๕ มีความสุขเวลาอยู่ด้วยกัน (๑)
๕
มีความสุขเวลาอยู่ด้วยกัน
เทอาหารและกับแกล้มใส่จานโดยนั่งดื่มกันที่ระเบียงห้อง เพราะแขกแสนพิเศษอยากชื่นชมบรรยากาศเมืองหลวงยามค่ำคืน ลำบากเขียนฟ้าต้องมานั่งเป็นเพื่อนแล้วฟังอีกฝ่ายระบายความทุกข์ใจที่เกิดขึ้นขณะนี้
“ฉันไม่ได้รักเบลแล้วนายเข้าใจใช่ไหม ที่ยื้อมาจนใกล้แต่งงานก็เพราะพ่อแม่ไม่ยอมให้เลิก แต่ใจของฉัน ใจฉันมันหมดแล้ว ไม่มีเลยสักนิด” ดื่มเบียร์อึกใหญ่พลางพูดระบายให้เพื่อนสนิทฟัง และเขาก็ทำเพียงพยักหน้าตามเรื่อง ไม่ได้พูดต่อความกับคนที่เริ่มเมา
สำหรับเขียนฟ้าถ้าหมดรักก็คงบอกตามตรง ไม่ขอแต่งงานตามความต้องการของครอบครัวหรอก อีกอย่างแม่เขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบบังคับลูกด้วย ท่านคงตามใจถ้าลูกชอบใครก็ชอบด้วย
“แต่กับบัวมันต่างออกไป ฉันเจอเขาครั้งแรกฉันก็ตกหลุมรักเขาเลย ฉันคิดว่าเขาคือคนที่ใช่” ร่างหนาทำเพียงฟังแล้วหยิบเบียร์มาดื่มจนหมดกระป๋อง
“แต่เขามาในเวลาที่ไม่ใช่ไง นายก็ควรจะตัดใจ” หยิบถั่วเข้าปาก มองวิวเบื้องหน้าและรถราสัญจรยามตกดึก
แปลกที่ภาพมันกลับตาลปัตร บนฟ้าไม่มีดาวส่องประกาย เห็นเพียงจันทร์เสี้ยวอยู่อย่างโดดเดี่ยว ทว่าพอมองลงเบื้องล่าง กลับเห็นแสงไฟส่องยาวตลอดเส้นทาง ตามร้านรวงข้างทางหรือห้างสรรพสินค้าก็ยังคงใช้ไฟ
คิรินทิ้งกระป๋องเบียร์ที่ดื่มจนหมดลงถังขยะ แล้วหยิบอันใหม่ขึ้นมาดื่ม คิดว่าวันนี้คงต้องนอนห้องของเขา ให้ขับรถกลับเองก็กลัวจะไม่ถึงบ้าน
โทรศัพท์ของคนเมาวางไว้บนโต๊ะกลาง เห็นแสงสว่างหลายรอบและเป็นข้อความจากแฟนสาวอย่างเฌอเบล ทว่าเขาไม่คิดจะสนใจสักนิด
คนมันหมดใจแล้ว ทำอย่างไรก็ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรอก
“ใครมันจะไปทำได้ เชื่อไหมว่าเขาชอบฉันเหมือนกันแต่เพราะเรื่องของเบลทำให้เราไม่ได้รักกันสักที” ขมวดคิ้วตั้งแต่ได้ยินประโยคแรก เขาไม่ได้เข้าข้างเพื่อนจนต้องเห็นดีเห็นงามไปเสียหมด ยิ่งช่วงหลังพอฟังคิรินเยอะกลับรู้สึกทะแม่ง
อาจเพราะเขาได้ทำความรู้จักพลอยบัว และหญิงสาวไม่มีท่าทีจะรักตอบ แถมยังยืนยันชัดเจนจนเขียนฟ้าค่อนข้างเชื่อ
“วันที่แม่เขาป่วยฉันอยู่กับเขาตลอด ฉันเป็นกำลังใจให้เขา โอบกอดเขาเอาไว้ด้วยความรัก เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวเลยว่าไหม” ไม่คิดว่าคิรินจะเพ้อหนักถึงขั้นนี้ เผลอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วถามกลับไม่ให้มีพิรุธ
“แม่เขาป่วยเหรอ” ข้อมูลเรื่องของพลอยบัวที่เขาหามาได้มันช่างน้อยนิด รู้เพียงชื่อจริงพร้อมนามสกุลเท่านั้น ขนาดวันไปเจอยังต้องดักรอตรงป้ายรถเมล์เลย
“อือ แม่เขาผ่าตัดลิ้นหัวใจ ฉันเลยคิดแผนรั้งเขาไว้..อึก ออกไงล่ะ” หันมองคิรินที่เริ่มโงนเงน สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะดื่มแอลกอฮอล์ไปเยอะพอสมควร ก่อนหน้าที่จะมาห้องเขาก็ได้กลิ่นเหล้าออกจากตัวเพื่อนสนิท
เขาสงสัยว่าเพราะเหตุใดเพื่อจึงเป็นได้มากเช่นนี้
“แผนอะไร”
“ก็จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่เขา บัวจะได้ติดหนี้ฉันไง” ฟังจบเขาก็แทบทนไม่ไหวอยากคว้าคอเสื้อของคนเมาแล้วชกสักหมัดให้ตื่น ทว่าเลือกจะกำมือแน่นแล้วมองหน้าคิรินเหมือนเป็นคนแปลกหน้า ราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
บางทีเขาอาจจะผิดที่ตราหน้าพลอยบัวเป็นมือที่สาม เพราะเป็นเพื่อนเขาเองดันเข้าไปยุ่งกับหล่อน โดยไม่เคลียร์กับคนเก่าก่อน
“นายบ้าหรือเปล่า เอาเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่น” ขึ้นเสียงใส่คนเมา แต่คิรินไม่สนใจเอาแต่พึมพำอยู่อย่างนั้นจนน่าโมโห
เขียนฟ้าคิดว่าคงต้องมองเพื่อนของตนใหม่แล้ว เหมือนเขาไม่รู้จักอีกฝ่ายเลย แทบไม่เชื่อที่เอาเรื่องความเจ็บป่วยเพื่อรั้งผู้หญิงคนหนึ่งไว้ มันไม่น่าใช่ความคิดของคนปกติ
“ฉันรักบัว ฉันมั่นใจว่าเขาก็รักฉัน” ยกมือกุมขมับแล้วคลึงเบาๆ อย่างปวดหัว กับพาณิภัทรก็ดูรักกันดี เพิ่งมาเปลี่ยนไปตอนเจอพลอยบัว พาลให้เขาคิดว่าหล่อนคือต้นเหตุ
ทว่านั่นไม่ใช่เหตุผลแท้จริงที่ร่างหนาไปพบหล่อน มันเป็นการตัดสินใจที่บ้ามากกับการยื่นเงินกว่าแสนบาทเพื่อให้ผู้หญิงคนนั้นเลิกยุ่งกับเพื่อน
เพราะเขาเองก็ชอบเธอเหมือนกัน...
