บท
ตั้งค่า

๔ ปากพูดอย่างแต่ใจคิดอย่าง (๒)

“ไม่” ตอบเสียงแข็ง ไม่หันไปมองให้เสียสายตา

“เกลียดฉันมากเลยเหรอ มองหน้ากันก็ไม่ได้” เลี้ยวตามเส้นทางที่เคยมา และยังคงชวนเธอคุยไม่หยุด

“ใช่” ถึงจะรำคาญแต่ก็ยังตอบคำถามบางครั้ง และเป็นประโยคสั้นเพื่อให้เขารู้ว่าเธอไม่อยากเสวนาหรือต่อความให้ยาว

“จะประหยัดคำตอบไปหรือเปล่า เธอบอกให้ฉันเชื่อว่าไม่ได้ยุ่งกับคิรินฉันก็เชื่อแล้วไง” ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า พลอยบัวจึงหันมามองเขาเล็กน้อย อยากรู้ว่าเขียนฟ้ากำลังหลอกตนหรือเปล่า ทว่าพอโดนมองกลับก็รีบมองทางข้างหน้าทันที

ไม่อยากโดนจับได้ว่ากำลังมองเขา

“ฉันขอโทษที่เคยเข้าใจเธอผิด สัญญาว่าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม โอเคไหม” แทบไม่อยากเชื่อประโยคเหล่านี้จะออกจากปากเขียนฟ้า คนที่เจอหน้าครั้งแรกก็เสนอเงินให้หล่อนเพื่อเลิกยุ่งกับเพื่อนของเขา

แปลกจนต้องหันมามองอย่างค้นคว้า สงสัยว่ากำลังเล่นลูกไม้อะไรกับตนหรือเปล่า ทำไมถึงยอมเชื่อง่าย ทั้งที่เมื่อก่อนต้องบอกจนปากเปียกปากแฉะ

แต่ก็ถือว่ามีสมองมากกว่าเดิมล่ะนะ

“นี่...ฉันง้อแล้วนะ” หล่อนไม่ตอบอะไรเขาจึงย้ำให้พลอยบัวได้ทราบ

“ฉันไม่ได้งอนคุณสักหน่อย! ทำไมต้องใช้คำนั้นด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” คำว่าง้อทำเอาร่างบางต้องรีบโต้กลับ แก้มนุ่มเริ่มขึ้นสีเมื่อได้ยินอย่างนั้น

เธอคิดว่าคำว่าง้อไม่น่าจะใช้กับพวกเราได้ อย่างน้อยน่าจะเปลี่ยนเป็นขอโทษหรือรู้สึกผิดสิ

“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าเราเป็นอะไรกันเลย เธอคิดไปเอง” พอเห็นหล่อนโวยวายก็ยิ้มมีความสุข เหมือนว่าการได้ต่อปากต่อคำมันทำให้เขียนฟ้ามีชีวิตชีวา

“ก็คุณใช้คำว่าง้อ มันสำหรับคนเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือไง” ยังคงกอดอกเช่นเดิม และใบหน้าที่บูดบึ้งมากกว่าเก่า มองเขาคาดโทษแต่มีหรือที่ร่างสูงจะสนใจ ตอนนี้กำลังมีความสุขกับการได้หยอกล้อ

เส้นทางข้างหน้ายังอีกไกลกว่าจะถึงร้าน และดูเหมือนความเร็วของรถจะถูกลดลงจนคนนั่งไม่ได้สังเกต ราวกับเขาต้องการจะยื้อเวลา

“สถานะไหนก็ใช้ได้ หรือว่าเธออยากเป็นแฟนฉันเหรอ” ยิ่งฟังก็ทำได้เพียงอ้าปากเตรียมจะด่า ทว่าคิดคำพูดไม่ออก สุดท้ายหล่อนจึงทำได้แค่เม้มปากแน่นไม่โต้ตอบ ผินใบหน้าออกนอกหน้าต่างเพื่อมองวิวสองข้างทาง

เกลียดที่ต้องตกเป็นรอง แต่ก็แปลกที่เผลอใจเต้นไปกับคำพูดและแววตาที่ชายหนุ่มมองมา เหมือนมีบางอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนไป

และมันไม่ดีกับเธอสักเท่าไหร่

พอถึงร้านซักรีดเขาก็รอด้านนอกให้หญิงสาวเข้าไปจัดการทุกอย่างเอง เธอตรวจตราชุดอีกครั้งพร้อมถ่ายรูปเพื่อส่งไปรายงานคุณชมเดือน ไม่มีส่วนใดเสียหายก่อนแจ้งวันมารับชัดเจน เจ้าของร้านซักรีดน่าจะรู้จักเจ้านายตนเป็นอย่างดี รับคำเป็นมั่นเหมาะจนพอเบาใจได้บ้าง

หล่อนเดินออกมานอกร้านก็เห็นเขากำลังอุ้มลูกแมวตัวสีส้ม แล้วยิ้มให้มันอย่างอ่อนโยน ขาเรียวที่กำลังก้าวไปข้างหน้าหยุดชะงัก

ไม่รู้เพราะแสงแดดที่ส่องมากระทบ หรือรอยยิ้มของเขามันเจิดจ้าเกินไปทำให้ดวงตาของเธอพร่ามัวชั่วขณะ พลอยบัวต้องเรียกสติตนเองให้กลับมาอีกครั้งแล้วกระแอมสองสามที ร่างสูงจึงหันมามองพร้อมวางแมวตัวจ้อยลงบนพื้น

“เสร็จแล้วเหรอ” พยักหน้าแล้วรีบขึ้นบนรถ กลัวว่าเขาจะเห็นอาการของตนที่มันไม่ปกติ พอได้มานั่งบนรถก็ยกมือจับหัวใจที่เต้นแรง

เมื่อกี้...เธอเผลอมองเขาอีกแบบหรือเปล่า

ทำไมเหตุการณ์มันเกิดเร็วจนสลับอารมณ์ไม่ทัน วินาทีตกหลุมรักเป็นอย่างไรหล่อนก็เพิ่งได้ทราบ แต่คงไม่ใช่หรอก มันอาจเป็นเพราะแสงที่มากเกินไปจนทำให้เขาดูดีแค่ชั่วขณะ

พอมองตอนนี้...

พลอยบัวหันหน้าไปมองร่างสูงที่ขับรถออกจากร้านซักรีด เขาก็กลับกลายเป็นผู้ชายคนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ใช่แล้วบัว เรื่องที่เกิดเมื่อครู่เป็นแค่ภาพลวงเท่านั้นแหละ อาจเพราะเธอก็ชอบแมวเหมือนกัน พอเห็นเขาอุ้มมันเลยอยากเล่นด้วย

เรื่องมันก็มีแค่นั้นอย่าไปคิดอะไรมาก ยกยิ้มกับตนเองแล้วกุมมือที่วางไว้บนตัก ผินหน้ามองนอกหน้าต่างดูข้างทางไปเรื่อย จนเริ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าไม่ใช่เส้นทางกลับบริษัท

“คุณจะพาฉันไปไหน ฉันต้องกลับไปทำงาน” รีบหันไปบอกอย่างรวดเร็ว แต่เหมือนคนฟังจะไม่สนใจเท่าไหร่

“ฉันขอแม่แล้วว่าต้องการผู้ช่วย และเธอได้สิทธิ์นั้น” เขาคิดไปเองทั้งที่ไม่ถามความคิดเห็นของหล่อนสักคำ คนตัวเล็กกระวนกระวายยิ่งเห็นเส้นทางที่ไกลออกไปเรื่อย

“แต่ฉันไม่อยากไปกับคุณเข้าใจไหม ช่วยส่งฉันลงข้างทางด้วยค่ะ เดี๋ยวฉันหารถกลับเองได้” เห็นแท็กซี่ขับผ่านอยู่บ้าง คงไม่ยากถ้าจะโบกกลับบริษัท หญิงสาวแสดงเจตจำนงชัดเจน แต่กลับต้องปิดปากเงียบเพื่อเจอคำพูดที่ส่งผลต่อหัวใจ

“ฉันต้องการเธอ” เพียงแค่นั้นปากก็เผยอค้างอยู่อย่างนั้น หันมองเขาที่ยังคงขับรถไปข้างหน้าไม่ได้ลดความเร็วสักนิด และไม่ยอมหันมามองเธอด้วย

คำว่าต้องการของเขา หมายความว่ายังไงกัน

“เพราะฉะนั้นไปกับฉันและช่วยนั่งอย่างสงบจนกว่าถึงด้วยนะ” แล้วหลังจากนั้นหล่อนก็ไม่กล้าพูดอะไร เอาแต่จมอยู่กับความคิดของตนเอง

ถ้าเมื่อครู่ตาไม่ฟาดเห็นเขาแอบยิ้มมุมปากตอนพูดว่าต้องการเธอ มันหมายความว่าอย่างไร จะเป็นไปได้เหรอที่คนเกลียดกันจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยใช้เวลารวดเร็วขนาดนี้

เขาต้องเล่นตลกกับเธอแน่ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก

ไม่เด็ดขาด

ขับมาอีกจังหวัดก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางเป็นซอยแคบ แล้วจอดรถหน้าบ้านที่มีรั้วไม้สูงขึ้นล้อมรอบ เขาลงไปเปิดประตูค่อยกลับมานั่งประจำที่อีกครั้ง ขับเข้าไปในบ้านเรือนไทยหลังเก่า ที่เพิ่งซ่อมแซมด้วยการท่าสีให้เหมือนใหม่

เหมือนบ้านที่เคยเห็นในละครย้อนยุคเลย รอบข้างก็ปลูกต้นไม้เต็มไปหมด จนเธอคิดว่าตนเองหลงเข้าไปในอดีต

“นี่บ้านใคร คุณพาฉันมาทำไม” ปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนลงจากพาหนะเพื่อยืนมองสิ่งปลูกสร้างตรงหน้า

บ้านเรือนไทยยกสูงชั้นล่างโล่งโปร่ง มีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับรับแขก ทั้งยังแขวนเปลเอาไว้อีกต่างหาก ส่วนชั้นบนแยกสองฝั่งซ้ายขวา น่าจะเป็นเรือนนอนและนั่งรับประทานอาหารอย่างที่ตนเคยเห็นในละคร

“ก็บอกว่าต้องการผู้ช่วย เลยพามาทำงาน ฝากถือหน่อย” ปิดท้ายรถแล้วยื่นกล่องขนาดกลางมาให้เธอ ส่วนเขาถือไมค์บูมขนาดใหญ่ที่มักใช้ตามกองถ่าย หล่อนตาวาวเพราะจะได้เห็นการทำงานของผู้กำกับเสียง

เหมือนตนหลุดมาอีกโลกหนึ่ง ยอมถือของเดินตามเขาไปโดยไม่เกี่ยงงอน จากที่คิดว่าต้องขึ้นบนบ้านกลับกลายเป็นลัดเลาะไปด้านหลัง เห็นศาลาริมน้ำก็รู้ทันทีว่าต้องมาทำอะไร

“สวัสดีครับคุณเขียน ผมเตรียมของว่างมาให้ เชิญตามสบายเลยนะครับ” หันมองตามเสียงเห็นคุณลุงรูปร่างสมส่วนใส่ชุดไปรเวทเดินถือถาดขนมและเครื่องดื่มมาวางตรงโต๊ะยาว ซึ่งอยู่ระเบียงศาลาที่ยื่นออกไปยังคลองสีขุ่น

“ขอบคุณมากครับ” ค้อมศีรษะพลางเอ่ยอย่างจริงใจ คุณลุงจึงผละออกจากศาลาเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่คนทั้งสอง

หล่อนมองตามท่านก่อนหันมาหาเขียนฟ้าที่เริ่มติดตั้งสายไมค์บูม หล่อนวางกล่องไม้ลงบนพื้นแล้วมองทุกการกระทำของร่างสูง

“คุณจะมาอัดเสียงเหรอ” เป็นครั้งแรกที่พูดคุยกันด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่มีการหาเรื่องเหมือนที่ผ่านมา

คนตัวสูงพยักหน้าแล้วไปหยิบกล่องที่ให้หล่อนถือออกมาเปิด ซึ่งมันคือโต๊ะและเก้าอี้สำหรับปิคนิก สั่งทำเป็นพิเศษเพื่อให้ง่ายต่อการพกพา เธอเคยเห็นในอินเตอร์เน็ตบ้างแต่ไม่เคยคิดจะซื้อเพราะไม่มีเวลาว่างถึงขนาดไปกินลมชมวิวข้างนอก

ขนาดวันหยุดยังต้องหางานพิเศษทำเพื่อหายรายได้เข้าบ้าน เลิกฝันถึงการได้ไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ นานแล้ว

ถ้าไปล่าสุดก็ตอนที่โรงเรียนพาไปทัศนศึกษาตามอควาเรียม หรือศูนย์เรียนรู้เท่านั้น คิดแล้วก็เวทนาตนเอง

“ใช่ หนังเรื่องใหม่ที่ฉันรับผิดชอบมีฉากริมน้ำ เลยคิดว่าต้องใส่ซาวน์ไปสักหน่อย” กางเก้าอี้ที่พักออกให้หล่อนนั่งมองน้ำถนัด เพราะที่ศาลาเป็นม้านั่งตัวยาวที่ไม่ได้หันหน้าสู่คลอง

พวกเขาเลือกนั่งตรงระเบียงที่มีรั้วขึ้นกั้นรอบบริเวณ หญิงสาวนั่งบนเก้าอี้ซึ่งมีพนักพิงแล้วมองน้ำสีขุ่นที่มีพืชผักลอยมาตามคลื่น

“น้ำหรืออากาศมันมีเสียงหรือไงล่ะ” ถามขณะที่จ้องภาพเบื้องหน้า อากาศวันนี้ไม่ร้อนเท่าที่ควร หรือเป็นเพราะส่วนศาลามีร่มไม้ใหญ่คอยบังแดดก็ไม่ทราบ แต่มันทำให้หล่อนรู้สึกผ่อนคลายจนเผลอสูดลมหายใจรับอากาศบริสุทธิ์

เคยใช้ชีวิตเร่งรีบ พอได้มานั่งพักก็ทำให้ลดอาการเหนื่อยล้าได้เหมือนกัน นี่สินะที่เขาเรียกว่าธรรมชาติบำบัด

“มีสิ เธอไม่เคยได้ยินเวลาคลื่นซัด หรือลมพัดในละครเหรอ” นั่นสินะ...หล่อนก็ลืมนึกไปเสียสนิท

“ลองฟังดูสิ” เขาสวมหูฟังให้เธอโดยที่ไม่บอกก่อน เล่นเอาสะดุ้งจนต้องเหลียวมองคนข้างหลัง แต่กลับเป็นการกระทำที่ผิดเพราะเพียงแค่เห็นสายตาอ่อนโยนหล่อนก็มือสั่นจนทำอะไรไม่ถูก

พลอยบัวหันกลับมามองภาพเบื้องหน้าแล้วนั่งตัวตรงอยู่อย่างนั้น ยกมือขึ้นจับเฮดโฟนก่อนชะงักเมื่อได้ยินเสียงผืนน้ำชัดเจน

“ได้ยินใช่ไหม” กลายเป็นเขามานั่งคุกเข่าตรงหน้าหล่อน พลอยบัวชะงักก่อนขยับตัวออกห่างเล็กน้อย พยายามทำตัวปกติไม่ให้เขารู้ว่าตนเองเขินมากแค่ไหน ทั้งยังจิกขาจนแทบจะเป็นรอย

“อือ” พยักหน้าแล้วเสมองทางอื่น เขียนฟ้าในเวอร์ชั่นนี้รับมือยากจนไม่อาจทนมองหน้าได้เลย

“เสียงหัวใจของฉันน่ะ” เขาพูดเบาจนแทบไม่ได้ยิน มีเพียงรูปปากที่ขยับทำให้หล่อนขมวดคิ้วแล้วถามกลับ

“หะ คุณว่ายังไงนะ” ถามย้ำอีกรอบทั้งที่ยังใส่หูฟัง เพราะเสียงคลื่นไม่ได้ดังจนรบกวน เธอได้ยินเขาชัดแถมยังเห็นหน้าใกล้เหมือนภาพโคลสอัพอีกต่างหาก

“เสียงคลื่นเพราะไหม” เปลี่ยนรูปประโยคและหล่อนก็ไม่ได้สนใจว่าจะเป็นคำถามเดียวกันหรือเปล่า หล่อนพยักหน้าแล้วหลับตาลงเพื่อให้พ้นจากดวงตาหวานที่อีกฝ่ายส่งให้

เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ทำเหมือนจะจีบหล่อน เมื่อก่อนด่ากันทุกประโยคแล้วเหตุใดถึงพลิกหน้าเป็นหลัง

สับสนจนไม่ได้ฟังเสียงคลื่นที่ดังก้องหู

ส่วนร่างสูงก็ลุกจากตรงหน้าหล่อนมานั่งข้างกัน หยิบน้ำมาดื่มดับกระหายพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เหลียวมองพลอยบัวแววตาอ่อนแสง

แทบไม่เปลี่ยนจากเมื่อก่อนสักนิด น่าเสียดายที่เธอจำพี่ชายคนนี้ไม่ได้...

กลับมาคอนโดมิเนียมเขาก็ผิวปากอย่างมีความสุข นั่งอยู่บ้านเรือนไทยกว่าสองชั่วโมงเพื่ออัดเสียงจนได้ตามที่ต้องการ ค่อยไปส่งหล่อนอยู่บริษัทของมารดาแล้วตรงไปยังบริษัทของตนเอง

ยอมรับว่าอารมณ์ดีกว่าทุกวัน แถมยังยิ้มแย้มทักทายจนคนในทีมงงเป็นไก่ตาแตก สงสัยว่าเจ้านายของตนไปกินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

กำลังจะไปอาบน้ำก็มีคนมาเคาะประตูซะก่อน มองนาฬิกาแล้วสงสัยว่าใครมาหาเวลานี้ แต่ถ้าผ่านขึ้นมาข้างบนได้ก็น่าจะเป็นเพื่อนสนิท ไม่คิรินก็คงเป็นเปลวเพลิง

จึงเดินไปเปิดประตูต้อนรับ สิ่งแรกที่เห็นคือกล่องเบียร์หกกระป๋องพร้อมของกินเล่นที่เพื่อนสนิทถือมาด้วย เขาถอนหายใจทันทีคิดว่าคืนนี้คงไม่ได้นอน

“ปาร์ตี้กันเพื่อน” คิรินบอกพลางฉีกยิ้ม เจ้าของห้องทำได้เพียงพยักหน้าเพราะไล่กลับก็คงไม่ทันแล้ว

“มีเรื่องอะไรอีกล่ะ” มาแนวนี้คงไม่พ้นมาปรึกษาเรื่องหัวใจ และถ้าเขาทายไม่ผิดเห็นจะมีแค่คนเดียวที่วนเวียนอยู่ในใจของอีกฝ่าย

“ฉันลืมบัวไม่ได้” ถอนหายใจเมื่อฟังจบ

จะแปลกอะไรที่คิรินลืมไม่ได้ ขนาดเขาที่ไม่เจอหล่อนมาหลายปียังลืมไม่ได้เลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel