๑ ค่าตัวกี่บาท (๒)
ถ้าไม่ติดที่ต้องรีบทำงานคงต้องขอสั่งสอนผู้ชายคนนั้นสักฉาดแล้วล่ะ หน้าตาอวดดีแถมยังมองหล่อนเหมือนเป็นเศษขยะมันรบกวนจิตใจเหลือเกิน
อีกอย่าง...คับคล้ายคับคลาว่าเคยเจอเขาที่ไหน แต่ก็จำไม่ได้เหมือนกัน
“โอ๊ย พวกคนรวยขี้งกแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า ถ้าจะจ้างก็น่าจะให้สมน้ำสมเนื้อกับหน้าตาสะสวยของแกหน่อย สักสองสามล้านว่าไปอย่าง” ส่ายหน้าแล้วกลับมาหยิบตะเกียบพลิกหมูที่อยู่บนเตาย่างอย่างชำนาญ
“ไอ้บ้า ฉันไม่เอาหรอก” ไม่อยากรับเงินใครมาสุ่มสี่สุ่มห้า ลำพังต้องจ่ายเงินคืนคิรินก็ไม่รู้ชาตินี้ใช้หมดเมื่อไหร่ ถึงฝ่ายชายจะบอกไม่ต้องการเงินคืนแต่เธอก็กังวลว่ามันอาจเป็นหนี้บุญคุณกัน เขาอาจใช้ข้ออ้างนี้มาบังคับเธอก็ได้
รีบชดใช้ให้มันหมดจะได้ไม่ต้องติดค้าง แค่นี้เพื่อนของเขาก็ตามมาราวีหล่อน ไม่อยากคิดว่าถ้าแฟนของคิรินรู้เรื่องจะเป็นอย่างไร
คุยกันอีกพักใหญ่แล้วค่อยแยกย้ายกลับบ้าน พลอยบัวต้องนั่งรถเมล์ซึ่งรอหลายชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านเช่าแถมต้องเดินเข้าซอย ยังดีที่ไม่เปลี่ยวและมีเสาไฟติดตามข้างทาง หล่อนจึงเดินทอดน่องแล้วเปิดรั้วเข้าไปข้างใน
เพิ่งย้ายจากบ้านเช่าติดริมน้ำที่เริ่มพุพังมาเป็นบ้านแถบชานเมืองที่สะดวกสบายกว่าเดิม อัยยาเป็นคนแนะนำทั้งยังช่วยต่อรองราคาจนน่าพึงพอใจ ถึงจะเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ก็มีพื้นที่กว้างขวางพอควร เจ้าของบ้านย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดจึงเปิดให้คนมาเช่า ขอแค่ไม่ทำลายสวนที่ท่านลงทุนดูแลอย่างดีก็พอ
แม่ของเธอชอบมารดน้ำต้นไม้และดอกไม้หน้าบ้านเสมอ แต่วันนี้เห็นเพียงแสงไฟเปิดสว่างด้านหน้า คาดว่าท่านคงดูโทรทัศน์อยู่ข้างใน จึงเปิดประตูบ้านแล้วปิดลงเสียงเบา
“แม่..บัวบอกแล้วไงว่าไม่ให้ทำงานหนัก” วางกระเป๋าลงแล้วมองหญิงวัยกลางคนที่นั่งถักกระเป๋าอยู่หน้าทีวี เปิดละครหลังข่าวดูอย่างสนุกสนานพร้อมทำงานไปด้วย
“หนักอะไรกัน นี่งานอดิเรกของแม่ ไม่ได้ทำอะไรหนักเลย” เห็นอย่างนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก หล่อนมองรอบบ้านที่สะอาดสะอ้าน คงเป็นมารดาจัดการอีกตามเคย
ก่อนท่านจะเป็นโรคหัวใจก็ทำอาหารไปขายตามตลาด มีลูกค้าติดใจมากมายขายหมดในครึ่งวัน แต่พอเริ่มป่วยก็ทำอะไรไม่ได้มาก จึงหันมาทำไก่ทอดกรอบไปขายตามหน้าโรงเรียนโดยมีลูกสาวคอยช่วยเหลือ
คุณพนัสนันท์ เจริญพงษ์ป่วยออดๆ แอดๆ มาเรื่อยจนเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น หมดเงินไปกับการรักษาเพื่อให้ท่านหาย แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนกลับเป็นหนักถึงขั้นต้องเข้าผ่าตัด หญิงสาวหาเงินหัวหมุนเพื่อจ่ายค่ารักษา และคิรินก็หยิบยื่นโอกาสให้แก่หล่อน
มันคือหนี้บุญคุณที่มาพร้อมผลประโยชน์แอบแฝง ไม่รู้วันไหนเขาจะทวงจึงต้องรีบหามาคืนโดยเร็ว
“ไปหาอัยมาเหรอ เพื่อนว่ายังไงบ้างล่ะ” เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่มแล้วนั่งลงข้างแม่ มองละครที่ฉายบนจอ มีแต่คนพูดถึงเรื่องนี้เพราะได้ดาราดังอย่างพันดาราประกบคู่นักแสดงรุ่นน้องดาวรุ่งนับอนันต์ แค่เห็นชื่อนักแสดงนำคนก็เปิดดูทันที แถมเนื้อเรื่องยังสนุกชวนติดตาม แม่เธอเลยติดเป็นตังเม ทุกวันจันทร์อังคารต้องเฝ้าหน้าทีวีตลอด
“อัยหางานให้อีกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้บัวต้องไปสัมภาษณ์ จะได้เงินเพิ่มแล้วนะแม่” พวกเธอยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ถึงหล่อนไม่ค่อยบอกรักแต่คุณพนัสนันท์ก็รับรู้ได้ว่าลูกสาวคนนี้รักตนมากเพียงใด
“พักผ่อนบ้างนะ อย่าโหมงานหนัก แม่มีลูกสาวแค่คนเดียว” วางมือจากงานที่ทำแล้วยกมือขึ้นลูบศีรษะมน
“รู้แล้วน่า บัวก็มีแม่คนเดียวเหมือนกัน รอก่อนนะแม่ อีกไม่นานบัวจะทำให้แม่ใช้ชีวิตสุขสบายนอนบนกองเงินกองทองเลยดีไหม” เป็นความฝันอันสูงสุดที่ไม่รู้จะทำได้เมื่อไหร่ แต่เธอยังหวังให้มันเป็นจริงในเร็ววันอยู่ดี
“จะทำยังไงล่ะ”
“ต้องเริ่มจาก...ซื้อหวย” หัวเราะเสียงสดใส ลงท้ายที่หวยซึ่งเป็นทางลัดสู่ความรวยของคนจน ไม่รู้ว่าโชคจะเป็นของหล่อนเมื่อไหร่ ซื้อทีไรไม่เคยถูกสักที
โดนกินอยู่ร่ำไป...
พลอยบัวผละไปอาบน้ำแล้วเข้าห้องนอน ถึงเป็นบ้านชั้นเดียวแต่ก็มีสามห้องพวกเธอจึงแยกกันนอนคนละห้องเพื่อความเป็นส่วนตัว พอหัวถึงหมอนก็หลับทันทีเพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องไปผจญกับชีวิตแสนวุ่นวายในเมืองหลวงอีก
ถ้าวันไหนเธอรวยจะนอนอยู่บ้านทั้งวันเลยคอยดูสิ ให้สมกับที่ไม่ได้พักแม้กระทั่งวันหยุด
การสัมภาษณ์งานผ่านพ้นไปด้วยดี หญิงสาวดีใจมากเมื่อเห็นว่ายอดเงินกำลังจะเพิ่มขึ้นและเธออาจจะใช้เวลาไม่ถึงสามปีก็จ่ายเงินที่ยืมคิรินจนหมด
รีบเดินแกมวิ่งเพื่อกลับไปทำงาน เธอบอกทางร้านว่าขอไปสายจึงต้องเร่งฝีเท้าสักหน่อย พอถึงร้านอาหารก็เปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมสำหรับการทำหน้าที่ ใบหน้ายิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหาร
“เธอใช่ไหมที่ชื่อพลอยบัว” จังหวะที่ก้มศีรษะเพื่อทักทายลูกค้าก็มีหญิงสาวแต่งตัวดีเข้ามาถาม ใบหน้าสวยบึ้งตึง ดวงตาจ้องเขม็งราวกับต้องการจะฆ่าแกงกัน
เริ่มรับรู้ถึงลางร้ายแต่ก็พยายามยิ้มแย้มไม่ให้ผิดสังเกต ลอบมองคนตรงหน้าและพยายามนึกว่ารู้จักหญิงผู้นี้หรือไม่ แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมากี่ท่านคะ ร้านเรา..” ตอนนี้โต๊ะเริ่มว่างจึงสอดส่ายตาว่าอีกฝ่ายมากับใคร เห็นมากับเพื่อนจึงรีบเชิญเข้าไปข้างใน ทว่าสิ่งที่ได้รับทำให้ถึงกับพูดไม่ออก แถมยังเรียกสายตานับสิบคู่หันมามองด้วยความสนใจ
เพี๊ยะ
ใบหน้าหวานหันตามแรงตบ ถึงกับหน้าชาแม้แรงที่ปะทะหน้าจะไม่มาก แต่เพราะอับอายเกินกว่าจะพูดอะไรออกไป ทั้งรับรู้ว่าตนกำลังตกเป็นเป้าสนใจจากผู้คนรอบข้าง กระทั่งผู้จัดการร้านที่รีบวิ่งเข้ามาเพื่อห้ามปราม
“ถ้าอยากขายตัวก็ไปหาผู้ชายคนอื่น อย่ามายุ่งกับแฟนฉัน”
อ้อ...ผู้หญิงคนนี้สินะแฟนของคิริน
เค้นยิ้มอย่างสมเพชทั้งตัวเองคนตรงข้าม หล่อนบอกหลายครั้งว่าไม่เคยไปยั่วยวนชายหนุ่มหรือต้องการให้ใครมาเลี้ยงดู มีสองมือสองขาสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งตนเอง ทว่าเหมือนไม่มีคนเชื่อและปักใจไปแล้วว่าเธอต้องการเงินของเขา
เพราะเกิดมาจนเหรอถึงคิดว่าต้องไปขอเงินคนอื่นเสมอ คำถามนี้เกิดขึ้นในใจหลายครั้ง นึกอดสูในชะตาชีวิตของตน ขนาดเลือกไม่ยุ่งเกี่ยวกับชายคนไหน มุ่งมั่นเรียนและทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ยังไม่วายเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ของคู่รัก
“คุณผู้หญิงคนเข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันไม่เคยเข้าไปยุ่งกับแฟนของใคร ถ้ามีอะไรข้องใจไว้รอหลังฉันทำงานเสร็จเราค่อยคุยกันดีไหมคะ” ตั้งสติแล้วเจรจาไกล่เกลี่ย หล่อนกลัวว่างานนี้จะหลุดจากมือถ้ายังปล่อยแฟนของคิรินระรานหน้าร้าน
แต่ถ้าไม่ใช่สถานที่ทำงานสาบานได้เลยว่าคนอย่างพลอยบัวไม่ปล่อยให้คนที่ทำร้ายตนลอยนวลไปได้หรอก
“ไม่ ฉันจะประจานแกให้ทุกคนรู้ว่าชอบแย่งแฟนชาวบ้าน เขากำลังจะแต่งงานกับฉันก็ยังเข้ามาเป็นมือที่สาม หน้าด้านไร้ยางอายสิ้นดี” คนเริ่มมามุงพร้อมถ่ายคลิปเอาไว้ มือเล็กกำเข้ากันทั้งยังจิกแน่น คำพูดเหล่านั้นคงทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเธอเป็นคนผิดเรียบร้อย
“คุณผู้หญิงคะ ดิฉันว่าเราเข้าไปคุยกันหลังร้านดีไหมคะ” ผู้จัดการเข้ามาช่วยเหลือ ทว่าไม่อาจทำให้ไฟที่สุมในทรวงของคนถูกแฟนนอกใจมอดดับลงได้
“ทำไมฉันต้องไปด้วย ฉันจะมาที่ร้านทุกวันจนกว่าคุณจะไล่มันออก อย่าหวังว่าจะอยู่อย่างสงบสุขเลย” สะบัดหน้าแล้วเดินออกจากจุดเกิดเหตุ คนรอบข้างจึงรีบสลายตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้คนโดนกระทำเป็นแผลที่ใจ
เพียงแค่เงยหน้ามองเจ้านายก็รับรู้ถึงความอันตรายบางอย่าง หญิงสาวเม้มปากแน่นคิดว่าชะตากรรมของตนคงลงเอยที่...
ถูกไล่ออก
เก็บกระเป๋ากลับบ้านอย่างเจ็บแค้นที่ถูกผู้หญิงของคิรินตามรังควานถึงที่ทำงาน ซึ่งหล่อนไม่ใช่คนทำผิดและระหว่างพวกเขาก็ไม่เคยมีเรื่องเกินเลยเกิดขึ้นสักครั้ง เธอยังเจียมตนไม่คิดอาจเอื้อมไปมองเครื่องบินที่อยู่บนฟ้า
ทว่าเหมือนจะมีแต่เรื่องเข้าหาไม่หยุดหย่อน ทั้งเพื่อนของเขามาหาเพื่อเสนอเงิน ไหนจะแฟนของคิรินตามมาตบถึงหน้าร้านอาหารสร้างประเด็นร้อนไปทั่วห้างสรรพสินค้า
“เอาวะ ยังเหลืออีกตั้งสองงาน แค่นี้อย่าไปยอมแพ้สิ” เรียกขวัญกำลังใจให้แก่ตนเอง ถือซะว่าวันนี้กลับบ้านเร็วกว่าปกติล่ะกัน
เสียงโทรศัพท์ดังจนหล่อนต้องหยิบออกจากกระเป๋าเพื่อเช็คว่าใครเป็นคนโทรมา แต่พอเห็นชื่อก็รีบวางสายอย่างรวดเร็วด้วยความโมโห แฟนของเขาเพิ่งสร้างเรื่อง ฝ่ายชายก็ติดต่อมาทันที
มันน่าโมโหเสียจริง
“ตอนไหนจะใช้หนี้หมดสักทีเนี่ย” พึมพำอย่างคนหมดหนทาง แต่ก็ต้องเร่งฝีเท้าเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้านให้ทันคันที่กำลังจะออก
เธอเครียดกับการใช้ชีวิตมากกว่าเรื่องเป็นมือที่สามอีก เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปหล่อนใช้ชีวิตปกติสุข แต่ก็ยังแค้นที่ตนถูกไล่ออกจากงานอยู่ดี พยายามคิดวิธีแก้แค้นให้หญิงคนนั้นเจ็บใจจนเลิกคิดไปหลายรอบ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร นั่นคือคำที่พระท่านสอนไว้
แต่คนอย่างพลอยบัวมีเพียง...เวรย่อมระงับด้วยการจองเวร
โดนมาเท่าไหร่ต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่า จะไม่ยอมถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน
“นั่นมัน...” ระหว่างเดินทางกลับบ้านก็ผ่านร้านกาแฟชื่อดังของแบรนด์ต่างประเทศ ที่มีทุกมุมเมืองของประเทศไทย ราคาหนึ่งแก้วแพงเทียบเท่าค่าจ้างทั้งวันของหล่อน
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสิ่งที่ทำให้ร่างบางหยุดมองได้ก็คือชายหญิงคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ในนั้นต่างหาก
มุมปากหยักยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วจัดการกระชับกระเป๋าสะพายให้แน่น ก้มมองชุดวันนี้ที่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ห้าส่วนและรองเท้าผ้าใบ ถือว่าไม่มอซอมากเท่าไหร่
ก้าวเข้าร้านด้วยการผลักประตู ตรงไปยังโต๊ะที่ทั้งสองนั่งด้วยกันไม่สนใจจะสั่งเครื่องดื่มเพราะคงไม่มีเงินจ่าย แก้วเดียวเทียบเท่าอาหารสองมื้อของเธอ คงต้องขอโบกมือลา
“บัว..” หยุดยืนตรงหน้าคิริน หล่อนจ้องเขาอย่างเอาเรื่องก่อนเหลือบไปมองร่างแบบบางที่สวมชุดเดรสสวยงามราคาแพง
กำมือแน่นอย่างโกรธแค้นยามเห็นหน้า งานต้องหลุดมือไปเพราะถูกก่อกวน ถ้าทำได้ก็อยากตรงเข้าไปตบซ้ายขวาให้สาแก่ใจ
“พี่เคนหยุดมองมันเลยนะ” เห็นแฟนหนุ่มมองหญิงสาวมาใหม่ตาค้างก็เกิดอาการหึงหวง หล่อนรีบเข้ามากอดแขนเขาอย่างรวดเร็ว
“แค่อยากมาเห็นหน้าคุณน่ะค่ะ บัวคิดถึงคุณนะคะ” ไม่เคยทำแบบนี้สักครั้ง และไม่คิดจะเข้าไปแทรกแซงความสัมพันธ์ของใคร ทว่าหล่อนโดนเล่นงานก่อนถ้าปล่อยผ่านมันก็คงไม่หายเจ็บแค้น
อย่างน้อยให้ผู้หญิงคนนี้รู้สึกเจ็บปวดก็ยังดี วินาทีนี้ไม่มีใครเป็นนางเอกหรอก มีแต่ตัวร้ายที่ใช้โอกาสเหมาะในการเล่นงาน
“บัว ผมก็คิดถึง..” รีบลุกจากเก้าอี้แล้วเดินตรงมาหาหล่อน แต่โดนแฟนสาวคว้าแขนเอาไว้ก่อน ทั้งที่เขาก็บอกเลิกและยกเลิกงานแต่งไปหลายครั้ง ทว่าหญิงสาวไม่ยอมสักที
พาณิภัทร ศิริภิรมณ์ คุณหนูลูกสาวของตระกูลดัง มีผู้ชายเข้ามาจีบแต่ก็ปฏิเสธและเลือกคิริน คบกันมาหลายปีจนเกือบแต่งงาน ถ้าไม่ใช่เพราะมีมือที่สามเข้ามาสอดจนแฟนหนุ่มเปลี่ยนไป
“พี่เคน!” ตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงดังจนคนหันมองทั้งร้าน ดวงตากลมสั่นไหวจากคำพูดของแฟนหนุ่มที่คบกันมา 7 ปี เพียงแค่เจอคนใหม่เขาก็เปลี่ยนใจโดยง่าย
ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของฝ่ายชายชอบเธอ ป่านนี้เขาคงตัดขาดไม่เหลือเยื่อใยแล้ว...
“ถ้าว่างก็มาหาบัวได้ตลอดนะคะ บัวพร้อมเสมอ” พูดจบก็หันหลังเดินจากไป ปล่อยคนทั้งสองให้ทะเลาะกันในร้านกาแฟ โดยฝ่ายหญิงร้องไห้น้ำตานองหน้าขณะที่ผู้ชายก็ไม่สามารถออกมาตามเธอได้เพราะโดนคว้าแขนเอาไว้อย่างนั้น
น่าสงสารเสียจริงที่เธอมาชอบผู้ชายไม่จริงใจ ถ้าเป็นหล่อนคงบอกเลิกไปแล้ว...
“คงดีใจมากใช่ไหมที่ทำให้คนอื่นเลิกกันได้” เดินออกจากร้านไม่กี่ก้าวก็ถูกคว้าแขนไว้แล้วบีบแน่นจนใบหน้าเหยเก
พอเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามาหาเรื่องก็จำได้ทันที
เขาคือชายที่เสนอเงินหนึ่งแสนบาทให้เธอนั่นเอง