3 เด็กทารกกับคืนที่น่ากลัว 2
หนุ่มใหญ่ไม่รอช้า จึงคว้าร่มตีกอล์ฟคันใหญ่ขึ้นมากางทันที เขาเดินกึ่งวิ่งไปยังประตูหน้าบ้าน พยายามสอดส่ายสายตาหาภรรยาและลูกน้อย ทว่ากลับไม่เห็นสิ่งใด และเสียงเด็กที่ร้องเมื่อครู่หายไปอีกด้วย
“ไม่เห็นใคร แล้วเสียงเด็กเมื่อครู่ล่ะ สงสัยหูเราฝาดไปแน่ ๆ”
“อุแว้ อุแว้”
เพิ่มสะดุ้งสุดตัว เมื่อเสียงเด็กทารกดังขึ้นอีกครั้ง เขาเปิดประตูเล็กออกมาด้านนอก กระทั่งสายตาปะทะกับตะกร้าที่มีผ้าพลาสติกคลุมเอาไว้ เสียงเด็กดังออกมาจากในนั้น เขาผวาเข้าไปหาแล้วหิ้วขึ้นมาถือเอาไว้ด้วยความทะนุถนอม
“ลูกพ่อ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ หรือว่านังแม่ใจร้ายนั่นมันเอามาทิ้งไว้ นังแดง นี่เอ็งเป็นคนใจร้ายใจมารถึงขนาดเอาลูกมาไว้หน้าบ้าน ทั้งที่ฝนตกหนักแล้วเอ็งก็หนีไป นังเมียชั่ว”
เพิ่มตะโกนด่าเมียด้วยเสียงดัง ๆ แต่ไม่มีใครได้ยินเพราะเสียงฝนกลบเอาไว้ เขาไม่รอช้าที่จะพาบุตรชายผู้น่าสงสารเข้าไปในบ้าน แล้วอุ้มออกมาจากตะกร้า เช็ดเนื้อตัวด้วยผ้าขนหนูเนื้อนิ่ม ขณะเดียวกันน้ำตาลูกผู้ชายไหลรินอาบแก้ม
“ทำอย่างนี้ได้ยังไง นังผู้หญิงสารเลว เกิดมาเพิ่งจะพบเห็นนี่แหละ ระยำที่สุด โถ กรลูกพ่อ แล้วนี่พ่อจะทำอย่างไรดี ใครจะเลี้ยงเอ็ง คุณท่าน เราต้องยกกรให้คุณท่านช่วยเลี้ยง ท่านยังไม่มีลูก คงจะเอ็นดูเจ้ากรบ้างล่ะ”
ชายผู้น่าสงสารอุ้มลูกลงไปยังห้องใต้ดิน ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม ไม่ให้ใครเข้ามา นอกจากมีธุระสำคัญจริง ๆ ครั้งนี้เพิ่มร้อนใจจนสุดจะทนได้ เรื่องเมียหนีโดยทิ้งลูกเอาไว้โดยไม่ใยดี ทำให้เขากล้าฝืนคำสั่ง เพราะไม่รู้ว่าจะจัดการกับชีวิตลูกชายตัวน้อยได้อย่างไร เขามีหน้าที่ขับรถให้เจ้านาย และภรรยาไปทำธุระเป็นประจำ
ดนัยหนุ่มใหญ่วัยไล่เลี่ยกับเพิ่ม สวมชุดแล็บสีขาว บนศีรษะสวมใส่หมวกผ้าสีเขียว เก็บเส้นผมเอาไว้อย่างมิดชิด เขากำลังง่วนอยู่กับส่วนผสมของสูตรดองศพ โดยข้าง ๆ กันมีโหลบรรจุซากสัตว์ที่ตายในท้อง หรือออกมาตายข้างนอกวางเรียงรายอยู่ตามชั้นต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องในมนุษย์บางอย่างที่ถูกบรรจุอยู่ในขวดโหลใส ผนึกฝาปิดมิดชิด เขาไม่เห็นว่าตรงผนังห้องที่หันหลังให้นั้นมีเงาวูบวาบของใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวใกล้เข้ามา
มือทั้งสองข้างของมันกางออกจากกัน เตรียมที่จะขยุ้มลงไปตรงส่วนที่เป็นลำคอของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง
แต่แล้วเจ้าเงาดำกลับนิ่งงัน ก่อนจะถอยกรูดออกมาด้วยความกลัว เมื่อรู้ว่าไม่สามารถที่จะทำอะไรเขาได้
“ฮึ่ม ! ไอ้นักวิทยาศาสตร์ บังอาจเอาเครื่องในกูมาดองโดยที่กูไม่เต็มใจให้ มึงจะต้องตาย”
เงาดำพยายามที่จะกระโจนเข้าใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า ผลที่ได้รับเหมือนกันทุกครั้งคือไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากดูการเคลื่อนไหวจากร่างที่ยังคงเทน้ำจากขวดนั้นมาผสมขวดนี้ โดยไม่สนใจต่อสรรพสิ่งรอบตัว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ดนัยสะดุ้ง และเขม้นมองด้วยความไม่พอใจ เมื่อตอนหัวค่ำ เขาสั่งกับทุกคนแล้วว่าจะอยู่ในห้องทดลอง ห้ามใครเข้ามารบกวน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นผู้เคาะประตู
“บ้าเอ๊ย ใครวะเคาะอยู่ได้ หรือว่าจะเป็นนารี มีเรื่องอะไรนักหนา รอตอนเช้าไม่ได้หรือไง คนพวกนี้พูดกันไม่รู้เรื่องจริง ๆ อ้าว เพิ่ม มีอะไร ฉันสั่งแล้วไม่ใช่หรือ ว่าห้ามรบกวน”
ทันทีที่เปิดประตูออก เขาเจอร่างคนขับรถที่ยังคงยืนก้มหน้า มือทั้งสองข้างกุมประสานกันเอาไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์อย่างเห็นได้ชัด เมื่อเพิ่มเงยหน้าขึ้นมา หยาดน้ำใส ๆ คลออยู่เต็มหน่วย ดนัยถอนใจเฮือกใหญ่ รู้ว่าคนขับรถคงมีเรื่องหนักหนาสาหัสสากรรจ์
“ผมขอโทษครับ คุณท่าน”
“เออ มีอะไรก็ว่ามา ฉันจะกลับไปทำงาน”
“คือว่า เมื่อตอนบ่าย ๆ ผมทะเลาะกับนังแดง”
“มันเรื่องปกติของนายกับเมียอยู่แล้วนี่ สามวันดี สี่วันทะเลาะ ฉันเคยห้ามนายแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าเอานักร้องคาราโอเกะมาเป็นเมีย”
ดนัยอดตำหนิลูกจ้างไม่ได้ แม้รู้ว่าเป็นการทำร้ายน้ำใจลูกน้องคนสนิท ให้เจ็บช้ำยิ่งขึ้น แต่เขาขอสักนิด เตือนให้รู้จักมีสตินึกคิด
“ผมมันไม่ดีเอง เห็นแก่ความสวยงาม สุดท้ายลายมันก็ออกมาจริง ๆ”
“มีอะไรล่ะ”
“นังแดงเอาเจ้ากรใส่ตะกร้ามาทิ้งเอาไว้หน้าบ้านครับ นังแดงคงหนีไปแล้ว ไม่ห่วงลูกเลย ผมจะทำอย่างไรกับลูกตัวเล็ก ๆ ใครจะเลี้ยงดูมัน”