บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ตำหนักเย็น

หิมะในเหมันตฤดูโปรยปรายลงมาแล้ว แลดูคล้ายกลีบดอกโมลี่ฮวาปลิวว่อนในอากาศ อู่เข่อซิงนั่งอยู่บนเตียงทอดมองออกไปที่หน้าต่าง ลมหนาวระลอกหนึ่งพัดเข้ามาในตำหนักนำพาละอองเกล็ดหิมะปลิวมาเกาะบนใบหน้าซีดเซียว

ร่างบอบบางบนเตียงสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่แค่เพียงร่างกายเท่านั้นที่หนาวสั่น หัวใจของนางเองก็ไม่เหลือไออุ่นใด ๆ อีกต่อไปแล้ว มันเหน็บหนาวปวดร้าวเสียจนนางชาชิน

นางกำนัลรั่วหรูใช้ผ้าขนจิ้งจอกคลุมไหล่เพิ่มความอบอุ่นให้ผู้เป็นนาย นางอยู่ข้างกายสตรีงดงามคนนี้มาตลอด เฝ้ามองดูผู้เป็นนายที่เคยสดใสร่าเริง ค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลงจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม เวลาเพียงสามเดือนฮองเฮาของนางร่างกายเสื่อมโทรมลงเรื่อย ๆ กินอาหารไปก็อาเจียนออกมาจนหมด ทำให้ตอนนี้ผอมแห้งจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก "หม่อมฉันจะไปปิดหน้าต่าง พระองค์จะได้ไม่หนาว"

อู่เข่อซิงรั้งท่อนแขนของอีกฝ่ายไว้ "รั่วหรูข้าไม่รู้ว่าจะได้ดูหิมะตกเช่นนี้อีกหรือไม่ อย่าปิดเลยข้าอยากมองมันให้นานกว่านี้ ข้ายังอยากไปเดินเที่ยวเทศกาลหยวนเซียว ยังอยากไปเดินตลาดซื้อถังหูลู่" เสียงหวานแหบแห้งเอ่ยไม่ทันจบก็ไอจนไม่อาจพูดเรื่องราวที่นางอยากทำต่อไปได้ ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่ใช้ปิดปากยามไอเต็มไปด้วยเลือดจุดเล็กหลายจุด

มือผอมแห้งกำผ้าเช็ดหน้าไว้ไม่ให้สตรีอีกคนเห็น อู่เข่อซิงไม่อยากให้รั่วหรูเป็นกังวล แค่นี้รั่วหรูก็ลำบากเพราะนางมามากแล้ว ตำหนักเติ้งอันที่กว้างใหญ่ถูกสั่งปิดตายกลายเป็นตำหนักเย็น ทั้งตำหนักเหลือเพียงนางและรั่วหรูอาศัยอยู่ เริ่มแรกอู่เข่อซิงยังมีเรี่ยวแรงช่วยรั่วหรูหยิบจับงานในตำหนักได้ แต่ตอนนี้แม้แต่แรงเดินไปมาในห้องนี้นางก็ยังไม่มี

ก็สมควรแล้วฮองเฮาที่คบชู้จะมีชีวิตที่ดีในวังหลังแห่งนี้ได้อย่างไร สิ่งของจำเป็นในตำหนักถูกลดทอนลงทีละน้อย บัดนี้แม้แต่ถ่านใส่เตาอุ่นในตำหนักแห่งนี้ก็ไม่พอใช้

เครื่องดื่มดีที่สุดคือน้ำต้มสุกไม่มีชาชั้นเลิศอีกต่อไป อาหารแต่ละมื้อมีเพียงผักเละ ๆ สองจานไม่เคยมีจานเนื้อให้เห็นสักครั้ง แม้กระทั่งข้าวบางครั้งก็ยังเริ่มมีกลิ่นบูด

