2
ดาวนั่นเป็นสาวใช้กึ่งพี่เลี้ยงที่ดูแลเธอมาตั้งแต่เด็ก บิดามารดานำดาวมาอุปการะเอาไว้เพราะเป็นกำพร้า
“แต่ถ้าพ่อกำนันและแม่พุดกรองรู้เข้า คุณหนูจะโดนทำโทษเอานะคะ” ดาวกลัวกำนันมะพร้าวกับพุดกรองจะรู้เรื่องนี้เข้า พวกท่านเดินทางไปงานศพญาติที่ต่างอำเภอ อีกหลายวันกว่าจะกลับ มะปรางห้ามเธอไม่ให้บอกพวกท่านว่าคู่หมั้นติดต่อมาจากกรุงเทพฯ และประจวบเหมาะกับเป็นวันเดินทางของพวกท่านพอดี มะปรางเลยหาเรื่องแกล้งภพพันธ์ได้สะดวก
ด้วยว่ามะปรางไม่อยากแต่งงานกับภพพันธ์ จึงคิดแผนการแกล้งเขาให้เขาต้องถอนหมั้นกับเธอโดยเร็วที่สุด
“ถ้าพี่ไม่พูด ปรางไม่พูด พ่อกับแม่จะรู้ได้อย่างไรกันคะ เราแกล้งให้พวกเขาหนีหางจุกตูดกลับกรุงเทพฯ แล้วยกเลิกการหมั้นหมายเท่านี้ก็สิ้นเรื่อง เหตุผลมากมายร้อยแปดที่เขาจะปฏิเสธ เช่นเขาเป็นหนุ่มไฮโซชื่อดัง จะมาอยู่บ้านนอกคอกนาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
“เราจะแกล้งพวกเขายังไงดีคะคุณหนู ให้พวกเขาหนีกลับไปก่อนที่พ่อกำนันกับแม่พุดกรองจะกลับมา”
“ปรางเตรียมแผนเอาไว้แล้วจ้ะพี่ดาว ยื่นหูมาสิคะ” มะปรางบอกแผนการกับดาวอย่างละเอียด ดาวได้ฟังเช่นนั้นก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
2
“แบบนั้นเขาน่าจะเผ่นกลับบ้านแทบไม่ทันนะคะคุณหนู” ดาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มขบขัน
เพียงไม่นานเสียงรถไถนาพ่วงท้ายที่บรรทุกหนุ่มเมืองกรุงทั้งสองก็มาจอดที่หน้าบ้านอีกหลัง ที่อยู่ห่างออกไป
“สงสัยจะมากันแล้วค่ะคุณหนู” ดาวชะโงกไปดูก็เห็นเป็นจริงตามนั้น
“งั้นพี่ดาวก็ลงไปต้อนรับเขานะคะ ส่วนปรางจะไปหลบค่ะ ต่อไปพี่ดาวก็คือปราง คู่หมั้นของอีตานั่นนะคะ”
“ค่ะคุณหนู แต่ทำแบบนี้เราสองคนจะไม่โดนพ่อกำนันกับแม่พุดกรองหวดด้วยไม้เรียวแน่ ๆ ใช่ไหมคะ” ดาวยังหวั่นเกรง
“มีอะไรปรางรับผิดชอบเองค่ะ พี่ดาวรีบลงไปรับว่าที่สามีเถอะค่ะ” มะปรางดันแผ่นหลังของดาวลงไปยังเบื้องล่าง ก่อนจะหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานทีได้แกล้งคน
ดาวเดินลงมารับสองหนุ่มซึ่งมีสภาพทุลักทุเลพร้อมด้วยความเหนื่อยล้า หล่อนก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี จะหลุดขำหรือจะสงสารดี
“สวัสดีค่ะ” ดาวนั้นเป็นสาวอวบผิวค่อนข้างคล้ำ หน้าตาธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ก็เป็นคนจิตใจดี
ภพพันธ์กับศักดิ์รับไหว้แทบไม่ทัน มองหญิงสาวที่เดินลงมาต้อนรับไม่วางตา
“สวัสดีค่ะ นี่คงเป็นคุณภพพันธ์ใช่ไหมคะ” ดาวเอ่ยถาม แต่ไม่รู้ว่าภพพันธ์คนไหน เลยไม่ได้ระบุว่าใคร มองหน้าทั้งสองคนสลับกันไปมาด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ครับ นี่คุณภพพันธ์เจ้านายของผม แล้วคุณเอ่อ...” ศักดิ์มองหญิงสาวตรงหน้านิ่ง ถึงเธอจะผิวคล้ำไปหน่อย อวบไปนิด แต่เขาก็คิดว่าเธอน่ารักเอาการอยู่
“ดิฉันมะปรางคะ ลูกสาวคนเดียวของพ่อกำนันกับแม่พุดกรองจ้ะ” ประโยคนั้นทำให้สองหนุ่มมองหน้ากัน
ภพพันธ์ตอบตัวเองได้ในทันทีเลยว่าเขาไม่ชอบหล่อน ไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ภายนอกอะไรหรอก แต่บุคลิกของหล่อนไม่เหมาะที่จะมาเป็นเมียของเขา
เขาอยากได้ผู้หญิงสวยน่ารัก เก่งฉลาด แล้วก็พาออกงานก็ไม่อายใคร แต่
หล่อนก็ไม่ได้ผิดอะไร เขามาครานี้ก็เพื่อยกเลิกการแต่งงานเท่านั้น
“เดินทางเป็นยังไงบ้างคะ” ดาวเอ่ยถาม ในขณะที่ภพพันธ์ทำหน้ายุ่ง
“สภาพของผมเป็นแบบนี้ คุณคิดว่าเดินทางเป็นยังไงล่ะ” เขาหงุดหงิดเมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ ทำให้ดาวเงียบปาก ก่อนที่จะเชิญทั้งสองเข้าไปพักที่บ้านพักที่เตรียมเอาไว้
“งั้นเชิญที่บ้านพักก่อนค่ะ” ดาวผายมือไปยังบ้านพัก เพราะรถที่พาคนทั้งสองมานั้นเป็นชาวบ้านที่มะปรางไหว้วานให้ไปรับ
“บ้านพักคือที่นี่จริง ๆ เหรอครับ” ศักดิ์เอ่ยถามอย่างตกตะลึงกับบ้านเก่า ๆ สภาพหลอน ๆ ตรงหน้า
“ใช่ค่ะ บ้านพักของพ่อกำนันคือหลังนี้ค่ะ ส่วนหลังที่พ่อกำนันอยู่ก็ไม่มีห้องว่างสำหรับแขกค่ะ ถ้าแขกไปใครมาก็ต้องพักที่นี่ค่ะ” ดาวโกหกคำโต เพราะแท้ที่จริงแล้ว บ้านของกำนันมะพร้าวใหญ่โต กว้างขวาง จะรับแขกสักสิบยี่สิบคนยังได้ มีห้องว่างสำหรับให้แขกที่มาเป็นหมู่คณะ นอนพักห้องใหญ่เลยทีเดียว
“ฉันไม่อยู่ที่นี่เด็ดขาด ที่นี่มีโฮมสเตย์หรือที่พักที่ดีกว่านี้ไหม บ้านสับปะรังเคแบบนี้ จะให้ฉันพักได้ยังไง”
“ที่นี่ไม่มีที่พักหรอกค่ะ ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว คนต่างถิ่นมาพักก็จะมาพักบ้านคนที่รู้จักซึ่งเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านค่ะ อีกอย่างนี่ก็จะค่ำแล้ว คงหาที่พักได้ลำบากสักหน่อยนะคะ”
“พ่อเธอเป็นถึงกำนัน มีที่พักให้แขกดีแค่นี้เองเหรอ ยังกับบ้านร้าง”
“มีแค่นี้แหละค่ะ ถ้าคุณไม่พักก็ไม่เป็นไรนะคะ” ดาวตอบออกไป นึกเห็นใจภพพันธ์อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่เธอก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้
“ฉันต้องการเจอพ่อกับแม่ของเธอ ฉันต้องการที่จะคุยธุระสำคัญกับพวกท่าน แล้วฉันก็จะรีบออกไปจากไอ้หมู่บ้านบ้านี่ให้เร็วที่สุด” ภพพันธ์เริ่มมีอารมณ์
“พ่อกำนันกับแม่พุดกรองไม่อยู่หรอกค่ะ พวกท่านไปงานศพต่างอำเภอ ญาติเสียน่ะค่ะ” ดาวตอบออกไปตามตรง รอบนี้มิได้โกหกเลยแม้แต่น้อย