บทที่ 3 พระเครื่องของถังรั่วเสวี่ย
เสิ่นปี้ฉินรู้สึกว่าลูกชายเปลี่ยนไปไม่น้อย แต่ไม่ได้ซักไซ้อะไรมาก
เธอนอนโรงพยาบาลเกือบปี ความยากลำบากทำให้เย่ฝานเปลี่ยนไป เป็นเรื่องปกติมาก
เธอไม่ได้ถามเรื่องเย่อู๋จิ่ว เพราะไม่อยากสร้างแผลในใจให้เย่ฝานอีก
พอกลับมาถึงห้องเช่า เย่ฝานจ่ายค่าเช่าให้เจ้าของจนครบ จากนั้นพาแม่ย้ายออกไปในคืนนั้น
นอกจากหลีกเลี่ยงการก่อกวนจากบริษัทสินเชื่อออนไลน์แล้ว อีกอย่างคือหลีกเลี่ยงการแก้แค้นของพวกหวงตงเฉียง
เย่ฝานมั่นใจและมีความสามารถในการเอาตัวรอด แต่แม่แค่ลมพัดก็ปลิวแล้ว
เย่ฝานเช่าห้องให้แม่พักฟื้นที่หมู่บ้านในเมืองแห่งไป๋ซาโจวชั่วคราว
เสิ่นปี้ฉินร่างกายแข็งแรงแล้ว ทำให้เบาใจเรื่องค่ายาไปได้เยอะ แต่เย่ฝานยังไม่เบาใจ เพราะยังติดหนี้สินเชื่อออนไลน์ไว้ไม่น้อย
อีกทั้งเย่ฝานยังพะวงเรื่องพ่อบุญธรรมอย่างเย่อู๋จิ่ว ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ยังไงก็ต้องหาข้อสรุปให้ได้
“ติ๊ง”
เช้าวันที่ห้าที่ออกมาจากโรงพยาบาล เสิ่นปี้ฉินร่างกายแข็งแรงขึ้นเยอะแล้ว สามารถดูแลตัวเองได้แล้ว
เย่ฝานกดเปิดเครื่องมือถือ หลังจากปิดเครื่องมาห้าวัน มีข้อความหลายสิบข้อความเด้งขึ้นมา
จากนั้นมีสายโทรเข้ามา
เย่ฝานใส่หูฟัง จากนั้นมีเสียงเย็นยะเยือกของผู้หญิงดังขึ้น
“เปิดเครื่องได้แล้วเหรอ คิดว่านายจะหายตัวไปพร้อมเงินซะแล้ว”
“หลายวันนี้นายปิดเครื่อง ไม่ตอบข้อความ ไม่กลับบ้าน นายไปไหนกันแน่”
“ถ้านายไม่อยากอยู่ตระกูลถัง ก็รีบไสหัวออกไปซะ”
ถังรั่วเสวี่ย
เย่ฝานรีบอธิบาย “ขอโทษ หลายวันนี้ฉันอยู่บ้านแม่ แม่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล ต้องมีคนดูแล”
“ปิดเครื่องเพราะบริษัททวงหนี้โทรขู่ยี่สิบสี่ชั่วโมง ฉันกลัวแม่จะกังวล เลยปิดเครื่องชั่วคราวน่ะ”
เขาย้อนถามเสียงเบาว่า “เธอมีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า”
แม้หนึ่งปีมานี้ อยู่ในตระกูลถังเจอแต่การดูหมิ่น แต่เย่ฝานรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์อาละวาด เพราะตอนนั้นตระกูลถังให้เงินช่วยชีวิตห้าแสน
พอได้ยินว่าเย่ฝานอยู่ดูแลเสิ่นปี้ฉิน เสียงถังรั่วเสวี่ยอ่อนลงเล็กน้อย
“ส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน ฉันจะขับรถไปรับนาย”
เย่ฝานประหลาดใจนิดหน่อย “พวกเธอกลับจากเที่ยวแล้วเหรอ”
เมื่อสัปดาห์ก่อน ครอบครัวตระกูลถังทั้งห้าคนไปเที่ยวต่างประเทศ ทิ้งให้เย่ฝานเฝ้าบ้านคนเดียว
“ไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือไง ส่งโลเคชั่นมา”
ถังรั่วเสวี่ยวางสายด้วยความหงุดหงิด
เย่ฝานทำได้แค่ส่งโลเคชั่นให้
“บรื้นนน”
หลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถบีเอ็มดับเบิลยูสีแดงจอดลงตรงหน้าเย่ฝาน
ประตูรถเปิดออก สาวงามสะดุดตาออกมาจากรถ
ผู้หญิงสวมชุดสีดำ เครื่องหน้างดงาม ผิวขาวเนียน ดูมีความเย็นชา แต่ยังเต็มไปด้วยความเซ็กซี่
โดยเฉพาะขาขาวเนียนทั้งสองข้าง เรียวยาว อวบอิ่ม เวลาเดินแล้วเต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วยวน
คนที่เดินผ่านไปมาเบิกตาโตทันที ถึงขนาดหายใจเร็วโดยไม่รู้ตัว
ถังรั่วเสวี่ย
สาวงามอันดับหนึ่งของจงไห่ ซึ่งก็คือภรรยาของเย่ฝาน
“ให้แม่อยู่ที่ซอมซ่อแบบนี้ นายนี่เป็นลูกกตัญญูจริงๆ”
ถังรั่วเสวี่ยยังประชดประชันเย่ฝานเหมือนเดิม แต่เธอก็ยังยื่นรังนกกับโสมมาให้สองสามถุง
“ฉันซื้อของบำรุงมาให้แม่นาย ให้เธอบำรุงร่างกายหน่อย”
“แม่นายต้องผ่าตัดไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงคืนเงินกลับมาล่ะ”
เธอโยนบัตรธนาคารมาให้ “ตระกูลถังเสียเงินให้นายไปหกเจ็ดแสนแล้ว ไม่สนใจเงินแค่แสนเดียวหรอก”
เย่ฝานรีบโบกมือพัลวัน “ไม่ต้องหรอก ร่างกายเธอดีขึ้นเยอะแล้ว ไม่ต้องผ่าตัดแล้ว......”
“นายเอาไปเถอะน่า จะมีเรื่องอะไรหรือเปล่าก็ให้เธอเก็บไว้”
ถังรั่วเสวี่ยพูดตัดบทเย่ฝานอย่างไม่เกรงใจ “นายจะได้ไม่ต้องวิ่งยืมเงินไปทั่วให้อับอายขายหน้า”
“ไม่ต้องมาทำเป็นหยิ่งในศักดิ์ศรี ถ้าหยิ่งในศักดิ์ศรีนายคงไม่แต่งมาเป็นเขยตระกูลถัง แล้วขอเงินค่ายาหมื่นหยวนทุกเดือนหรอก”
น้ำเสียงเธอมีความดูหมิ่น การปฏิเสธและรักในศักดิ์ศรีของเย่ฝานในตอนนี้ ก็แค่แสร้งทำไปอย่างนั้น
คำพูดของถังรั่วเสวี่ยสะเทือนใจเย่ฝานมาก แต่พอจะคืนบัตรธนาคารให้ ถังรั่วเสวี่ยกลับเข้าไปในรถแล้ว
เย่ฝานทำได้แค่กอดของบำรุงกับบัตรธนาคารแล้วพูดว่า “ขอบใจนะ พ่อแม่กลับมาหรือยัง”
น้ำเสียงของถังรั่วเสวี่ยยังเฉยเมยเหมือนเดิม
“กลับหรือไม่กลับ เกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ”
“รีบเอาของไปให้แม่นายเถอะ ฉันมีธุระจะคุยกับนาย”
เย่ฝานไม่ได้พูดอะไรอีก เอาของไปที่ห้องเช่าของแม่ พูดคุยเล็กน้อยแล้วออกมา
“บรื้นนน”
เย่ฝานเพิ่งเข้ามานั่งที่เบาะข้างคนขับ ถังรั่วเสวี่ยก็เหยียบคันเร่งออกมาทันที
เย่ฝานตัวเอนไปมา มือซ้ายไม่ทันระวังไปโดนต้นขาถังรั่วเสวี่ย
เนียนนุ่ม
ในเวลาเดียวกัน ข้อมูลหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวเย่ฝาน
อาการ: พลังร้ายเข้าสู่ร่างกาย เคราะห์ร้ายวนเวียนรอบตัว เป็นอันตรายต่อญาติและเพื่อนฝูง อันตรายถึงชีวิต......
สาเหตุ: พระเครื่องที่ได้มาจากต่างประเทศโดนคนทำคุณไสย......
ฟื้นฟูหรือทำลาย?
เย่ฝานอยากพูดว่าฟื้นฟูมาก แต่ยังไม่ทันคิด สายตาของถังรั่วเสวี่ยก็ดุดันแล้ว
เย่ฝานรีบเอามือที่ไปแต๊ะอั๋งเธอออกมา
เขาอยากกำจัดพลังร้ายให้ถังรั่วเสวี่ย แต่ถ้าจะฟื้นฟูต้องแตะเนื้อต้องตัวกัน ซึ่งถังรั่วเสวี่ยไม่มีทางให้เขาแตะต้องเธอเด็ดขาด
ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เตือนด้วยความหวังดี
“รั่วเสวี่ย ตรงหว่างคิ้วของเธอหม่นหมอง ดูไร้พลัง มีอันตรายถึงขั้นเลือดตกยางออก ต้องให้ปรมาจารย์มาปัดเป่าให้......”
ถังรั่วเสวี่ยแสยะยิ้ม “ไม่เจอกันหลายวัน ดูโหงวเฮ้งให้คนอื่นได้แล้วเหรอ”
เย่ฝานพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า “เปล่า เธอมีพลังร้ายอยู่รอบตัวจริงๆ เธอโดนคนทำคุณไสยตอนไปเที่ยว......”
“บนตัวเธอมีพระเครื่องหรือเปล่า”
เขาพูดเกี่ยวกับถังรั่วเสวี่ยออกมาจนหมด
“หุบปาก! นายนั่นแหละมีพลังร้ายอยู่รอบตัว นายนั่นแหละมีอันตรายถึงขั้นเลือดตกยางออก”
ถังรั่วเสวี่ยอายและโกรธมาก “ร่างกายฉันแข็งแรงดี ถ้านายแช่งฉันอีกก็ไสหัวไปเลย”
เย่ฝานพูดอย่างเหนื่อยใจว่า “ฉันไม่ได้แช่งเธอจริงๆ......”
“ถ้าไม่ได้แช่งก็หุบปาก”
สายตาถังรั่วเสวี่ยดุดัน “ไม่รู้อะไรแล้วพูดส่งเดช คนที่ทำเป็นแค่หุงข้าวอย่างนาย รู้จักดูโหงวเฮ้งให้คนอื่นด้วยเหรอ”
เย่ฝานหุบปากอย่างรู้งาน
พอเห็นเย่ฝานเงียบ ถังรั่วเสวี่ยยิ่งโมโห นอกจากเย่ฝานจะไม่ได้เรื่องและขี้ขลาดแล้ว เขาทำอะไรได้อีกงั้นเหรอ
แต่เธอเกิดความสงสัยขึ้นในใจ เย่ฝานรู้ได้ยังไงว่าตัวเองมีพระเครื่อง
รู้ไหมว่าเธอสวมไว้ที่หน้าอก อย่าบอกนะว่าไอ้หมอนี่แอบดูแล้วมาหลอกเธอ
ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ
ถังรั่วเสวี่ยตัดสินว่าเป็นเช่นนี้ จากนั้นใบหน้าสวยยิ่งผิดหวัง
นอกจากเย่ฝานจะไม่ได้เรื่องแล้ว ยังหื่นกามอีกด้วย
“เย่ฝาน รอฉันเสร็จเรื่องในเดือนนี้ ฉันจะหย่ากับนาย”
สายตาของถังรั่วเสวี่ยแน่วแน่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่ว่านายจะคัดค้านหรือไม่ ยังไงฉันก็จะหย่ากับนาย”
เมื่อหนึ่งปีก่อนตระกูลถังซวยอย่างต่อเนื่อง ถังรั่วเสวี่ยก็ป่วยหนัก เนื่องจากต้องแก้เคล็ด เลยเรียกเย่ฝานมาแต่งเข้าตระกูล
หนึ่งปีมานี้ความโชคร้ายของตระกูลถังหายไป ถังรั่วเสวี่ยร่างกายแข็งแรง ตระกูลถังจึงจะสลัดคนไม่ได้เรื่องอย่างเย่ฝานทิ้ง
คนทั้งตระกูลถังไม่ชอบเย่ฝาน
