บทที่ 5 ภาพปลอม
เวลาหกโมงเย็น เย่ฝานกับถังรั่วเสวี่ยออกมาจากกองบังคับการตำรวจจราจร
ถังรั่วเสวี่ยสีหน้าไม่สู้ดี
เธออยากผ่อนหนักเป็นเบา พอเข้าไป เธอบอกว่าเป็นความผิดของตัวเอง
เธอไม่พูดเลยสักคำว่าเย่ฝานแย่งพวงมาลัย พูดแค่ว่ายอมรับผิดชอบทุกอย่าง จะให้ชดใช้ด้วยเงินหรือติดคุก เธอยอมทั้งนั้น
แต่ตำรวจจราจรมองเธออย่างประหลาดใจ บอกว่าเธอกับเย่ฝานไม่มีความผิดเลยสักนิด
อุบัติเหตุเกิดจากล้อหน้าของรถขนดินเก่าจนยางระเบิด
ตำรวจจราจรงยังเอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาด้วย ชมว่าเย่ฝานตัดสินใจเด็ดขาด
ถ้าเย่ฝานไม่รีบออกจากตรงนั้น พวกเขาต้องโดนทับตายแน่นอน
ถังรั่วเสวี่ยเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
เธอพบว่านอกจากตัวเองจะเข้าใจผิดตำหนิเย่ฝานแล้ว ยังต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ฝาน ตอนนี้ตัวเองคงตายไปแล้ว
เข้ามานั่งในรถบีเอ็มดับเบิลยูตอนแรกถังรั่วเสวี่ยจะขอโทษ แต่กลัวเสียหน้า
สุดท้ายเธอส่งเสียงหึออกมาว่า “โชคดีที่อุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับนาย ไม่งั้นนายได้นอนคุกแน่”
เย่ฝานชินกับสไตล์ปากแข็งของคนตระกูลถังแล้ว
“เข้าใจแล้ว ครั้งหน้าฉันจะระวัง”
ตอนถังรั่วเสวี่ยเป็น ‘แพะรับบาป’ แทนเขาเมื่อกี้ ทำให้เย่ฝานใจอ่อนยวบ ไม่ว่าถังรั่วเสวี่ยจะดูถูกตัวเองยังไง แต่ในใจก็ยังปกป้องตัวเองอยู่ดี
หลังจากนั้นเขาลูบกล่องดำในมือตัวเองเบาๆ
กล่องหล่นลงมาจากรถออดี้ กล่องใบที่เขียนรหัส 9981 ใบนั้น ซ่งหงเหยียนโทรมาบอกให้ตำรวจจราจรเอากล่องให้เย่ฝาน
เธอยังบอกให้เย่ฝานรับไว้ด้วย
เย่ฝานไม่ได้อิดออดอะไรมากมาย ชีวิตของเชี่ยนเชี่ยนทั้งชีวิต ยังไงก็สมควรได้ของขวัญอยู่แล้ว
พอคิดถึงเชี่ยนเชี่ยน นัยน์ตาเย่ฝานมีความกังวล แสงสีขาวเสี้ยวหนึ่งพอฟื้นฟูวิญญาณเชี่ยนเชี่ยนได้ แต่ไม่เพียงพอที่จะช่วยเธอให้พ้นวิกฤต
เขาคิดว่าพรุ่งนี้จะไปเยี่ยมยัยหนูคนนี้
พอได้ยินเย่ฝานพูด ถังรั่วเสวี่ยขับรถออกมาแล้วพูดว่า “ในที่สุดนายก็เป็นผู้ใหญ่สักที”
เย่ฝานละสายตาที่ทอดมองไปไกลๆ ออกมา แล้วก็พูดในจังหวะที่ถังรั่วเสวี่ยยังอารมณ์ดีอยู่
“รั่วเสวี่ย จริงๆ ฉันไม่ได้พูดไร้สาระ พลังร้ายเข้าไปในตัวเธอ มีอันตรายถึงขั้นเลือดตกยางออก อุบัติเหตุทางรถยนต์ก็เป็นเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งแล้ว......”