โชคยังดีที่ตำหนักเติ้งอันมีครัวเล็กอยู่ พักหลังอู่เข่อซิงกับรั่วหรูจึงทำอาหารกินเอง อู่เข่อซิงถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกจากตำหนักเติ้งอัน แต่รั่วหรูยังสามารถออกไปได้เรื่องอาหารเครื่องนุ่งห่มจึงมีรั่วหรูเป็นคนจัดการโดยใช้สินเดิมที่ติดตัวมาของอู่เข่อซิง

"ดื่มน้ำก่อนเพคะ อากาศหนาวเพียงนี้บ่าวกลัวว่าร่างกายพระองค์จะประชวรอีก" รั่วหรูกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อเหลือบเห็นโลหิตสีแดงติดผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น "ฮองเฮาอย่าปิดบังหม่อมฉันเลยเพคะ หม่อมฉันจะออกไปขอร้องให้ฝ่าบาทส่งหมอหลวงมาตรวจพระองค์"

"อย่าเลยข้าชินเสียแล้ว ครั้งที่แล้วเจ้าก็ไปเขาส่งผู้ใดมาหรือไม่เล่า" ดวงตาหมองเศร้าจับจ้องอยู่ที่หิมะขาวโพลน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นการยิ้มเย้ยหยันตัวเองที่ยังคงหวัง "จดหมายที่ข้าเขียนถึงเขาไม่รู้เขาเคยเปิดอ่านบ้างไหม ข้าก็แค่อยากเจอเขาอีกสักครั้ง ก่อนที่จะ..."

"ฮองเฮาอย่าพูดเช่นนั้นเพคะหม่อมฉันไม่ยอม ไม่ยอมให้พระองค์ไปไหน ไม่มีพระองค์หม่อมฉันก็อยู่ไม่ได้เราหนีออกจากที่นี่ดีหรือไม่ ออกไปท่องโลกกว้างเหมือนนายท่านกับฮูหยิน หม่อมฉันจะพาพระองค์ไปเดินเที่ยวเทศกาลหยวนเซียวในทุกปี เราจะไปเดินเล่นที่ตลาดซื้อของทุกอย่างที่อยากซื้อ ขอแค่...ขอแค่หม่อมฉันตามหมอหลวงมารักษาพระองค์จนหาย เราจะออกจากวังหลังแห่งนี้ดีหรือไม่เพคะ" รั่วหรูเอ่ยเสียงสั่นนัยน์ตาของนางคลอไปด้วยน้ำสีใส ฮองเฮาของนางแสนดีเพียงนี้จะทำเรื่องผิดศีลธรรมอย่างการคบชู้สู่ชายได้อย่างไร รั่วหรูไม่มีทางเชื่อแม้ว่าจะเห็นกับตาตัวเองก็ตาม ยามนั้นฮองเฮาและบุรุษคนนั้นต่างหลับลึกไร้สติ ต้องมีบางคนวางแผนร้ายจงใจใส่ร้ายฮองเฮาเพียงแต่ยังหามือมืดในที่ลับคนนั้นไม่พบเท่านั้น

อู่เข่อซิงยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้รั่วหรู เสียงหวานแหบแห้งเอ่ยแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้ม "ดี...ถึงวันนั้นข้าจะกินเสี่ยวหลงเปา น้ำตาลปั้น แล้วยังมีบะหมี่น้ำใส" นางหัวเราะแผ่วเบาเมื่อกล่าวจบ อู่เข่อซิงรู้ตัวดีว่าคงไม่มีโอกาสนั้นร่างกายของนางแทบอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่นางอยากให้รั่วหรูมีความสุขนางจะไม่เอ่ยถึงความตายก็ได้ เพราะนางรู้ว่ารั่วหรูเองก็กระจ่างแจ้งในใจแล้วว่านางจะอยู่ได้อีกไม่นาน "เมื่อออกไปได้ข้าจะช่วยเจ้ามองหาบุรุษที่ดีแล้วส่งเจ้าออกเรือน" แต่น่าเสียดายที่นางไม่อาจอยู่ได้ถึงวันนั้นเวลาของนางเหลือไม่มากแล้ว

รั่วหรูยิ้มทั้งน้ำตา กอบกุมมือเหี่ยวแห้งที่เย็นยิ่งกว่าอากาศยามนี้ของผู้เป็นนายไว้ "หม่อมฉันไม่อยากออกเรือน อยากอยู่กับฮองเฮามากกว่าเพคะ" รั่วหรูปาดน้ำตาไม่รักดีที่ไหลออกมาทิ้ง นางสูดหายใจเข้าลึกแล้วยิ้มให้ผู้เป็นนาย "ฮองเฮาหม่อมฉันไม่ไปหาฝ่าบาทแล้ว แต่จะไปหาคุณชายแทนคุณชายต้องไม่นิ่งเฉยแน่"

"ข้าเองก็อยากพบเขามีเรื่องมากมายอยากพูดคุยกับเขา" ยังมีท่านพ่อและท่านแม่ที่นางอยากพบเป็นครั้งสุดท้าย เสียดายที่พวกท่านทั้งสองไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง หลังจากที่นางแต่งงานกับมู่เจียวจ้านท่านพ่อก็พาท่านแม่ท่องเที่ยวไปในยุทธภพ ซึ่งอู่เข่อซิงเป็นคนคะยั้นคะยอให้พวกเขาทั้งสองทำตามความต้องการในวัยหนุ่มสาว ก่อนที่ท่านพ่อท่านแม่จะมีแก้วตาดวงใจอย่างนาง พวกเขาก็ไม่เคยอยู่ติดเมืองหลวงมาโดยตลอด เรื่องพวกนี้นางรู้จากการบอกเล่าของท่านพ่อประกอบกับอู่เข่อซิงคิดว่าตนเองได้สมหวังในรักแล้วทั้งชีวิตนี้คงพบเจอแต่ความสุข ทว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่คิดความสุขของนางนั้นแสนสั้น

สั้นเสียจนน่าใจหาย

"หม่อมฉันจะรีบไปรีบกลับนะเพคะ" รั่วหรูยกเก้าอี้โยกมาวางและพยุงร่างบอบบางมานอนบนเก้าอี้โยก เมื่อฮองเฮาอยากดูหิมะนางก็จะให้ผู้เป็นนายสมปรารถนา เพียงแต่จะต้องรอบคอบเสียหน่อย เพื่อไม่ให้ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วของฮองเฮาทรุดหนักกว่าเก่า รั่วหรูใช้ผ้าห่มผืนหนาคลุมทับร่างบอบบางของผู้เป็นนายไว้ "อากาศหนาวเย็นต้องห่มผ้าหนา ๆ พระองค์ห้ามนำผ้าผืนนี้ออกจนกว่าหม่อมฉันจะกลับมา หากไม่เชื่อฟังต่อไปหม่อมฉันไม่ตามใจพระองค์อีกแล้ว หิมะหม่อมฉันก็จะไม่ให้ดู" นางยังไม่สบายใจที่จะออกจากตำหนักแล้วปล่อยให้ผู้เป็นนายอยู่ลำพังคนเดียว รั่วหรูเดินไปนำขนมมาวางไว้ใกล้มือฮองเฮา รวมถึงกาน้ำก็ตั้งไว้กับเตาอุ่นใบเล็ก เวลาดื่มจะได้ไม่เย็นจนเกินไป "หากพระองค์หิวก็รองท้องรอหม่อมฉันนะเพคะ สองวันมานี้อาการอาเจียนของพระองค์น้อยลงแล้ว แต่อย่าเสวยมากไปเดี๋ยวจะอาเจียนอีกได้..."

