บทที่ 3
คาร่าสวมใส่เสื้อแขนยาวเข้าชุดสีขาวให้ร่างกายอบอุ่น ด้านนอกที่อากาศกำลังลดองศาลงไปเรื่อยๆ เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน แต่สำหรับเธอที่อยู่เมืองร้อนมาครึ่งค่อนชีวิต กลับมองว่าอากาศเช่นนี้มันกำลังเย็นสบายได้ที่
ผู้คนกำลังเดินกันขวักไขว่ เพราะเวลานี้เป็นเวลากลับที่พักอาศัย และยังเป็นเวลาที่เหล่านักท่องราตรีกำลังออกมาชื่นชมบรรยากาศยามค่ำคืน คาร่าเลือกที่จะเดินไม่เร็วมาก มองไปรอบตัวมันช่างน่าตื่นเต้น มองเห็นอะไรก็ตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด
“พี่ค่ะๆ พี่ช่วยหนูได้ไหม หนูหลงทาง” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยดึงชายเสื้อของคาร่า สองข้างแก้มมีรอยน้ำตาลากยาวจนถึงปลายคางเล็กน่ารัก ชุดเดรสสีชมพูแขนยาวเข้ากับเด็กผู้หญิงผมยาวเลยบ่า เธอคงอายุน่าจะราวๆ ไม่เกินหกขวบได้
“หนูชื่ออะไร แล้วมากับใครจ๊ะ” คาร่านั่งยองลงข้างเด็กหญิง เธอเอามือปาดน้ำตาออกให้อย่างเบามือที่สุด แก้มสองข้างแดงคล้ายลูกพีชสุข
“หนูชื่อมาเรีย ช่วยหนูหน่อย หนูอยากไปหาแม่” เด็กสาวร้องไห้เสียงดัง คนที่เดินผ่านไปมาหันมองด้วยความสนใจ คาร่าทำตัวไม่ถูกเธอเดินจูงมือเด็กหญิง ไปหาตำรวจเหมือนว่าโชคจะไม่เข้าข้าง
“มาเรียจำได้ไหม…” ยังไม่ทันที่คาร่าจะถามเด็กหญิงต่อ มือที่จับกันเอาไว้ ถูกกระชากอย่างแรงจนร่างของมาเรียเซถลาไปตามแรงมือ
“เธอทำอะไรกับลูกสาวฉัน!!..”
“ม๊ามี๊” มาเรียสวมกอดแม่ด้วยความดีใจ แต่แม่ของเด็กสาวกลับมองมาที่เธอด้วยความโกรธ
“ขอโทษค่ะ พอดี..” คาร่ากำลังจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้กลับแม่ของเด็กได้เข้าใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมฟังเธอ
“ฉันจะแจ้งตำรวจว่าเธอ..ลักพาตัวลูกสาวฉัน..”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ..น้องเขาหลงทางฉันไม่ได้จะลักพาตัวสักหน่อยนะคะ” คาร่าตอบกลับพร้อมกับอารมณ์ที่กำลังร้อนขึ้นทีละนิด หรือว่าเธอเจอมิจฉาชีพเข้าให้แล้วนะ
“งั้นจ่ายเงินมาสิคะ แล้วฉันจะไม่แจ้งตำรวจ” หญิงสาวตรงหน้ายิ้มออกมาเล็กน้อย เธอกวาดตามองคาร่าตั้งหัวจรดปลายเท้า “จ่ายเงินมาสิ..ถ้าอยากให้เรื่องจบ”
เธอมาเจอเรื่องบ้าอะไรแบบนี้ในวันแรกที่มาถึงลอนดอนกันนะ คาร่ามองไปรอบบริเวณไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนที่เดินอยู่เต็มถนนเมื่อครู่กลับไม่เหลือสักคน เท้าที่สวมบูทสีดำขยับถอยหลังในทันที
คาร่าเตรียมตัววิ่งแต่กลับถูกผู้ชายคนหนึ่งยืนขวางทางเอาไว้ และในตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอนั้นได้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเป็นที่เรียบร้อย แผ่นหลังของเธอรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่เป็นของแข็งทิ่มแทงอยู่ ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง เธอดวงซวยอีกแล้วสินะ..
ถ้าตอนนี้จะสวดมนต์เธอจะพอมีทางรอดไหมนะ แต่ถึงให้สวดมนต์ในตอนนี้เธอก็คิดไม่ออกว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี ถ้าหากว่าเธอจ่ายเงินไปก็ไม่แน่ที่เรื่องทุกอย่างจะจบ แล้วชีวิตที่ดิ้นรนมาตลอด ยี่สิบสองปีจะจบลงแบนนี้นะเหรอ ไม่ได้!!
“หนวกหู!!!” เสียงชายหนุ่มอีกคนดังขึ้น คาร่าหันไปมองที่เงาสีดำตรงมุมตึก ควันบุหรี่สีขาวถูกพ้นออกมาได้กลิ่นมิ้นจางๆ ก่อนชายเจ้าของเสียงจะปรากฏตัวขึ้น
“สเวน!!” ผู้ชายที่กำลังถือมีดอุทานออกมาก่อนที่เขาจะรีบชักมีดกลับแล้ววิ่งจากไป พร้อมกับหญิงสาวและเด็กหญิง สเวนเดินออกมาจากมุมตึก เอายังคงคีบบุหรี่เอาไว้ในมือแล้วดูดมันเข้าปอด จ้องมองคาร่าที่ยืนตัวสั่นไม่ยอมขยับหนีไปไหน
“.....”
“เด็กค่าย วี.พี. มายืนเซ่ออะไรอยู่ที่นี่ มันเวลาไหนแล้ว..” สเวนเดินเข้ามาใกล้ ควันสีขาวถูกพ้นมาตรงหน้าของคาร่า แค่ก แค่ก แค่ก เสียงไอของคาร่าทำให้สเวนยิ้มมุมปาก
“ขะ ขอบคุณค่ะ” คาร่ายังคงไอและกล่าวคำขอบคุณในเวลาเดียวกัน
“ฉันรับคำขอบคุณ เป็นเงินสดเท่านั้น”
“คุณก็เป็นพวกรีดไถเหมือนกับพวกเขาสินะ หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ” คาร่าบ่นออกมาเบาๆ ความรู้สึกปลอดภัยมากกว่าคู่สามีภรรยาเมื่อครู่ ที่เธอมีต่อสเวนมันคืออะไร ถึงแม้เขาจะพูดแบบนั้น เธอกลับไม่มีความรู้สึกกลัวแม้แต่น้อย
“ไม่ได้ยินหรือไง ฉันบอกว่ารับคำขอบคุณเป็นเงินสด” สเวนเน้นย้ำอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะจ้องมองใบหน้าของคาร่าที่มีผ้าปิดจมูกเอาไว้ครึ่งใบหน้า ถึงแม้จะมองเห็นแค่ดวงตา เขาก็รับรู้ได้ว่าภายใต้หน้ากากนั้น เธอต้องสวยมากแน่นอน
“ฉันไม่ได้เอาเงินมาด้วย” คาร่าโกหกคำโต เธอไม่มีทางที่จะให้เงินเขาไปแน่นอน เพราะเธอเองก็ไม่มีเงินสดใช้เช่นเดียวกัน
“งั้นฉันรับเป็นเงินโอนก็ได้ สแกนเลยไหม” สเวนล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมา แต่ไม่ทันที่จะได้ยื่นไปให้กับคาร่าเสียงฝีเท้าของเธอก็ดังขึ้น ก่อนที่สเวนจะหัวเราะออกมา เมื่อมองเห็นเพียงแผ่นหลังเล็กที่หายไปตามความมืดของท้องถนน “วิ่งขนาดนั้น คงไม่หลงทางหรอกนะ”
คาร่าหอบหายใจเหนื่อยเมื่อวิ่งมาได้พอประมาณและเห็นว่ามีผู้คนหนาแน่นพอที่จะวางใจได้แล้ว วันนี้น่าจะเป็นวันที่ดีแท้ๆ กลับได้มาเจอเรื่องที่ไม่คาดคิด ประสบการณ์ในวันนี้เธอคงต้องเก็บเอาไว้เป็นบทเรียนราคาแพง
“เธอยังไม่ได้สแกนจ่ายให้ฉันเลยนะ” เสียงของผู้ชายที่คุ้นหูทำให้คาร่า สะดุ้งสุดตัว ในใจลึกๆ เริ่มกลัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ เธอวิ่งเร็วขนาดนี้เขายังสามารถตามเธอมาได้ทัน หรือว่าที่จริงแล้วเธอไม่ได้วิ่งเร็วอย่างที่ตนเองคิด
“ฉันไม่มีโทรศัพท์” คาร่าพูดขึ้น พร้อมกับหันมองไปทางสเวน เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อเขายิ้มมุมปากอย่างไม่ทุกข์ร้อน จะให้ตะโกนขอความช่วยเหลือ ก็คงทำไม่ได้เพราะคงไม่มีหลักฐานและอาจเป็นเรื่องใหญ่
“เธอจนหรือไง..ถึงไม่มีอะไรติดตัวสักอย่าง” สเวนถามพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของเธอเช่นเดิม คาร่าจ้องมองเขากลับเช่นเดียวกัน พอมาอยู่ในที่มีแสงสว่างเธอจึงได้พบว่า ชายหนุ่มตรงหน้านั้นช่างหล่อเหลา เหมือนดารานายแบบ
“คุณเป็นนักร้องหรือดาราค่าย วี.พี เหรอ” คาร่าถามต่อ เหมือนจะจำที่เขาพูดได้ในตอนนั้น
“วี.พี. เหรอ ไม่ได้อยู่ในสายตาฉันหรอก..คนกระจอกเท่านั้นที่อยู่ที่นั่น” สเวนพูดพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋า “เธอไม่มีเงินให้ฉัน วันนี้ก็คอยเป็นเพื่อนเล่นกับฉันแล้วกัน”
“จะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!!” คาร่าถูกดึงแขนให้ออกเดินตาม ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี ร้องตะโกนให้ดังเลยดีไหมนะ
“อย่าคิดที่จะตะโกนเชียวนะ..ตามมาดีๆ ถ้าฉันพอใจแล้ว เดี๋ยวพากลับไปส่งถึงที่” คำพูดที่แสนกำกวมยิ่งทำให้คาร่าหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น มือที่จับแขนเหมือนกับคีบหนีบล็อกแน่น จนเธอรู้สึกเจ็บขึ้นมา
“คุณจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันไปเถอะ..ฉันไม่มีอะไรให้คุณหรอก ฉันก็แค่นักท่องเที่ยวเท่านั้นเอง” คาร่าขอร้องแต่ดูเหมือนสเวนจะไม่ได้ฟังคำพูดของเธอ
“ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวก็ต้องมีเงิน” เขาหันมาพูดคุยกับเธออีกครั้ง
“ฉันเจ็บ ปล่อยก่อนได้ไหม..” เธอมองไปที่มือของสเวน ก่อนที่เขาจะคลายมือออก แต่ไม่ยอมปล่อยมือ ยังคงดึงเธอให้เดินตามฝ่าผู้คนมากมาย ไปตามถนนที่เธอไม่รู้จัก ตอนแรกก็พอจะจำทางได้บ้าง แต่ตอนนี้เส้นทางที่วาดเอาไว้ในหัว กลับเลือนหายไปหมด
“เธอชื่ออะไร”
“คะ คาร่า”
“ที่รัก..” สเวนครางความหมายของชื่อในลำคอ แล้วรอยยิ้มมุมปากของเขาก็ปรากฏขึ้น แต่ทันใดนั้นเองสองเท้าที่ก้าวเดินเร็วต้องหยุดชะงักลง คาร่าที่เดินตามหลังมาชนเข้ากับแผ่นหลังของเขา
“จะหยุดก็บอกกันก่อนไม่ได้หรือไง”
“ฉันต้องไปแล้ว หันหลังแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ ตามถนนเส้นนี้ แล้วจะเจอที่พักของคุณ” สเวนพูดแค่นั้นก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าเข้าใกล้คาร่าประทับริมฝีปากลงบนหลังมือของเธอ “แล้วพบกันใหม่ คาร่า…” สเวนปล่อยมือของเธอแล้ววิ่งหายไปในฝูงชนที่เดินกันไปมามันช่างรวดเร็วนัก ในเวลาไม่ถึงนาทีเขาก็หายตัวไปอย่างกับว่าเขาสามารถล่องหนได้