งานของหล่อนไม่ค่อยตายตัว บางครั้งก็ต้องมาเป็นแบบลองให้คุณชมเดือน หรือหาข้อมูลเสื้อผ้าในแต่ละสมัยเพื่อวางแผนคอลเลคชั่นหน้า อีกไม่กี่วันเจ้านายก็ต้องบินไปต่างประเทศคุยเรื่องการเปิดร้านอยู่นั่น ซึ่งท่านเลือกอิตาลีเพราะมีคนรู้จัก สามารถให้ช่วยดูแลในช่วงแรกได้
หลังจากลองชุดเรียบร้อยก็ออกมาช่วยดูแลเรื่องการเลือกผ้า และออกแบบลายของผ้าเพื่อเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบรนด์
“บัว ฉันฝากลงไปเอาของข้างล่างหน่อยสิ” คุณชมเดือนเข้ามาหาหล่อน พลางไหว้วานเพราะตอนนี้ตนงานยุ่ง ร่างบางรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วลงไปข้างล่างโดยทิ้งของใช้ส่วนตัวไว้ที่โต๊ะ คิดว่าไม่นานก็คงได้กลับขึ้นมา
ไม่รู้ว่าความจริงหล่อนต้องตะลอนอยู่ข้างนอกทั้งวัน
“คุณอีกแล้วเหรอ” ไม่เจอเขากว่าห้าวันแต่ร่างสูงกลับมาปรากฏตัวตรงหน้า เขียนฟ้ายืนพิงรถยนต์อยู่ในชุดไปรเวทที่แสนสบายเหมือนจะไปทะเล
คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจที่ต้องเจอชายหนุ่มตลอด ถึงครั้งล่าสุดที่พบหน้ากันเขาจะต่างจากวันแรกมากก็ตาม หล่อนยังไม่ค่อยไว้ใจอยู่ดี
“ไหนล่ะคะของที่คุณชมให้มาเอา” เลิกสนใจคนตรงหน้าแล้วถามเรื่องธุระ แต่ดูเหมือนคำตอบของเขาจะทำให้หล่อนมีน้ำโห
“ไม่มีหรอก” ตอบหน้าตายทั้งยังดูไม่ยี่หระ มือหนาล้วงกระเป๋าแล้วมองคนตรงหน้าไม่ขลาดสายตา ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร
ยิ่งเห็นหล่อนทำหน้าอึ้งก็เผลอยกยิ้มมุมปากอย่างนึกเอ็นดู มันก็เป็นแค่ข้ออ้างที่บอกมารดาเพื่อเข้าหาพลอยบัวเท่านั้นเอง เขาคงนิสัยเสียที่ใช้ข้ออ้างเรื่องงานเพื่อต้องการมาเห็นหน้าเธอ
“หา หมายความว่ายังไง” สับสนยิ่งกว่าเดิมซะอีก แต่ก็เผลอก้าวถอยหลังเมื่อร่างหนาย่างสามขุมเข้าใกล้ ก่อนคว้าแขนหล่อนเอาไว้ไม่ให้หนี
“ฉันแค่โกหกแม่เพราะอยากให้เธอลงมาหา” คนตัวเล็กถึงกับพูดอะไรไม่ออก กำลังจะอ้าปากด่าทว่าสมองเบลอชั่วขณะ
รู้สึกร้อนที่ใบหน้ากับดวงตาคมที่จ้องมอง ไม่โดนจีบซึ่งหน้าแบบนี้นานแล้ว กับคิรินถึงชายหนุ่มจะพูดจาหวานแต่มันก็มีกำแพงหนากั้นเพราะเขามีคนรัก
ส่วนเขียนฟ้านั้นต่างออกไป หล่อนรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะกับคำพูดของเขา
ไม่สิ...บางครั้งแค่ดวงตาคู่คมจ้องมาก็ทำให้ลมหายใจสะดุด มันอันตรายเกินไปถ้ายังอยู่ใกล้กัน จึงพยายามบิดแขนให้เป็นอิสระ มือเขาร้อนผ่าวจนกายของหล่อนร้อนไปด้วย
และมันกำลังไหลไปทั่วร่างคล้ายคนจะเป็นไข้
“เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ว่างมากนักหรือไง” แสร้งดุเพื่อให้หลุดพ้นจากเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน หล่อนพยายามปลดมือเขาออกจะได้เข้าบริษัท ถ้ายังยืนอยู่ตรงนี้ต้องเผลอแสดงอาการให้เขาเห็นว่าตนกำลังจะตกหลุมพรางเป็นแน่
“อือ ว่าง ว่างจนพาเธอหนีได้ ป่ะ ไปเล่นซ่อนแอบกันดีกว่า” จูงกึ่งลากหล่อนมาที่รถยนต์ของตน แม้พลอยบัวจะพยายามขืนตัวไว้แค่ไหนก็ตาม
“นี่คุณ ปล่อยฉันนะ นี่มันเวลางานของฉัน ปล่อยเดี๋ยวนี้” มองซ้ายขวาเพื่อหาคนช่วย แต่ไม่มีใครผ่านเข้ามาในซอย หล่อนจึงต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยการพยายามสะบัดให้เขาหลุด
แต่เขากลับยัดเธอเข้าไปในรถยนต์ โดยทำการคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยแม้หล่อนจะดิ้นเป็นกุ้งเต้นก็ตาม
“เวลางานของเธอหมดลงแล้ว เป็นนางแบบก็แค่ลองเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ งานอื่นช่างมันเถอะ ถ้ามีปัญหากับแม่เดี๋ยวฉันจัดการให้เอง ตอนนี้รีบไปก่อนคิรินจะมา” พอได้ยินชื่อของผู้ชายอีกคนก็ทำให้ร่างบางนั่งนิ่ง เชื่อเขาสนิทใจไม่คิดหนีอีก
ไม่เจอคิรินมาหลายวันแต่ก็ได้รับข้อความจากอีกฝ่ายตลอด เธอพยายามโอนเงินคืนให้เขาเพื่อจะได้หมดหนี้สิน ไม่ต้องการให้คนอื่นเข้าใจว่าตนอยากจับอีกฝ่าย ถึงจะถูกทั้งเพื่อนสนิทและแฟนของชายหนุ่มเข้าใจผิดก็ตาม
พาหนะถูกขับออกจากหน้าบริษัทลิตเติ้ล สตาร์ โดยมีสายตาของหญิงวัยกลางคนมองตามพลางส่ายศีรษะอ่อนใจกับลูกชาย ดูท่าตนจะได้ลูกสะใภ้แล้วล่ะ...
ระหว่างทางเธอก็เอาแต่นั่งกอดอกพลางมองออกข้างนอก ลมจากเครื่องปรับอากาศเย็นกำลังพอดีจนเผลอสัปหงกหลายรอบ แล้วรีบเบิกตากว้างพลางสะกดจิตตัวเองไม่ให้หลับ เพราะไม่รู้เขาจะเอาหล่อนไปต้มยำทำแกงที่ไหน
“ง่วงก็นอนไปเถอะ ฉันไม่พาเธอไปขายหรอกน่า” หันมองหลายรอบก็นึกสงสาร จึงต้องบอกให้เธอหลับแต่ร่างบางก็พยายามฝืนตัวเองไว้
“ไม่ ฉันไม่ได้ง่วงสักหน่อย” พูดจบก็ตั้งใจมองทางข้างหน้า แต่ไม่ถึงห้านาทีหญิงสาวก็ผล็อยหลับจนคนขับรถอดส่ายหน้าอย่างระอาปนเอ็นดูไม่ได้ เขาพยายามตั้งใจขับรถแต่ดวงตาก็มักเหลือบมองคนข้างกายเสมอ
ไม่อยากเชื่อว่าจะโคจรมาพบหล่อนอีกครั้ง หลังห่างหายไปนานหลายปี และเป็นเพียงเขาคนเดียวที่ยังคิดถึงพลอยบัว เพราะเธอคงไม่รู้จักพี่ชายคนนี้ด้วยซ้ำ
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เธอก็ไม่ทราบเพราะนอนมาตลอดทาง จนมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อพาหนะจอดนิ่งสนิท ค่อยผุดลุกแล้วลูบผมตัวเองแสร้งทำเหมือนไม่ได้หลับ ยกมือขึ้นเช็คมุมปากว่านอนน้ำลายไหลไหม เผลออ้าปากน่าเกลียดหรือเปล่า
กระทั่งมองทิวทัศน์ข้างนอกเห็นบ้านสองชั้นติดริมทะเลตั้งโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ดวงตาเบิกกว้างรีบเปิดประตูลงไปแต่ก็โดนเข็มขัดรั้งเอาไว้
“ระวังหน่อย” พอจะหันมาปลดก็เป็นเจ้าของรถที่บริการทุกอย่าง
ดวงหน้านวลแดงปลั่งเมื่อมองเขาใกล้จนเห็นแพขนตา ต้องยอมรับว่าเขียนฟ้าเป็นคนหน้าตาดีมากจนเสียดายที่เขาไม่เข้าวงการบันเทิง ใบหน้าเนียนดูก็รู้ว่ารักษาดีแค่ไหน หล่อนมองต่ำจนจ้องริมฝีปากของเขา มันไม่ได้ดำคล้ำจึงคิดว่าเขียนฟ้าคงไม่ใช่คนชอบสูบบุหรี่
ไม่รู้เหตุใดจึงต้องสำรวจเขาขนาดนี้ แต่กว่าจะรู้ตัวก็ทำเอาคนถูกมองคิดไปไกลซะแล้ว
“อยากจูบฉันเหรอ ได้เลยนะฉันพร้อมเสมอ” คำพูดเจ้าเล่ห์ทำให้หล่อนต้องรีบมองตาเขา ก่อนผละออกอย่างรวดเร็ว
“บ้าเหรอ ใครจะอยากจูบคุณกัน ประสาท” เจอด่าแต่กลับยิ้มมีความสุข มองตามร่างบางที่เดินแกมวิ่งไปยังหาดทราย
ส่วนตนก็หยิบของหลังรถเข้าบ้าน โดยเขาโทรมาบอกป้าแม่บ้านให้ความสะอาดไว้คอยท่าแล้ว ใกล้มื้อเที่ยงคงต้องทำอาหารกินเอง ราคาอาหารแถวนี้แพงพอสมควร
พลอยบัวไม่เคยสัมผัสน้ำทะเลมาก่อน หล่อนถอดรองเท้าแล้วเดินริมหาดให้คลื่นสาดซัด รอยยิ้มประดับริมฝีปากแล้วรีบถ่ายรูปเอาไว้ทันที มือเล็กสัมผัสน้ำเย็นก่อนวิ่งอย่างมีความสุข เธอชอบทะเล ชอบฟังเสียงคลื่น กางแขนรับสายลม ย่ำเท้าลงบนหาดทราย
หันกลับมามองบ้านที่ตั้งตระหง่านเพียงลำพัง ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นบ้านของเขา รั้วอ้อมเอาไว้ทำให้รู้อาณาเขต ส่วนหาดก็ไม่รู้ว่าเป็นของที่สาธารณะหรือเปล่า
ว่าแต่...เขียนฟ้าอยู่ไหน
เล่นสนุกจนลืมมองเขา คิดได้ดังนั้นจึงรีบวิ่งไปยังรถ เห็นประตูหน้าบ้านเปิดถึงได้เดินเข้าไปข้างใน ล้างเท้าที่ก๊อกน้ำด้านหน้าก่อนเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์เดินในบ้าน
บ้านสองชั้นด้านบนเป็นไม้ด้านล่างเป็นปูน เฟอร์นิเจอร์และผ้าม่านเน้นโทนขาวสะอาด เข้ามาข้างในเป็นห้องรับรองมีโทรทัศน์จอใหญ่ตั้งเอาไว้ตรงข้ามโซฟารูปตัวแอล หน้าต่างเป็นทรงบานสูงและตั้งต้นไม้เอาไว้ แต่ดูจากสายตาน่าจะเป็นต้นไม้ปลอม
ติดกันนั้นเป็นห้องเล่นเกมเพราะมีโต๊ะพูลและเกมชนิดต่างๆ ตั้งเอาไว้ ส่วนตรงกันข้ามคือห้องรับประทานอาหาร โต๊ะยาวและเก้าอี้เกือบสิบตัว เธอจึงเดินไปทางขวาแล้วเจอห้องครัวที่อยู่ติดกัน
ไม่อยากเชื่อว่าจะเห็นเขียนฟ้าสวมผ้ากันเปื้อนสีหวานกำลังขะมักเขม้นในการล้างอาหารทะเล ที่หล่อนก็ไม่ทราบว่าเขาซื้อมาตอนไหน
“เธอไปนั่งรอเลยก็ได้ เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องอาหารเอง” หันมาเห็นร่างบางกำลังมองก็รีบบอก ไม่อยากให้หญิงสาวต้องเหนื่อยทั้งที่ความจริงหล่อนยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง
“ทำเป็นเหรอ” ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ท่าทางของเขาไม่เหมือนพ่อบ้านพ่อเรือน แต่พอดูวิธีการล้างอย่างคล่องแคล่วก็ต้องเชื่อ