"รั่วหรูข้าไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย" อู่เข่อซิงยิ้มให้รั่วหรูที่พะว้าพะวังห่วงใยนางอย่างซาบซึ้งใจ กว่ารั่วหรูจะออกไปได้ก็สั่งนั่นสั่งนี่ไว้มากมาย

"ก็หม่อมฉันเป็นห่วงพระองค์ อีกอย่างหม่อมฉันพูดจริงทำจริงนะเพคะ" เพราะบุญคุณของนายหญิงซู่เหยาที่รับเลี้ยงนางไว้ ทำให้รั่วหรูทั้งผูกพันทั้งรักและห่วงใยอู่เข่อซิงเสมือนคนในครอบครัว อีกทั้งคุณหนูคนนี้ของนางก็ใจดีกับนางเหลือเกิน แม้นางจะเป็นเพียงสาวใช้แต่ทุกครั้งที่เดินตลาดด้วยกันคุณหนูจะมีของขวัญให้นางเสมอ ไม่ว่าจะเป็นปิ่นปักผม กำไลข้อมือ เครื่องประทินโฉม และอีกมากมายคุณหนูจะซื้อสิ่งใดย่อมมีของนางด้วยเสมอ คุณหนูมองนางเป็นพี่สาวมากกว่าบ่าวรับใช้เสียอีก

ชีวิตของรั่วหรูมืดมนไร้ที่พึ่งบิดามารดาเจ็บป่วยไม่มีเงินรักษาพากันจากนางไปทีละคน ทิ้งเด็กน้อยวัยห้าหนาวให้เผชิญโลกกว้างเพียงลำพัง ยามนั้นรั่วหรูต้องออกจากบ้านเตร็ดเตร่ขอทานไปทั่วตลาด บางครั้งนางต้องลักขโมยเพื่อให้มีอาหารประทังชีวิต ในตอนที่นางถูกขอทานด้วยกันแย่งอาหารที่ขโมยมาได้ไปจนหมด เด็กสาวตัวเล็กอย่างนางไม่มีทางยอมให้ผู้อื่นมาชุบมือเปิบสิ่งที่นางหามาได้อย่างยากเย็น จึงคิดจะแย่งคืนมาแต่นางสู้เด็กชายทั้งหลายที่ตัวสูงใหญ่กว่าไม่ได้ เด็กหญิงตัวน้อยถูกทุบตีจนสลบไป ตื่นมาอีกครั้งก็อยู่ที่จวนแห่งหนึ่ง นายหญิงซู่เหยาเป็นคนช่วยนางไว้ และยังมีนายท่านอู่เหยียนที่ต่อกระดูกให้นางจนกลับมาเดินได้อีกครั้ง นางได้สัญญากับตัวเองไว้ว่าชั่วชีวิตนี้จะจงรักภักดีกับตระกูลอู่ไปจนตาย

"ได้จะเชื่อฟังรั่วหรูทุกอย่าง เชื่อฟังอย่างดีเลย" อู่เข่อซิงยิ้มขำที่รั่วหรูห่วงหน้าพะวงหลังออกจากตำหนักไปไม่ได้สักที

"หม่อมฉันจะรีบไปรีบกลับนะเพคะ"

หญิงสาวบนเก้าอี้โยกหลับตาลงเมื่อรั่วหรูออกไปแล้ว นางกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของนางให้ตกต่ำลงในชั่วข้ามคืน คิดถึงแววตาผิดหวังเสียใจของชายผู้นั้นที่ค่อย ๆ แปลเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวไม่หลงเหลือความรักให้นางอีก

ยามที่เขาออกคำสั่งกักขังนางในตำหนักเย็นแห่งนี้ แววตาของเขานั้นมีความเย็นชาพาดผ่าน อู่เข่อซิงเจ็บปวด ทว่าความคลางแคลงใจมีมากกว่า เขาที่บอกว่ารักนางกลับไม่มีความเชื่อใจให้นางเลย หากว่าเขาเชื่อใจนางสักนิดเขาคงไม่สั่งลงโทษนางทันทีโดยไม่สืบหาความจริง

แม้ว่าข่าวซุบซิบของนางจะถูกกดไว้ไม่กระจายวงกว้าง แต่ชนชั้นสูงในงานเลี้ยงค่ำคืนนั้นต่างก็เห็นกับตา นางไม่อาจแก้ต่างให้ตัวเองได้เลยด้วยซ้ำ