เขาพูดเตือนอีกประโยค “ทางที่ดีเธอทิ้งพระเครื่องเถอะ”
“หุบปาก!”
ถังรั่วเสวี่ยสีหน้าบึ้งตึงทันที “นายเลิกพูดไร้สาระได้ไหม”
“นี่เป็นพระเครื่องที่แม่เช่าให้ฉันตอนไปเที่ยว นายหมายความว่าแม่จะทำร้ายลูกสาวอย่างฉันเหรอ”
เย่ฝานรีบโบกมือพัลวัน “ไม่ใช่อย่างนั้น คือว่าแม่อาจโดนคนอื่นเล่นงานด้วยก็ได้......”
“พอแล้ว ออกไปเที่ยว ไม่มีใครรู้จักกัน ใครที่มันว่างจนถึงขนาดตั้งใจเล่นงานตระกูลถัง”
ถังรั่วเสวี่ยหยุดหัวข้อสนทนานี้อย่างไม่สบอารมณ์ “เมื่อกี้เป็นแค่อุบัติเหตุ อันตรายถึงขั้นเลือดตกยางออกเป็นแค่เรื่องไร้สาระ”
“นายอย่าพูดเรื่องนี้กับฉันอีก ไม่งั้นก็ไสหัวลงจากรถฉันไปเลย”
เธอคิดว่าเย่ฝานพูดโน้มน้าวใจคน
เย่ฝานเหนื่อยใจมาก เขาไม่พูดอะไรอีก เพื่อไม่ให้ถังรั่วเสวี่ยเกลียด แล้วก็คิดในใจว่าจะช่วยกำจัดยังไงดี
พระเครื่องยังคงดูดโชคชะตาและพลังชีวิตของถังรั่วเสวี่ย หลังจากนี้อีกสักพักจะเจออันตรายจนถึงแก่ชีวิต
เขาต้องจัดการเรื่องนี้โดยด่วน
“เอี๊ยด”
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถบีเอ็มดับเบิลยูสีแดงจอดลงหน้าประตูโรงแรมเฟิ่งหวง
มาที่นี่ทำไม?
เย่ฝานชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเอามือตบหัวตัวเอง วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบห้าสิบปีของถังซานกั๋ว พ่อตาของเขา
ตระกูลถังจัดงานเลี้ยงฉลองที่โรงแรมเฟิ่งหวง
“ลืมไปเลยว่าเป็นวันเกิดพ่อ เดี๋ยวฉันไปซื้อของสักหน่อย......”
หนึ่งปีมานี้เย่ฝานโดนดูหมิ่นมาตลอด แต่ยังไงก็เป็นวันดีของพ่อตา อย่างน้อยเขาก็ต้องแสดงความยินดี
“ไม่ต้อง ฉันซื้อมาแล้ว”
“วันนี้พวกพี่สาวคนโตมาด้วย ทางที่ดีอีกเดี๋ยวนายไม่ต้องพูด จะได้ไม่ขายหน้า”
ถังรั่วเสวี่ยเปิดฝากระโปรงท้ายรถ แล้วเอากล่องของขวัญออกมา จากนั้นเดินเข้าไปในโรงแรมโดยไม่หันมามองเลย
เย่ฝานครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วก็เอากล่องดำที่ซ่งหงเหยียนให้เดินเข้าไปข้างใน
แม้เขายังไม่ได้เปิดดู แต่ซ่งหงเหยียนกล้าให้เป็นของขวัญที่เขาช่วยชีวิต เขาน่าจะมอบให้พ่อตาได้อยู่แล้ว
ไม่นานเย่ฝานเดินตามถังรั่วเสวี่ยเข้ามาในห้องโถงงานเลี้ยง พบว่าวันนี้ตระกูลถังเชิญญาติมาเยอะเลย
เกือบสามสิบคน วางโต๊ะกลมขนาดใหญ่สามโต๊ะ ครึกครื้นเป็นอย่างมาก
พี่สาวคนโตอย่างถังเฟิงฮวากับพี่เขยอย่างหานเจี้ยนเฟิงก็อยู่ด้วย
