๔ ปากพูดอย่างแต่ใจคิดอย่าง (๑)
๔
ปากพูดอย่างแต่ใจคิดอย่าง
“คิดว่าฉันจะจูบเธอหรือไง” หลับตาอยู่นานก่อนจะลืมขึ้นเมื่อทุกอย่างยังคงสงบเช่นเดิม มองใบหน้าคมที่ห่างเพียงคืบ เห็นชัดเจนว่าเขากำลังยกยิ้มเยาะเย้ยเธอที่เผลอคิดไปไกล ทั้งที่ชายหนุ่มยังไม่ทันได้ทำอะไรสักอย่าง
โกรธจนมือสั่นไม่คิดว่าจะถูกล้อเล่นเช่นนี้ หมายจะยกมือเพื่อตบหน้าหล่อแต่เขาก็รู้ทันรีบคว้ามือเล็กเอาไว้แล้วบีบจนเธอเจ็บ
“เล่นทีเผลอไม่ดีเลยนะ สงสัยคงโกรธที่ฉันไม่ทำอะไรสักที” จากที่เคยโกรธกลับกลายเป็นอยากเย้าแหย่ ยามเห็นใบหน้าบึ้งตึงของหล่อนมันทำให้เลือดลมไหวเวียนดี มีความสุขอย่างน่าประหลาด
หรือเขาเป็นพวกมาโซคิสชอบเสพติดความรุนแรง
ไม่นะ...เหมือนจะเป็นแค่กับพลอยบัวคนเดียว
“ปากเสีย ไปหาวิธีเอาหมาออกจากปากบ้างนะ” โมโหจนต้องหาเรื่องมาด่า หล่อนพยายามดึงมือตนเองออกแต่เขาก็จับไว้แน่น แถมยังไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ แผ่นหลังบางติดผนังโดยมีคนตัวสูงกักกันเอาไว้
“ไม่เอาล่ะ ฉันชอบเลี้ยงไว้เยอะๆ เวลาเจอคนแบบเธอจะได้ปล่อยให้มันทำงาน” พอคิดจะเหยียบเท้าอีกฝ่ายกลับเอาออกอย่างรวดเร็ว ตอนนี้หล่อนเหมือนอับจนหนทาง ทำได้เพียงจ้องหน้าเขียนฟ้าอยากกัดไหล่หนาให้จมเขี้ยว
ซึ่งไม่สามารถทำได้เพราะชายหนุ่มไม่เปิดโอกาส แถมไม่ยอมปล่อยจึงทำได้แค่จ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น
“ปล่อย ฉันบอกให้ปล่อย” มืออีกข้างที่คิดจะยกมาผลักร่างหนาก็ถูกจับไว้เช่นเดียวกัน เพราะตัวเล็กกว่าจึงไม่อาจสู้ได้
“สัญญากับฉันมาก่อนว่าเธอจะไม่ไปยุ่งกับคิริน” ต้องได้ยินชื่อผู้ชายคนนี้บ่อยมากแค่ไหน เจอหน้ากันทีไรชายหนุ่มเป็นต้องพูดเรื่องนี้ทุกทีจนน่ารำคาญ
“ต้องให้ฉันบอกอีกกี่ครั้งว่าไม่ได้ยุ่งกับเขาแล้ว ทำไมคุณไม่เชื่อกันบ้างฮะ ฉันไม่เคยคิดจะเป็นชู้กับใคร ฉันเองก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ ไปบอกเพื่อนคุณไม่ให้ยุ่งกับฉันเถอะ” อาจดูมั่นใจในหน้าตาของตนมากเกินไป แต่หล่อนก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ตนเองหน้าตาดีได้
เพียงแค่ไม่อยากคบใครเป็นแฟนเพราะแทบไม่มีเวลาให้เขา หล่อนทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น กลับบ้านก็ต้องการพักผ่อนไม่ค่อยมีอารมณ์อยากหวานแหววกับใคร จึงได้ครองตัวเป็นโสดมาตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปี
แฟนคนแรกไม่มี รักครั้งแรกก็ไม่มี...
เพิ่งเคยเจอการถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สามเนี่ยแหละ ทั้งที่ความจริงตนไม่เคยให้ท่าหรือชม้อยตาใส่คิรินสักครั้ง แบ่งเส้นชัดเจนและบอกเขาเสมอว่าเป็นแค่เจ้านายลูกน้อง
“อือ ฉันจะยอมเชื่อเธอก็ได้” พูดจบแทนที่จะปล่อยหล่อนให้เป็นอิสระ เขากลับเผลอลดสายตาจ้องริมฝีปากสีเชอร์รี่อย่างหลงใหล เล่นเอาร่างบางทำตัวไม่ถูก หล่อนเม้มปากเข้าหากันก่อนปล่อยยามเงยหน้าขึ้นสบตาคนตรงข้าม
“เชื่อก็ปล่อยสักทีสิ จะมาจับไว้ทำไมนักหนา” ดิ้นอีกครั้งเพื่อให้พ้นพันธนาการ แต่เหมือนเขาจะไม่ยอมปล่อยหล่อนเป็นอิสระ กลับโน้มหน้าลงมาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว ลมหายใจร้อนรดใบหน้าขณะที่ริมฝีปากกำลังจะแตะกันประตูก็ถูกเปิด
“พวกผมกลับมาแล้ว ซื้อของกิน...เอ่อ ออกไปไอ้เวร รีบออกไปเลยมึง” เพื่อนร่วมงานเดินถือถุงอาหารเข้ามาในห้องหวังชวนเจ้านายที่นับถือกันเป็นพี่น้องมาร่วมวงกินข้าวข้างนอก แต่กลับต้องเบิกตากว้างกับภาพที่เห็น
รีบหันไปไล่คนที่กำลังเดินตามมาอย่างรวดเร็ว แล้วปิดประตูเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับคนทั้งสอง เล่นเอาพลอยบัวอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
เพี๊ยะ
“ทุเรศที่สุด คุณทำแบบนี้เพื่อต้องการให้ฉันอับอายใช่ไหม คงสมใจคุณแล้วสินะ” ตบจนหน้าหันตามความโกรธ แล้วรีบเดินออกจากห้องไม่ฟังคนที่กำลังจะอธิบาย ร่างหนาเรียกตามทว่าไม่ทันเสียแล้ว จึงทำได้เพียงถอนหายใจ
“เดี๋ยว ไม่ใช่ เฮ้อ ฉันทำเพราะอยากจูบต่างหาก” พึมพำเสียงเบายามนึกถึงพลอยบัว
ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่อยู่ห่างเพียงคืบ เกือบได้สัมผัสกลับต้องหักห้ามใจตัวเองเอาไว้อย่างหนัก ไม่เช่นนั้นคงได้ปล้ำจูบหล่อนให้สมกับความร้อนรุ่มที่สุมอยู่ในอก
เธอคงจำเขาไม่ได้ แต่เขาไม่เคยลืมเธอเลย...
“บ้าเอ๊ย ไอ้ผู้ชายเฮงซวย” เช็ดปากแม้จะยังไม่ถูกสัมผัส หล่อนอยากร้องไห้ที่ถูกหยามหน้าเช่นนี้ จากที่เกลียดอยู่แล้วยิ่งไม่ชอบเข้าไปอีก
หล่อนเดินหน้าบึ้งกลับบริษัทไม่ยอมพูดจากับใคร จะไม่ยอมมาเหยียบที่นี่อีกเป็นอันขาด ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่ยอม!
หน้าที่ของพลอยบัวแตกต่างในแต่ละวัน เธอลาออกจากงานอื่นเพื่อมาทำงานให้คุณชมเดือนอย่างเดียว บางวันก็เลิกไม่เป็นเวลาอยู่ถึงค่ำมืด ต้องโทรบอกมารดาทุกครั้งเพื่อถามอาการป่วย เห็นว่าท่านเริ่มแข็งแรงก็เบาใจได้บ้าง
“บัว ฉันฝากเอาชุดไปส่งซักหน่อยนะ ที่ร้านประจำ” พลอยบัวได้ทำทุกหน้าที่ตามแต่เจ้านายจะสั่ง และหล่อนก็เต็มใจเป็นอย่างยิ่ง
คุณชมเดือนไม่มีนางแบบในสังกัด เน้นหาตามโมเดลลิ่งทว่าหญิงสาวเป็นกรณีพิเศษ ทั้งอยากช่วยจากการตกงาน และตอกกลับรวีรำไพที่เข้าข้างคนรักผู้ชอบฉวยโอกาสกับคนที่ฐานะด้อยกว่า โชคดีที่เธอหลุดพ้นจากคนแบบนั้นมาได้
“ได้ค่ะ” ตอบรับด้วยความเต็มใจแล้วผละมือจากงานที่กำลังทำ
“อ้อ ฉันให้คนรถรออยู่ข้างล่างแล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าแท็กซี่” ระหว่างที่หล่อนกำลังจะออกจากห้องท่านก็หันมาบอก หญิงสาวค้อมศีรษะพร้อมเอ่ยอย่างจริงใจ
“ขอบคุณนะคะ” สาวเท้าลงมาข้างล่างพร้อมถือชุดที่ตัดเรียบร้อยไปให้ร้านซักรีดเจ้าประจำ ชุดแต่งงานถูกสั่งตัดพิเศษเพราะเป็นคนรู้จักของคุณชมเดือน ทั้งที่ปกติท่านไม่รับตัดชุดแต่งงานเกรงว่าจะไม่ถูกใจลูกค้า
แต่เจ้าสาวผู้นี้น่าจะสำคัญมากพอสมควร ถึงได้ใช้เวลากว่าห้าวันในการออกแบบและตัดจนเป็นที่พึงพอใจเจ้าของชุด
ลงมาข้างล่างก็เห็นรถยนต์ที่จอดคอยท่าอยู่ข้างหน้า ใบหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างกำลังจะทักทายคนขับที่ยืนหันหลังให้ตนเอง จังหวะจะอ้าปากเอื้อนเอ่ยเขาก็หันหน้ามาพอดี รอยยิ้มหวานค้างเติ่ง ก่อนปิดปากลงอย่างรวดเร็ว
คนขับรถที่คุณชมเดือนบอก คือเขียนฟ้าเหรอ
“ทำไมเป็นคุณ” ชะงักเมื่อเห็นเขาส่งยิ้มมาให้ ทั้งที่หล่อนกำลังหน้าบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์ ถ้าเป็นแบบนี้ยอมเสียเงินค่าแท็กซี่ดีกว่า
อุตส่าห์ไม่เจอหน้าหลายวัน แต่กลายเป็นต้องมีเหตุให้พบ งานกำกับเสียงว่างมากหรือไงเขาถึงได้ร่อนเร่ไปมาเหมือนผีไม่มีศาล
ยิ่งคิดถึงเรื่องล่าสุดที่ถูกกระทำก็โมโหอยากตรงเข้าไปข่วนหน้า ถ้าไม่ติดว่าต้องถือชุดหนักหลายกิโลคงได้ชกหน้าชายหนุ่มอีกสักหมัดให้หายแค้น
“แล้วทำไมจะเป็นฉันไม่ได้” ลอยหน้าลอยตาถามกลับ ยิ่งเหมือนโยนฟืนเข้ากองไฟ พลอยบัวทำเพียงกำมือแน่นแล้วเดินไปทางอื่นจนเขาต้องรีบวิ่งตามมาคว้าแขนเล็กเอาไว้
“นี่ จะไปไหน” ก้มมองแขนที่ถูกจับไว้ ก่อนเงยหน้าสบตาเขา
“ฉันจะเรียกแท็กซี่ ฉันไม่สะดวกใจจะไปกับคุณ” ตอบอย่างที่คิด เพราะตอนนี้หล่อนไม่อยากเห็นหน้าเขามากที่สุด ปากบอกไม่ชอบไหนจะเกลียดเธอเข้ากระดูกดำ แต่การกระทำของเขียนฟ้าตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัด
น่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก
“ไม่ทันแล้วล่ะ เพราะฉันจะไปกับเธอ” จูงกึ่งลากร่างบางกลับมายังรถยนต์ แล้วเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ คว้าชุดเจ้าสาวมาถือไว้ค่อยจ้องคนตรงข้ามที่มองหาเรื่องไม่ลดละ
“ฉันบอกว่าไม่ไปกับคุณไง” พอหล่อนจะลงก็ถูกสกัดกั้นไว้เสียก่อน สองสายตามองกันไม่มีหลบ และเขาก็เป็นคนโน้มหน้าลงมาใกล้พร้อมกล่าวในสิ่งที่เธอเองก็หวาดกลัวเช่นเดียวกัน
“ถ้าเธอลงมาฉันจะจับจูบโชว์ชาวบ้านให้เขารู้ว่าเรารักกันปานจะกลืนกิน” พลอยบัวได้แต่เข่นเคี้ยวอยู่ในใจไม่กล้าทำอะไรมาก เชื่อว่าเขาคงไม่พูดเล่นแน่
หล่อนยกมือขึ้นกอดอกแล้วนั่งประจำที่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง ฝ่ายชายจึงปิดประตูเบามือ ค่อยนำชุดเจ้าสาวไปแขวนไว้ด้านหลัง แล้วอ้อมมาประจำฝั่งคนขับ ก่อนสตาร์ทรถไม่ลืมหันมองร่างบางซึ่งนั่งเงียบไม่พูดจาสักคำ
“คาดเข็มขัดสิ หรือจะให้ฉันทำ..” พอจะเอื้อมไปคาดให้เธอก็รีบจัดการตนเอง รักษาสีหน้าเรียบเฉยแต่แววตาวาววับอย่างคนโกรธจัด
เขียนฟ้าไม่พูดอะไรอีกนอกจากทำหน้าที่สารถี รู้จักร้านซักรีดเจ้าประจำของแม่เป็นอย่างดีจึงไม่ต้องการจีพีเอสนำทาง ระหว่างขับก็เหลียวมองคนข้างกาย ยังเห็นหล่อนนั่งหลังตรงกอดอกคอเชิดทำเอารู้สึกเหนื่อยแทน
“ไม่เมื่อยหรือไงนั่งนิ่งขนาดนั้น” อดจะเย้าไม่ได้ ช่วงก่อนหน้าเขาทำงานหนักเพราะต้องกำกับเสียงภาพยนตร์สองเรื่อง แทบไม่ได้กลับไปนอนที่คอนโด อาศัยอยู่บริษัททั้งวันทั้งคืน ดีที่มีคนคอยส่งข้าวส่งน้ำ ไม่อย่างนั้นโรคกระเพาะได้กำเริบแน่