ระยะเวลาเพียงสามเดือนที่นางถูกกักขัง เขารับสนมชายาเข้ามาเต็มวังหลัง นอกจากวันที่เขามาถามนางว่ามีอะไรจะพูดไหม เขาก็ไม่เคยเหยียบย่างมาในตำหนักเติ้งอันอีก พ้นวันนั้นไปเขาก็รับนางสนมเข้ามาเต็มวังหลัง วันนั้นรั่วหรูหลุดปากด่าออกมาอู่เข่อซิงมองออกว่ารั่วหรูโมโหมากแค่ไหน และสิ่งที่ได้ยินจากปากรั่วหรูทำให้นางนิ่งค้างไป

"น่าเจ็บใจนักฮองเฮาถูกกักบริเวณได้ไม่ถึงสิบวันฝ่าบาทก็รับนางสนมมาเต็มวังหลัง ยังมีคุณหนูจี้และคุณหนูไป๋อีกด้วย ฝ่าบาทมีตาหามีแววไม่เชื่อไปได้อย่างไรว่าพระองค์จะทำเรื่องต่ำช้าเช่นนั้นได้" รั่วหรูก่นด่าฮ่องเต้เพราะเจ็บใจแทนผู้เป็นนาย โดยลืมเสียสนิทว่าข่าวนี้อาจทำให้ฮองเฮาเสียพระทัย พอนางหันหน้ามาเห็นผู้เป็นนายน้ำตาไหลอาบแก้มก็รีบเปลี่ยนเรื่องพูดคุย "ฮองเฮาวันนี้หม่อมฉันทำทังหยวนของโปรดพระองค์มาถวายเพคะ"

ทว่ายามนี้ฮองเฮาเสียพระทัยจนนิ่งค้างไปแล้ว ไม่ว่ารั่วหรูจะพูดอะไรก็เหมือนจะเข้าไม่ถึงโสตประสาทของผู้เป็นนาย

นางได้แต่โทษตัวเองที่เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้เข้ามารบกวนจิตใจของฮองเฮา นับแต่นั้นมาเรื่องนอกตำหนักเติ้งอันรั่วหรูไม่เคยนำมาเล่าให้ผู้เป็นนายฟังอีกเลย

อู่เข่อซิงได้ยินว่าเขารับสตรีอื่นเข้ามายังวังหลังนางเจ็บปวดทรมานใจอย่างมาก แม้จะรู้ว่าสักวันเขาจะขัดขุนนางไม่ได้แต่ไม่คิดว่าเขาจะเต็มใจรับสตรีเหล่านั้นเข้ามาเองแบบนี้ อีกทั้งสองคนนั้นเป็นสหายของนาง

แม้ว่ารั่วหรูไม่เคยเอาเรื่องนอกตำหนักมาเล่า แต่ข่าวคราวด้านนอกอู่เข่อซิงกลับได้รับรู้ไม่ขาดสาย อาจเป็นความตั้งใจของใครบางคน หรืออาจจะเป็นความบังเอิญที่เหล่านางกำนัลพูดคุยกันเสียงดังจนทำให้นางได้ยินเรื่องทุกอย่างก็ไม่อาจรู้ได้

ทว่าบัดนี้ข่าวคราวพวกนั้นที่ได้รับฟังโดยไม่ตั้งใจ ไม่สามารถบั่นทอนความรู้สึกอู่เข่อซิงได้อีกแล้ว สามเดือนที่เขาไม่มาเหยียบตำหนักเติ้งอัน ชัดเจนพอแล้วว่าเขาไม่หลงเหลือความรักให้นางอีก อู่เข่อซิงอยากหนีออกไปจากที่นี่ติดตรงที่ร่างกายของนางไม่อำนวย ร่างกายที่เคยแข็งแรงของนางเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว เร็วจนไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้แล้ว
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel