ตอนที่ : 9 ด้วยแรงสิเน่หา
3
ด้วยแรงสิเน่หา
คนหน้าตาบอกบุญไม่รับที่นั่งอยู่ในห้องทำงานของเวคินทำให้เจ้าของห้องถึงกับแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เกื้อรัฐมาหาตัวเองในเช้าของวันนี้
“มาแต่ไก่โห่มีอะไรหรือเปล่าเกื้อ” คนเป็นเพื่อนเอ่ยถาม
“มีธุระกับเลขาฯ ของแก”
พรวด!
เวคินถึงกับสำลักกาแฟที่เขาเพิ่งยกขึ้นจิบเมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนรัก
“มีธุระกับยัยคาปูเนี่ยนะ” เขาถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ อีกมือก็หยิบทิชชู่ในกล่องเช็ดคราบกาแฟที่เลอะตรงมุมปาก
“เออ!” เกื้อรัฐตอบอย่างเซ็งๆ มีที่ไหนนอนกกกอดกันมาทั้งคืน ตื่นเช้าขึ้นมากลับไม่เห็นหัวแม่คุณเสียอย่างนั้น แปลกที่เขารู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก
“มีธุระอะไรกับยัยคาปู”
“เรื่องส่วนตัว แกไม่ต้องรู้หรอก”
“เฮ้ย! เรื่องส่วนตัวของแกแต่ยัยคาปูมันเป็นเลขาฯ ของฉันนะ ถ้าจะเอาเวลางานไปคุยกันก็ต้องขออนุญาตบอสใหญ่อย่างฉันก่อน” ด้วยความอยากรู้ว่าทั้งคู่มีธุระเกี่ยวข้องกันอย่างไร เวคินจึงยกเอาเรื่องงานขึ้นมาอ้าง
“แกอย่ามาซักฉันให้มากนักเลย ว่าแต่ป่านนี้แล้วทำไมยัยคาปูถึงยังไม่มา นี่มันแปดโมงจะครึ่งแล้วนะ”
“ออฟฟิศฉันเริ่มงานแปดโมงครึ่ง นี่มันแค่แปดโมงสิบห้ายัยคาปูยังไม่มาก็ไม่แปลก ที่แปลกน่ะก็แกนั่นแหละ โผล่หัวมาทำไมตั้งแต่แปดโมงเช้า ธุระสำคัญหรือเปล่าก็ไม่รู้” เวคินเหล่หางตามองคนเป็นเพื่อน อยากจะรู้เหมือนกันว่าทั้งสองคนมีธุระอะไรต่อกัน
“สำคัญหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับแก” อีกฝ่ายยังเถียงไม่ลดละ นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงโซฟาในห้องทำงานของเพื่อน
“ไม่คุยด้วยแล้ว ทำงานดีกว่า” เวคินเปิดแฟ้มเอกสารงานตรงหน้าขึ้น แต่สายตาก็ยังไม่วายเหลือบมองเพื่อนรักอยู่เป็นระยะ
ผ่านไปสิบห้านาทีเสียงดังกุกกักที่อยู่ข้างนอกแสดงให้รู้ว่ามีใครบางคนโผล่หน้ามาแล้ว เวคินยังไม่ทันได้เอ่ยปากบอกแต่อีกคนก็ลุกขึ้นแล้วเปิดประตูพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว ด้านนอกของห้องทำงานของเพื่อนรัก เกื้อรัฐเห็นชามาวีร์กำลังวางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะทำงาน
“สวัสดีค่ะบอส” เสียงทักทายอย่างเป็นกันเองดังขึ้นด้วยความเคยชินโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองว่าใครยืนอยู่หน้าประตู และเมื่อไม่มีเสียงขานตอบรับเหมือนเช่นทุกวัน ชามาวีร์จึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ
“คุณเกื้อ...” อาการหน้าเสียกลายเป็นซีดราวกับไก่ต้มเมื่อรู้ว่าเขาตามมาถึงที่ทำงาน ชามาวีร์รีบลุกขึ้นยืนตัวตรงในทันที
“อย่าริบเช็คคืนเลยนะคะ คาปูเอาไปเบิกเงินสดให้แม่จ่ายค่าบ้านหมดแล้ว” น้ำเสียงร้อนรนเอ่ยขอร้องออกไป ทั้งที่ความจริงแล้วยังไม่ได้ทำอะไรกับเช็คของเขาเลย
“ฮ้า! เธอว่าอะไรนะ” เกื้อรัฐถามอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของหญิงสาว
“ก็คุณเกื้อตามมาเพื่อจะเอาเช็คคืนไม่ใช่เหรอคะ” ชามาวีร์ทำเสียงอ่อยตีหน้าเศร้าบอกเขา
“ทำไมถึงคิดว่าฉันจะตามมาเอาเช็คคืน” เกื้อรัฐถามด้วยความข้องใจในคำพูดของหญิงสาว
“ก็คุณเกื้อบอกว่า...เอ่อ...ถ้าไม่เก่งจริง จะริบเช็คคืน” หญิงสาวพูดออกมาอย่างอายๆ ที่ดันไปโกหกสรรพคุณของตัวเองเสียเกินจริงขนาดนั้น เพียงเท่านั้นอีกคนก็คลี่รอยยิ้มออกมา เข้าใจในความหมายทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
“หึ! นั่นสินะ ฉันควรจะริบเช็คคืนจริงๆ เธอเล่นให้ฉันออกแรงอยู่ได้ฝ่ายเดียวทั้งคืน”
พรวด!
เสียงพ่นกาแฟของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของประตูห้องทำงานดังขึ้น เกื้อรัฐรีบผลักประตูด้านหลังของตัวเองออก
“แอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน มารยาทน่ะมีไหม” เขาตำหนิเวคิน
“มารยาทเอาไว้ก่อน ว่าแต่เรื่องที่คุยกันเมื่อกี้นี้” เวคินทำหน้าเหลอหลา มือขวายังถือหูถ้วยกาแฟค้างอยู่ด้วยความตกใจ
“ไม่ต้องยุ่ง”
ปัง!
เสียงปิดประตูกระแทกใส่หน้าของเวคินทำให้ชามาวีร์อ้าปากค้างด้วยไม่คิดว่าเกื้อรัฐจะทำอย่างนั้นกับเพื่อนของตัวเองได้
“เฮ้ย! นี่มันออฟฟิศของฉันนะโว้ย!”
ปัง! ปัง!
เวคินเตะประตูห้องทำงานสองทีเพื่อระบายอารมณ์ แต่ก็ไม่ได้โกรธเพื่อนรักสักเท่าไร เพียงแค่อยากรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร เลขาฯ หน้าเงินกับเพื่อนรักถึงได้ไปลงเอยกันบนเตียงได้ แค่คิดขนก็ลุกซู่แล้ว แล้วหันหน้าแนบไปยังบานประตูห้องอีกครั้ง
เกื้อรัฐส่ายหน้าอย่างระอาในความสอดรู้สอดเห็นของคนเป็นเพื่อน แต่พอหันหลังกลับมามองหญิงสาวอีกคนก็ยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
“หยุด! มานี่เลยยัยคาปู” เกื้อรัฐคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของชามาวีร์แล้วลากให้เข้าหาตัวเอง เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวทำท่าจะย่องหนีไประหว่างที่เขาปิดประตูอยู่
“ก็บอกว่าไม่มียังไงคะคุณเกื้อ”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน แต่ว่าฉันจะมาบอกว่าฉันไม่ชอบให้ของเล่นของฉันหายไปจากเตียงนอนโดยที่ฉันยังไม่อนุญาต”
“ของเล่น” นิ้วชี้ตรงเข้าใส่หน้าของตัวเองอย่างงุนงง ลืมไป ก่อนจะหวนระลึกได้ว่าเธอเป็นของเล่นของเขาแล้วนี่นาเมื่อคืนนี้
“ผู้หญิงของฉันต้องนอนอยู่ในอ้อมกอดของฉันตลอดทั้งคืนจนเช้า ไม่ใช่หายหัวไปอย่างนินจาแบบนี้”
“ก็นอนนี่คะ นอนทั้งคืนจนเช้าเลย” คนหน้ามึนเถียงกลับอย่างข้างๆ คูๆ
“แล้วทำไมตอนเช้าฉันถึงไม่เห็น”
“ก็คาปูเห็นว่าคุณเกื้อหลับสนิทเลยไม่อยากปลุกก็เลยขอตัวกลับก่อน แหะๆ”
“ขอตัวกลับ! เธอขอกับสัมภเวสีในห้องฉันหรือยังไง”
“อุ๊ย! แรงอะ โอ๋ๆ อย่าโกรธคาปูเลยนะคะ เดี๋ยวคืนนี้คาปูจะนอนอยู่ในอ้อมกอดของคุณเกื้อจนถึงเช้าเลย โอเคไหมคะ” หญิงสาวแบมือออกทั้งสองข้างแล้วยื่นส่ายตรงหน้าของเขา
“แน่นะ” เกื้อรัฐถามย้ำ รู้สึกดีขึ้นมาบ้างต่อคำง้องอนของอีกฝ่าย
“แน่ค่ะ”
“ไหนมานี่ซิ” เขาจับหัวไหล่ของชามาวีร์หมุนไปมาราวกับจะสำรวจว่ามีส่วนไหนสึกหรอไปบ้าง แล้วจู่ๆ ฝ่ามือหนาก็ยื่นออกไปคว้าจับหมับที่หน้าอกของหญิงสาว คนถูกจับถึงกับอ้าปากกว้างขึ้น
“เอ๊ะ! คุณเกื้อ ทำอะไรน่ะ ที่นี่มันที่ทำงานนะคะ” ชามาวีร์ท้วงติงด้วยความตกใจ ดีนะที่โต๊ะทำงานของเธออยู่ในที่ลับตาคน ไม่งั้นคงได้อับอายกันตายไปข้างหนึ่ง
“ตรงนี้เจ็บไหม”
คราวนี้หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อมือเจ้าปัญหาของเขาวางแหมะลงด้านล่างของตัวเอง
“คาปู ฉันถามว่าเจ็บไหม”
ใครบางคนที่ยังคงแอบฟังการสนทนาของทั้งสองอยู่ด้านหลังประตูห้องทำงานถึงกับออกอาการขนลุกขนพองต่อคำพูดที่แสนจะกำกวมของทั้งสองคน
‘ยัยคาปูเสร็จไอ้เกื้อไปแล้วจริงหรือนี่ โธ่...ยัยหน้าเงินของฉัน ไม่น่าเลย’ เวคินส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือความจริง ไม่เชื่อว่าเกื้อรัฐจะยอมลดตัวลงไปมีอะไรกับพนักงานของตัวเอง