แต่พ่อตาถังซานกั๋วกับแม่ยายหลินซิวหลิงยังมาไม่ถึง ส่วนน้องสาวของภรรยาเรียนหนังสืออยู่ต่างประเทศ เลยไม่ได้กลับมา
“รั่วเสวี่ย เธอมาได้สักที”
“วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบห้าสิบปีของพ่อ ทำไมเธอมาสายขนาดนี้”
“แม้พ่อแม่รักเธอมาตลอด แต่ยังไงเธอก็ต้องจริงจังหน่อยนะ”
พอเห็นถังรั่วเสวี่ยกับเย่ฝานปรากฏตัว พวกถังเฟิงฮวาเดินเข้ามาพูดทักทายทันที
พวกเขาไม่มองเย่ฝานเลยสักนิด
เย่ฝานก็ไม่แคร์เหมือนกัน
แต่พี่เขยอย่างหานเจี้ยนเฟิงก็ยังทำให้คนอื่นลำบากใจเหมือนเดิม
“เย่ฝาน วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบห้าสิบปีของพ่อ นายให้ของขวัญอะไรเหรอ”
“ห้ามบอกนะว่าของที่รั่วเสวี่ยซื้อก็เป็นของนายด้วย”
“นายอยู่กินในตระกูลถัง ใช้ชีวิตอย่างดี ยังไงก็ควรซื้ออะไรเป็นการแสดงน้ำใจสักหน่อยใช่ไหมล่ะ”
“นายไม่ได้มามือเปล่าใช่ไหม”
เขามองเย่ฝานด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจไม่ใช่แบบนั้น นัยน์ตาเขามีความเคียดแค้น
แม้พี่สาวคนโตอย่างถังเฟิงฮวาเป็นคนสวยเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับถังรั่วเสวี่ย ยังห่างชั้นกันเยอะ
ดังนั้นเขาจึงเกลียดชังเย่ฝานที่ได้แต่งงานกับคนสวย
เย่ฝานตอบกลับเสียงเรียบ “ฉันเอาของขวัญมาแล้ว”
ถังรั่วเสวี่ยชะงักไป
ถังรั่วเสวี่ยไม่รู้เรื่องที่ตำรวจจราจรให้กล่องเย่ฝาน
“ฮ่าๆๆ นายเอาของขวัญมาแล้วเหรอ”
หานเจี้ยนเฟิงหัวเราะร่า “ไหนเอามาดูสิว่านายซื้ออะไรมา”
ไม่รอให้ถังรั่วเสวี่ยตั้งตัว หานเจี้ยนเฟิงพุ่งเข้าไปแย่งกล่องดำในมือเย่ฝานทันที
เปิดกล่องออก
โสมสีแดงหน้าตาน่าเกลียดขนาดใหญ่เหมือนหัวมังกรปรากฏต่อสายตาทุกคน
“ของขวัญเป็นโสมงั้นเหรอ”
“กล่องทุเรศ ของด้านในก็น่าเกลียด ต้องเป็นของตามข้างทางแน่ๆ”
“ใช่ สีแดงจนน่ากลัวด้วย ต้องฉีดสารเคมีแน่ๆ กินเข้าไปมีหวังตายแน่”
“สวะก็คือสวะ ให้โสมอันละห้าหยวนในงานวันเกิดพ่อเนี่ยนะ”
“ถ้าจะให้ก็ให้อะไรที่มันปกติหน่อย ของสีแดงหน้าตาน่าเกลียดแบบนี้ ดูก็รู้ว่าเป็นของปลอม”
“ขนาดวันเกิดพ่อยังไม่จริงจัง ยังมีหน้ามาเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านเมียอีกเหรอ รีบหย่าแล้วไสหัวไปเลย”
หานเจี้ยนเฟิงกับบรรดาญาติของตระกูลถังหัวเราะร่า นัยน์ตาฉายแววรังเกียจและดูหมิ่น
ใบหน้าสวยของถังรั่วเสวี่ยชะงักไป คิดไม่ถึงว่าเย่ฝานจะทำให้เธอขายหน้าอีกแล้ว
เธอพึมพำอย่างเคียดแค้นว่า ไม่ได้เรื่อง!
เย่ฝานไม่ได้ตอบกลับ เขามองโสมด้วยความตกตะลึง
เขาคิดไม่ถึงว่าซ่งหงเหยียนจะให้ของล้ำค่าขนาดนี้
พอเห็นเย่ฝานนิ่ง ทุกคนคิดว่าเขาละอายใจเพราะโดนแฉ พากันหัวเราะร่าออกมาอีก
“ไอ้โง่ ดูของที่ฉันให้พ่อเป็นของขวัญสิ ภาพของดาวิด”
หานเจี้ยนเฟิงเอาของขวัญในมือออกมาเปิดอย่างได้ใจ “ภาพนโปเลียนข้ามเทือกเขาแอลป์”
“ฉันทุ่มเทสุดๆ กว่าจะได้ภาพนี้มา จ่ายไปสามแสนสามหมื่น”
“ส่วนราคาตลาดจริงๆ ของมัน มากกว่านี้เป็นสิบเท่า”
“ฉันยังให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาตรวจสอบด้วยว่าเป็นของจริงหรือเปล่า”
เห็นได้ชัดว่าหานเจี้ยนเฟิงต้องการจะเอาของขวัญตัวเองโชว์เหนือต่อหน้าญาติ แต่อวดตรงๆ ไม่ได้ เลยเอาเย่ฝานมาเป็นข้ออ้าง
“เย่ฝาน จำไว้ว่าถ้าจะให้ของขวัญพ่อ ต้องให้ของล้ำค่าแบบนี้”
“อย่าเอาของตามข้างทางมาให้พ่อแม่แบบส่งๆ”
ญาติของตระกูลถังอุทานด้วยความตกใจ ของขวัญหลายแสน ใจป้ำจริงๆ
พอเทียบกับโสมหน้าตาน่าเกลียดของเย่ฝาน ต่างกันราวฟ้ากับเหวจริงๆ
“ฉันยอมรับว่าของขวัญของพี่เขยดีมาก”
ถังรั่วเสวี่ยกัดฟันแก้หน้าให้เย่ฝาน
“แต่การให้ของขวัญพ่อไม่ใช่การแข่งเรื่องราคา แค่มีน้ำใจมอบให้ก็พอแล้ว”
เธอเสียใจจริงๆ ที่ไม่เห็นกล่องในมือเย่ฝาน ไม่งั้นคงโยนของขวัญน่าอายนี่ลงถังขยะไปนานแล้ว
“มีน้ำใจแล้ว ก็ต้องมีความจริงใจด้วย”
หานเจี้ยนเฟิงแสยะยิ้มเย็นชา
“พวกนายอยู่กินที่บ้านพ่อแม่ จ่ายเงินมากสักหน่อยเพื่อทำให้พ่อแม่มีความสุข ไม่ใช่เรื่องดีหรือไง”
“เห็นชัดเลยว่าพวกนายไม่ให้ความสำคัญ”
ถังเฟิงฮวาหน้าเนื้อใจเสือ
“เจี้ยนเฟิง พอแล้ว รั่วเสวี่ยต้องเลี้ยงดูคนเกาะเมียกินแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วนะ”
ทุกคนหัวเราะเยาะเสียงดังอีกครั้ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความร่าเริง
ถังรั่วเสวี่ยหน้าแดงถึงหู “พวกนาย......”
แม้เธอดำรงตำแหน่งประธานบริษัทย่อยของบริษัทเทียนถัง รายได้แต่ละปีหลายล้าน แต่พ่อแม่เอาเงินไปทั้งหมด มีเงินสำรองในมือน้อยมาก
จู่ๆ ใช้เงินหลายแสนซื้อของขวัญแบบนี้ เธอซื้อไม่ไหวหรอก
“รั่วเสวี่ยอย่าโกรธเลย แม้ของขวัญฉันธรรมดาทั่วไป แต่ความล้ำค่าของมันอยู่ตรงที่มันเป็นของจริง”
ขณะนั้นเย่ฝานเอ่ยเสียงเรียบ
“ยังไงก็ดีกว่าพี่เขยที่เอาภาพปลอมมาอวยพรวันเกิดพ่อ”
ทั้งงานเงียบสนิททันที