ถังรั่วเสวี่ยก็แปรเปลี่ยนจากเวทนามาเป็นรังเกียจเย่ฝาน เธอไม่เห็นคุณค่าบนตัวผู้ชายคนนี้เลยสักนิด
พอได้ยินว่าหย่า เย่ฝานยังเงียบเหมือนเดิม แต่แววตาหม่นลง
ตัวเองคงเป็นคนน่าสมเพชเวทนาจริงๆ สินะ
“นายรู้ไหมว่าทำไมพวกพ่อแม่ พี่เขยถึงสิ้นหวังกับนาย”
“ไม่ใช่เพราะนายจน ไม่ใช่เพราะนายแต่งเข้าบ้านผู้หญิง แต่เป็นเพราะนายไม่ได้เรื่องและขี้ขลาดเกินไปต่างหาก”
“หนึ่งปีมานี้ นอกจากทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ แล้ว นายไม่เคยทำอะไรจริงจังเลยสักเรื่อง นายไม่ได้เรื่องและขี้ขลาดจริงๆ”
“ฉันไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายแบบนาย ถึงนายเป็นแค่เครื่องมือที่ตระกูลถังใช้เพื่อแก้เคล็ดก็เถอะ”
“ไม่ต้องกังวล ตอนหย่าฉันจะให้นายอีกห้าแสน”
“นายจะได้ไม่ต้องกังวลว่าแม่นายจะไม่มีเงินค่ายา”
น้ำเสียงของถังรั่วเสวี่ยไร้ความรู้สึก “จากกันด้วยดีเถอะ อย่าให้ฉันดูถูกนายมากไปกว่านี้เลย”
จากกันด้วยดีงั้นเหรอ
นัยน์ตาเย่ฝานฉายแววเจ็บปวด
ในวันที่หิมะตกหนักตอนพลบค่ำ เขายังจำได้รางๆ เด็กผู้หญิงถักเปีย สวมชุดสีแดง เด็กผู้หญิงที่เอาซาลาเปาหมูแดงหนึ่งถุงมาช่วยชีวิตตัวเองคนนั้น
แม้ผ่านไปสิบแปดปีแล้ว แต่เย่ฝานยังจำหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้นได้ เด็กผู้หญิงใจดีคนนั้น
นี่คือสาเหตุหลักที่เขายอมแต่งเข้าบ้านผู้หญิงเพื่อแก้เคล็ด
แม้เงินห้าแสนสำคัญมาก แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือเย่ฝานอยากตอบแทนบุญคุณในตอนนั้น
ไม่งั้นถึงเขาขายตัวเอง ก็มีค่าไม่ถึงห้าแสนหรอก
เย่ฝานทอดถอนใจ อาจถึงเวลาที่ต้องปล่อยมือแล้ว......
“นายได้ยินไหม”
เห็นสีหน้าเหม่อลอยของเย่ฝาน ถังรั่วเสวี่ยพูดอย่างไม่ได้ดั่งใจว่า “ฉันจะหย่ากับนาย......”
“ฟึ่บ!”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเย่ฝานที่เงียบมาตลอดหูตั้ง และนั่งหลังตรงทันที
เขาเอียงตัวไปทางถังรั่วเสวี่ย แรงมหาศาลทำให้ถังรั่วเสวี่ยขยับไม่ได้
จากนั้นมือซ้ายหมุนพวงมาลัย มือขวากดขาเรียวยาวของเธอไว้
รถบีเอ็มดับเบิลยูที่กำลังจะจอดรอสัญญาณไฟเร่งเครื่องอย่างแรง แล้วพุ่งไปด้านหน้าเหมือนลูกธนู
“เย่ฝาน!”
ถังรั่วเสวี่ยส่งเสียงร้องออกมา “นายบ้าไปแล้วเหรอ”
“ตูม!”
รถเพิ่งพุ่งมาฝั่งตรงข้าม รถหกล้อขนดินคันหนึ่งปาดมาชนรถหกคันรวด เศษซากเต็มไปถนน
เสียงกรีดร้องดังไปทั่ว
ถังรั่วเสวี่ยดันเย่ฝานออก เธอเหยียบเบรกแล้วหันไปดู
เลือดเต็มพื้นไปหมด