2 เรื่องย่อ 2 และเด็กทารกกับคืนที่น่ากลัว
ยี่สิบเอ็ดปีผ่านไป....
พงษ์ระพีรูปหล่อ มีเรือนร่างสูงสง่า เรียนจบปริญญาตรีกำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก ระหว่างนั้นถูกชักนำเข้าสู่วงการบันเทิงโดยโจโจ้เจ้าของโมเดลลิ่งชื่อดัง เขาถ่ายโฆษณาและเป็นพระเอกภาพยนตร์ ปีศาจวีระวัฒน์พยายามที่จะทำลายชื่อเสียงทุกอย่าง โดยอาศัยกรช่วย บัดนี้กรมีสภาพเหมือนคนอายุ 40 รูปร่างผอมซีดเซียว มีสภาพเหมือนผีดิบ เจ้าผีร้ายวีระวัฒน์ให้กรพาออกไปล่าเหยื่อสาว ๆ มันจำแลงร่างเป็นพงษ์ระพี ทำให้สาว ๆ หลง ฆ่าแล้วดูดกินเลือดกินเนื้อ
ปีศาจร้ายหลงรักนับเดือนและห้ามคบหากับพงษ์ระพีไม่เช่นนั้นจะต้องตาย ทำให้เธอกลัวมาก พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอมาครอบครอง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เจือตกเป็นทาสผีถูกขู่บังคับให้ไปซื้อเนื้อสด ๆ มาให้กรกิน
เมื่อพงษ์ระพีมีชื่อเสียง ปีศาจวีระวัฒน์ทำลายชื่อเสียงเขาทุก ๆ ด้าน คืนหนึ่งกรพลาดออกไปล่าเหยื่อกับผีวีระวัฒน์ ถูกเหล็กแหลมแทงดวงตาบอดสนิท ความน่ากลัวเกิดขึ้นเมื่อทุกคนรู้ว่าโหลดองซากของวีระวัฒน์หายไปและรู้ว่ากรคือสมุนของมันจึงออกตามหาแต่ไม่เจอจึงไปขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อที่วัด ท่านบอกให้สวดมนต์แล้วจะปลอดภัย เจ้าผีร้ายบังคับกรให้มามาทำร้ายทุกคนที่รวมอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่ก็พ่ายแพ้ต่ออำนาจพุทธคุณ ในที่สุดกรถูกผีวีระวัฒน์ฆ่าตาย แล้วกลายเป็นผีดิบ
จู่ ๆ อาจารย์บุญที่ไม่มีใครรู้จักได้เข้ามาเพื่อช่วยปราบผีวีระวัฒน์เกิดการต่อสู้กันขึ้น ผีวีระวัฒน์จะเป็นเช่นไร อาจารย์บุญคือใคร และทุกคนจะปลอดภัยไหม ต้องติดตามแล้วค่ะ
เด็กทารกกับคืนที่น่ากลัว
ท้องฟ้าที่เคยสว่างเมื่อตอนหัวค่ำ บัดนี้ได้แปรปรวนจนถึงขั้นวิปริตอย่างรุนแรง ลมที่โหมพัดกระหน่ำด้วยอัตราความเร็ว สามารถเคลื่อนย้ายเก้าอี้พลาสติกที่ตั้งอยู่บนพื้นกระเบื้องใต้ชายคาให้เลื่อนไถลไปข้างหน้าได้ไกลหลายเมตร ความมืดดำได้ปกคลุมไปทั่วทุกอณูพื้นที่ นอกจากฟ้าผ่าดังเป็นระยะแล้ว ยังแทรกด้วยสายฟ้าแลบแปลบปลาบ เห็นเป็นเส้นสายหงิกงอทาบประดับกับความทะมึนมืดเพิ่มความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
เพียงไม่นานสายฝนได้โปรยปรายลงมาอย่างชนิดที่เรียกว่าตกจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ผู้คนต่างพากันปิดบ้านหลบเข้าไปพักผ่อนข้างใน ต่างภาวนาอย่าให้ไฟดับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของหมู่บ้านแห่งนี้ หากว่าลมพัดกระหน่ำหอบเอาเม็ดฝนติดมาด้วย สิ่งที่ตามมาก็คือไฟฟ้าที่เคยสว่างจ้าจะต้องดับมืดลงอย่างรวดเร็ว
กว่าพนักงานของการไฟฟ้าจะมาช่วยแก้ไขให้สว่างดังเดิมก็ใช้เวลาพอสมควร แม้ว่าบ้านหลังอื่น ๆ อยู่ด้วยความหวาดวิตก ทว่าบ้านหลังใหญ่ซึ่งอยู่ท้ายซอยสุด กลับใช้ชีวิตตามปกติ
ภายในบ้านมีเครื่องปั่นไฟสำรองเอาไว้ สามารถที่จะใช้งานได้เป็นเวลาหลายวัน เพราะดนัยเป็นนักวิทยาศาสตร์ทำการทดลองสิ่งต่าง ๆ จะต้องใช้ไฟตลอดเวลา หากจะต้องพึ่งไฟฟ้าตามปกติเหมือนคนอื่น ๆ คงไม่ทันการณ์ จึงต้องติดตั้งเครื่องปั่นไฟเอาไว้ใช้เอง
ด้านหน้าบ้านที่เป็นประตูไม้สักบานใหญ่ซึ่งมีกรอบอะลูมิเนียมครอบเอาไว้เพื่อความสวยงามและคงทนถาวร รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาช้า ๆ แล้วชะลอจอดนิ่ง ร่างใครบางคนเปิดประตูลงมาพร้อมกับหิ้วตะกร้าใบใหญ่ คลุมทับด้วยผ้าพลาสติกจนมิดชิด แล้วเอาไปวางไว้ใต้หลังคาหัวเสา ร่างนั้นยืนสงบนิ่งเพียงครู่เดียว ก่อนจะรีบร้อนกลับขึ้นไปในรถอีกครั้ง
เพิ่มกำลังเดินเกร่ไปเกร่มาอยู่ใต้ชายคาโรงรถ แล้วชะเง้อมองออกไปนอกรั้วบ้าน เหมือนหาอะไรบางอย่าง แต่สิ่งที่เห็นคือสายฝนขาวพร่างที่ยังคงกระหน่ำตกลงมาอย่างชนิดเป็นบ้าเป็นหลัง
“จนป่านนี้แล้วนังแดงยังไม่พาลูกกลับมาอีก มันจะงอนไปถึงไหนะ นังคนนี้นิสัยไม่ดีเลย ทะเลาะกันทีไร หอบลูกออกจากบ้านทุกครั้งไป เออไปให้รอดนะมึง”
เพิ่มคนขับรถหนุ่มใหญ่บ่นภรรยาที่เพิ่งจะมีลูกคนแรกด้วยอารมณ์หงุดหงิด เวลานี้เขาห่วงลูกมากที่สุด เด็กเพิ่งเกิดได้เดือนกว่า ๆ ร่างกายยังอ่อนแอ หากว่าถูกละอองฝน อาจจะไม่สบายได้ง่าย ๆ ระหว่างที่กำลังว้าวุ่นใจอยู่นั่นเอง เสียงเด็กทารกร้องแทรกกับสายฝน ดังเสียจนเขาสะดุ้ง
“อุแว้ อุแว้”
“เฮ้ย ! เสียงเด็กที่ไหนมาร้องอยู่แถวนี้วะ หรือว่าลูกเรา กร กร ลูกพ่อ นังแดงพากลับมาบ้านแล้วหรือ”