บท
ตั้งค่า

๓ เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง (๒)

“เป็นแฟนเก่าเหรอ” เห็นลูกชายท่ามากไม่ยอมตอบสักทีเลยสันนิษฐาน

ร่างหนารีบส่ายหน้าพลางทำตาโต ไม่คิดว่าท่านจะเอ่ยคำนี้ออกมาด้วยซ้ำ มันใกล้เคียงความจริงที่ไหน เขาเพิ่งเจอหล่อนอีกครั้งเพราะต้องไปจัดการเรื่องของคิริน

“ไม่ใช่แล้วแม่ แฟนผมมีใครบ้างแม่ก็น่าจะรู้” พอมีกันสองคนก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องความรัก เวลามีแฟนก็มักจะบอกแม่เสมอ ท่านก็เช่นกันยามมีคนมาจีบก็ต้องถามลูกชาย ถึงไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันแต่การจะให้ใครมาเป็นพ่อต้องผ่านความเห็นชอบจากลูกเสียก่อน

“รู้สิจ๊ะ แฟนลูกมีน้อยแต่กิ๊กน่ะมีเป็นร้อย” เย้าอย่างอารมณ์ดีจนเขาต้องส่ายศีรษะกับคำพูดกึ่งเล่นกึ่งจริงของแม่

“แม่ก็เกินไป ผมไม่ใช่ขุนแผนสักหน่อย” บอกปัดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ เขาให้ลูกน้องในทีมทำงานกันเอง แล้วค่อยไปตรวจตราความเรียบร้อยอีกรอบ

“แล้วตกลงกับหนูพลอยบัวว่ายังไง จะมาทำหน้าขู่เหมือนจะกัดน้องทุกรอบไม่ได้นะ นอกจากเป็นนางแบบแม่ยังให้น้องมาเป็นผู้ช่วยอีกด้วย” ดูจากสถานการณ์วันนี้แม่เขาปลื้มหญิงสาวอยู่ไม่น้อย ซึ่งเขียนฟ้าไม่เข้าใจว่าเสน่ห์ส่วนไหนของหล่อนไปเตะตาท่านเข้า

“ผมไม่ชอบ เขาทำให้เคนกับแฟนทะเลาะกัน” ชื่อของเพื่อนสนิทลูกชายถูกเอ่ยออกมา แน่นอนว่าคุณชมเดือนรู้จักเป็นอย่างดี เขียนฟ้ามีเพื่อนไม่ค่อยเยอะ ที่สนิทกันมากก็มีแค่คิรินกับเปลวเพลิง ซึ่งมาเล่นอยู่บ้านบ่อยครั้ง

“หือ หมายถึงเป็นมือที่สามเหรอ ไหนบอกว่าเคนกับแฟนกำลังจะแต่งงานกันไง” จำได้ล่าสุดที่เขียนฟ้าเล่าให้ฟังว่าเพื่อนสนิทกำลังจะสละโสด

“ใช่ครับแม่ เพราะเรื่องนี้แหละผมก็เลยต้องไปเคลียร์ให้ แต่เธอก็บอกว่าไม่ได้ชอบไอ้เคน เหอะ โกหกหน้าตาเฉย เพื่อนผมทั้งให้เงินแสน ซื้อของไปประเคน ตอนนี้จะซื้อคอนโดให้อีกต่างหาก คงได้ไปเยอะ” คำพูดล้วนมีแต่อคติจนท่านเผลอขมวดคิ้วยามฟัง คิดตามแล้ววิเคราะห์ท่าทางภายนอกของคนที่เพิ่งเจอ

พลอยบัวไม่มีแววตาของความกระหายเงิน และเป็นผู้หญิงตรงพอสมควร ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าทำร้ายลูกค้าที่มาแต๊ะอั๋งหรอก บางทีเขียนฟ้าอาจจะมองตื้นเขินเกินไป

“แต่น้องเขาก็ไม่ใช่คนที่จะโกหกนะ แม่ว่าต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่” พยายามเกลี่ยกล่อมแต่ดูท่าจะยาก เหมือนร่างสูงจะตัดสินใจไปแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนเช่นไร แถมยังจำฝังใจเสียด้วย

“ไม่ผิดหรอกครับ ผมเห็นมากับตาได้ยินกับหู ผู้หญิงคนนั้นร้ายลึก” โยนผ้าขนหนูผืนเล็กลงตะกร้าแล้วเปิดแม็คบุ๊กที่อยู่บนโต๊ะเพื่อทำงาน

“เก่งจริงนะเรื่องผู้หญิง แต่แม่ก็มั่นใจว่ามองคนไม่ผิด เอาล่ะ แม่ไม่คุยด้วยแล้วไปทำงานต่อดีกว่า” เข้าใจเรื่องกระจ่างจึงลุกจากเตียงกว้างพลางมองคนที่นั่งอยู่หน้าจอคอม สองแม่ลูกบ้างานพอกันแต่จะต่างตรงที่คนอายุน้อยกว่าแทบจะจมอยู่กับมันจนลืมวันลืมคืน

“แม่ไม่กินข้าวเหรอ” เงยหน้ามามอง เห็นว่าคุณชมเดือนส่ายหน้าพลางแต้มยิ้มที่มุมปาก

“แม่เรียบร้อยมาจากที่ทำงานแล้ว กินข้าวคนเดียวได้ใช่ไหม” หยอกแกมเย้าจนเขาต้องถอนหายใจ ไม่รู้ต้องย้ำอีกกี่รอบว่าตนโตแล้วไม่ใช่เด็กที่ต้องมีผู้ปกครองนั่งเฝ้าเวลารับประทานอาหาร

“อยู่คอนโดผมก็กินคนเดียว” ท่านหัวเราะที่ได้หยอกลูกชาย ค่อยออกจากห้องปล่อยเขียนฟ้าให้อยู่คนเดียว

พอทั้งห้องเหลือเพียงตนก็เอนหลังพิงพนัก เหม่อมองจอสี่เหลี่ยมที่ฉายภาพนางแบบของวันนี้ ยังต้องแต่งภาพให้มารดาและคาดว่าต้องจ้องใบหน้าหวานหลายชั่วโมง

ดวงตากลมมีประกายสดใส เธอฉีกยิ้มกว้างให้กล้องจนเห็นฟันเรียงตัวสวย ผมยาวปลิวตามแรงลมไปด้านหลัง ชุดพลิ้วไหวน่าสวมใส่ในฤดูร้อน มองจากภาพหล่อนสวยสะดุดตา ไม่แปลกที่คิรินจะชอบจนอยากเลิกกับแฟนเก่า

แต่ทำไมต้องเป็นเธอ

ทำไมล่ะพลอยบัว...

หล่อนมาทำงานที่ Little Star ได้สองสัปดาห์และมีความสุขมาก นอกจากการเป็นนางแบบให้คอลเลคชั่นล่าสุด ยังพ่วงตำแหน่งผู้ช่วยของคุณชมเดือน ซึ่งหน้าที่ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากจัดเอกสาร พิมพ์เอกสารแยกไว้อย่างเป็นระเบียบ บางทีก็ไปช่วยดูผ้าที่โรงงานซึ่งสั่งทำโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้เนื้อผ้าและลวดลายตามที่ต้องการ

ต่อมาคือเริ่มเรียนรู้การออกแบบเสื้อผ้า จะเรียกว่าเป็นผู้ช่วยก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะท่านมีเลขานุการประจำตัวอยู่แล้ว หล่อนก็แค่ช่วยหยิบจับในบางเรื่องเท่านั้น

“พี่เมย์ไม่อยู่เหรอ” ระหว่างที่เธอกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการแต่งกายยุค70 เพื่อเป็นคอลเลคชั่นพิเศษสำหรับคนสูงวัยก็ต้องเงยหน้ามามองเจ้านายที่เพิ่งลงมาจากชั้นสาม แล้วเปิดประตูเข้ามาที่ห้องพักผ่อนซึ่งอยู่ชั้นสอง

เพราะตำแหน่งของหญิงสาวไม่ตายตัว เธอจึงบอกว่าไม่ต้องการโต๊ะนั่งประจำ คุณชมเดือนจึงซื้อแม็คบุ๊กสำหรับทำงานให้เป็นพิเศษ

“ป้าเมย์บอกว่าเหมือนจะไม่สบายเลยขอตัวกลับก่อนค่ะ” คนอายุมากกว่าทำหน้าเคร่งเมื่อได้ยินอย่างนั้น ทำเอาพลอยบัวเครียดไปด้วยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า

“ถ้างั้นบัวว่างใช่ไหม” มองดูแล้วตอนนี้ไม่มีใครพอจะว่างสักคน จึงถามหล่อนด้วยแววตาที่เต็มประกายด้วยความหวัง

“ค่ะ” งานที่ให้หาก็ใกล้เสร็จแล้ว เหลือเพียงปริ้นออกมาแล้วทำเป็นสตอรี่บอร์ด เพื่อเข้าห้องประชุมและออกแบบร่าง เหมือนเธอได้เรียนรู้อีกทักษะหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างไกลตัวพอสมควร

ใครจะคิดว่าผู้หญิงธรรมดาอย่างหล่อนจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเสื้อผ้าชั้นนำ ต้องขอบคุณพรหมลิขิตที่ทำให้เจอกับคุณชมเดือนวันนั้น

“ฉันฝากเอาข้าวไปส่งให้เขียนทีนะ ส่วนที่อยู่จะส่งให้ทางไลน์ ตอนนี้ฉันต้องไปดูสถานที่สำหรับจัดแฟชั่นโชว์ รบกวนหน่อยนะบัว”

“เอ่อ ค่ะ ได้ค่ะ” สั่งจบก็วางถุงอาหารไว้ที่โต๊ะกลาง แล้วรีบรับโทรศัพท์พลางพูดคุยอย่างเร่งรีบ ไม่รอฟังคำตอบของหล่อนด้วยซ้ำ ทำเอาร่างบางถึงกับถอนหายใจแล้วมองอาหารตรงหน้าด้วยสายตาอาวรณ์

เสียงข้อความจากโทรศัพท์ดัง เธอจึงหยิบมาเปิดดูพบว่าเป็นสถานที่ทำงานของเขียนฟ้า อุตส่าห์สบายใจที่ไม่พบชายหนุ่มหลายวัน แต่กลายเป็นต้องไปส่งอาหารให้ถึงที่

เหมือนอ้อยเข้าปากช้าง ไม่รู้จะรอดกลับมาครบสามสิบสองหรือเปล่า

“เฮ้อ ไปก็ไป” ปิดโน้ตบุ๊กแล้วหยิบกระเป๋ามาสะพาย ไม่ลืมถือถุงอาหารออกมาด้วย ใบหน้าไม่ใคร่จะยินดีเท่าไหร่ อยากไหว้วานคนอื่นก็ไม่กล้าเพราะดูเหมือนจะยุ่งกันหมด เธอจำต้องเดินไปหน้าปากซอยแล้วขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อไปยังบริษัทของเขา

เพิ่งรู้ว่าชายหนุ่มเป็นผู้กำกับเสียง ทำงานในสตูดิโอซึ่งเป็นตึกเช่าขนาดสามสิบสองชั้น คงรวยพอสมควรถึงซื้อทั้งชั้นเพื่อทำงานได้

“ไปชั้นสิบสองค่ะ” ยื่นบัตรพนักงานบริษัทตนเองให้ประชาสัมพันธ์ หล่อนจึงพยักหน้ารับทราบเพราะคุณชมเดือนบอกไว้อยู่แล้วว่าจะมีคนมาส่งอาหารให้ลูกชายทุกเที่ยง

เขียนฟ้าเคยไม่กินข้าวจนเป็นโรคกระเพาะต้องเข้าโรงพยาบาล พอหายก็ยังไม่ยอมกินข้าวให้ตรงเวลาเหมือนเดิม ทำให้มารดาต้องคอยจัดการโดยการไหว้วานคนในบริษัทมาส่งข้าวส่งน้ำทุกเที่ยง ซึ่งปกติเป็นหน้าที่ของป้าเมย์ ทว่าวันนี้แกไม่อยู่ภาระจึงตกเป็นของพลอยบัวไปโดยปริยาย

“เชิญค่ะ” ผายมือไปยังที่แสกนบัตร ไม่คิดว่าจะได้มาตึกใหญ่ใจกลางเมือง ปกติเคยแค่นั่งรถผ่าน พอวันนี้ได้เข้ามาถึงข้างในก็ตื่นตาตื่นใจ เผลอมองโดยรอบที่ชั้นหนึ่งเป็นห้องโถงโออ่า มีพื้นที่ร้านอาหารและร้านกาแฟเรียงกันเป็นระเบียบ

จนแอบสงสัยว่าแค่ลงลิฟต์มาหาข้าวกินเองสำหรับเขามันยากนักหรือไง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมากนอกจากเข้าไปในลิฟต์แล้วกดชั้นที่ต้องการ ช่วงเที่ยงคนเยอะก็อาจจะแออัดกับผู้คนหน่อย แต่เพราะเธอขึ้นไปชั้นบนจึงค่อนข้างสบาย มีผู้ร่วมทางแค่สองสามคนเท่านั้น

มาถึงชั้นสิบสองก็รีบก้าวออกมา ทางเดินทอดยาวก่อนจะเขียนป้ายด้านหน้าเป็นชื่อบริษัทซาวน์อเมซิ่ง จำกัด (Sound Amazing.co.,ltd) อาจเพราะไม่ได้อยู่ในแวดวงบันเทิงจึงไม่รู้จักมาก่อน ช่างเป็นชื่อที่สั้นกระชับได้ใจความ ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก

ทั้งชั้นแต่งด้วยโทนสีเข้ม และเหมือนห้องบุด้วยผนังอย่างดี น่าจะเก็บเสียงได้ประมาณหนึ่ง พอผ่านประตูมาได้ก็เห็นห้องโถงขนาดเล็กสำหรับนั่งคุยงาน แบ่งโซนห้องออกเป็นห้องประชุม ห้องรับแขกและมีโต๊ะพนักงานเพียงสองถึงสามที่เท่านั้น

“แล้วเขาอยู่ห้องไหน” เกาศีรษะพลางสอดส่ายสายตา ก่อนจะปะทะเข้ากับประตูสีทึบที่เขียนว่า Sound1 และข้างกันคือ Sound2

“ลองดูแล้วกัน” เธอเลือกเข้าห้องหมายเลขสองก่อนและพบว่าเป็นเพียงห้องอัดเสียงที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน จึงเบนสายตามายังห้องหนึ่ง

ก่อนอื่นก็เคาะประตูแต่กลับไม่มีใครตอบรับ จึงหมุนลูกบิดที่ไม่ได้ล็อคเพื่อมองข้างใน เห็นร่างสูงกำลังนั่งมองจอขนาดใหญ่และใส่หูฟังไว้ สีหน้าเขาดูตั้งใจมากต่างจากตอนที่เห็นยามปกติ จนคนมาใหม่เผลอมองอย่างหลงใหล

ให้พูดตามความจริงเขียนฟ้าเป็นคนหล่อที่หาตัวจับยาก ใส่เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นก็มีเสน่ห์ แต่เพราะการพูดจาขวานผ่าซากทำลายความหล่อเหลาจนหมดสิ้น

“แม่คุณฝากฉันเอาอาหารมาให้” สะดุ้งทันทีเมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองชื่นชมคู่อริ ต้องรีบเตือนสติอย่าหลงไปกับรูปลักษณ์ภายนอก

จึงเดินเข้าไปใกล้แล้วใช้ถุงอาหารตีเข้าที่ไหล่ เล่นเอาร่างหนารีบหันมามองพลางถอดหูฟังออก ขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อพบว่าคนมาส่งข้าวไม่ใช่ป้าเมย์ แต่กลับเป็นคนที่เขาไม่ชอบหน้าอย่างพลอยบัว

“คุณชมให้ฉันเอาข้าวมาส่ง เป็นเด็กหรือไงหากินเองไม่ได้ต้องยุ่งยากคนอื่น” คำทักทายก็เจ็บแสบพอกัน ไม่รู้ทำไมถึงได้ชอบต่อปากต่อคำกับเขานัก อาจเพราะแววตาหยิ่งยโสและท่าทางไม่เป็นมิตร จนเธออยากเห็นวันที่เขาต้องขอร้องอ้อนวอนตนเองบ้าง

แต่มันคงไม่มีวันนั้นหรอก

“ฉันขอร้องเธอเหรอ ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” หยิบถุงอาหารมาถือไว้ แล้วหยิบรีโมทมากดหยุดหนังที่กำลังฉาย เขียนฟ้าต้องตรวจเสียงอีกรอบว่าตรงตามเนื้อเรื่องไหม ก่อนส่งไปให้ลูกค้าเพื่อเช็คความเรียบร้อย

“ฉันก็ไม่อยากมานักหรอก คิดว่าฉันอยากเจอหน้าคุณนักหรือไงล่ะ” แค่เห็นก็สะอิดสะเอียนจะแย่

ท่าทางและน้ำเสียงของเธอทำให้คนฟังไม่ชอบใจ เจอหน้ากันทีไรไม่เคยเห็นหล่อนยิ้มให้สักครั้ง ไม่ชวนทะเลาะก็คอยหาเรื่อง

แต่ก็เข้าใจได้เพราะเขาเองเป็นฝ่ายหาเรื่องหญิงสาวก่อน มันช่วยไม่ได้นี่น่า พวกชอบเป็นชู้ใครจะอยากดีด้วย

“อ้อ ฉันไม่ใช่คิรินที่เธอจะหลอกเอาเงินได้ตามใจ ก็เลยไม่อยากมาเพราะกลัวฉันรู้ทันใช่ไหม” จากที่คิดจะหันหลังกลับพอโดนวาจาถากถางจึงต้องหันมาเรียกร้องความยุติธรรมให้ตนเอง บอกเขานับครั้งไม่ถ้วนแต่ชายหนุ่มกลับไม่จำอะไรสักอย่าง

“นี่ เมื่อไหร่จะเลิกคิดเองเออเองแบบนี้สักที บอกไปล้านรอบแล้วว่าฉันกับคุณคิรินไม่มีอะไรในกอไผ่ ต้องให้ย้ำอีกกี่รอบ สมองฝ่อหรือไงถึงคิดวิเคราะห์ไม่ได้” จ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง

“ฉันเชื่อสิ่งที่ตาเห็น”

“ไม่น่าล่ะ เลยมีความคิดต่ำแบบนี้” เขียนฟ้าหน้าตึงก่อนต้อนหล่อนเข้ามุมแล้วกักขังไว้ด้วยสองแขน

พลอยบัวรู้แล้วว่าตนเองไม่ปลอดภัย เหมือนกำลังเข้าถ้ำเสือโดยไม่มีอาวุธป้องกันตัวสักอย่าง

“แล้วอยากรู้ไหมว่าคนที่มีความคิดต่ำ การกระทำมันจะต่ำได้แค่ไหน” พูดไม่ทันขาดคำใบหน้าคมก็โน้มลงมาใกล้อย่างรวดเร็ว

เธอเผลอสูดลมหายใจแล้วหลับตาแน่น...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel