใช้สายตาเรียบเฉยมองนาง
รั่วหรูรู้ว่านี่เป็นการลงโทษที่นางไม่อาจปกป้องดูแลฮองเฮาได้ ฝ่าบาทมีเมตตาแล้วที่ประทานโทษสถานเบาให้นางเช่นนี้
"ฝ่าบาทเพคะ สุราพวกนี้อาจมีปัญหาฝ่าบาทลองตรวจสอบดูก่อน หากสุรามีปัญหาเท่ากับว่ามีคนปองร้ายฮองเฮา เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอาจเกิดจากแผนของผู้อื่นโปรดฝ่าบาทพิจารณาด้วย" ไป๋ลี่หลินคุกเข่าก้มหน้าออกความคิดเห็น
มู่เจียวจ้านส่งสัญญาณมือให้คนมาตรวจสอบสุรา จากนั้นก็หันไปมองรั่วหรูที่ยังคงโขกศีรษะบนพื้น "พอแล้วเจ้ากลับตำหนักเติ้งอันไปเถอะ"
น้ำเสียงฝ่าบาทเย็นชาไร้เมตตาอย่างยิ่งรั่วหรูรีบขอบพระทัยแล้วกลับไปหาฮองเฮาที่ตำหนักเติ้งอัน
"กราบทูลฝ่าบาทในสุราไม่มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ"
เมื่อได้รับรายงานสายตามาดร้ายของมู่เจียวจ้านก็จับจ้องที่บุรุษคนนั้น "พูด" นั่นคือคำสั่งเดียวของเขา
"ฝ่าบาทกระหม่อมกับฮองเฮารักกันพ่ะย่ะค่ะ"
มู่เจียวจ้านส่งสายตาให้องครักษ์ บุรุษหน้าเหี้ยมในชุดสีดำปรากฏตัวเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก "หู จมูก แขน ขา ลิ้น ข้าจะไล่ตัดทีละอย่าง สารภาพมาดีกว่าไม่เช่นนั้นเจ้าจะเป็นศพที่ไม่น่ามองที่สุด"
"ฝ่าบาทกระหม่อมและฮองเฮารักกันจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ เพราะกระหม่อมปวดศีรษะมากฮองเฮาจึงเอายาที่มีส่วนผสมของดอกกระดังงามาให้ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างกระหม่อมและฮองเฮา เกิดจากความรู้สึกรักใคร่ทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นแผนที่ฮองเฮาวางไว้ โดยให้จี้ผู่เยว่สมอ้างว่าปวดศีรษะ จะได้มาหากระหม่อมได้โดยไม่มีข้อสงสัย จากนั้นพวกนางก็ดื่มกันจนเมามาย กระหม่อมที่รออยู่ในห้องนานแล้วจึงออกมาหลังจากที่สตรีทั้งสองเมาหมดสติไป จากนั้นกระหม่อมก็เริ่มบทรักกับฮองเฮา ฝ่าบาทขอพระองค์ไว้ชีวิตด้วย กระหม่อมและฮองเฮารักกันขอพระองค์ปลดฮองเฮาแล้วเมตตาไว้ชีวิตให้เราทั้งสองสมหวังด้วยเถิด"
มู่เจียวจ้านเห็นสายตาวาดหวังของอีกฝ่ายในใจยิ่งเดือดดาล "เจ้าเป็นบุตรชายตระกูลใดรึ"
"กระหม่อมเป็นบุตรคนที่สามของตระกูลเซี่ยพ่ะ..."
องครักษ์หน้าเหี้ยมได้รับสัญญาณลับจากฝ่าบาทใช้กระบี่กรีดลึกลงไปที่ลำคอคุณชายเซี่ยล้มลงพื้นทันที
"กรี๊ด" สองสตรีกรีดร้องแล้วหมดสติไปเมื่อเห็นภาพโหดร้ายเบื้องหน้า ฝ่าบาทถึงขั้นสังหารคนต่อหน้าพวกนางช่างโหดเหี้ยมนัก
"ตระกูลเซี่ยงั้นหรือ" มู่เจียวจ้านลูบแหวนที่นิ้ว "เริ่มสืบจากรองเจ้ากรมโยธาเซี่ยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท แล้วคุณหนูทั้งสองนี้ควรทำเช่นไร"