บทที่ 2 เชิดหน้าชูตา
“ฉันคือหมอเซียนไท้เก๊ก ตั้งแต่นี้ไป นายคือผู้สืบทอดของฉัน ได้รับคัมภีร์ไท้เก๊กกับหยกชีวิตของฉัน รักษาโรคช่วยเหลือมหาชน ช่วยเหลือผู้คนให้หลุดพ้นจากความทุกข์ยาก......”
เย่ฝานรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในอากาศเวิ้งว้าง เมื่อเสียงแห่งการถ่ายทอดดังขึ้น ข้อมูลมากมายทะลักเข้ามาในหัวเขาทันที
วิถีบู๊ ทักษะการแพทย์ การฝังเข็มสุดมหัศจรรย์ วิชาการฝึกฝน ทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง......
เมื่อหยกชีวิตเข้ามาในฝ่ามือ เย่ฝานทนไม่ไหวจนร้องออกมา
“อ๊ากกก”
เมื่อเย่ฝานฟื้นขึ้นมา เขาพบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล
เขาพยายามคิด จำได้ว่าตัวเองโดนกระทืบ จากนั้นโดนโยนออกมานอกผับ
ความเจ็บที่หัวยืนยันเรื่องนี้ได้
แต่เขาตกใจที่ความฝันชัดเจนมาก
“อย่าบอกนะว่าฝันเมื่อกี้คือความจริง มันตลกเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
เย่ฝานพึมพำออกมา แต่พอหลับตาลง เขากลับตกใจสุดขีด
ในหัวเขามีคัมภีร์ไท้เก๊ก
“ฝันนี้สมจริงเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
เย่ฝานยังไม่เชื่อ จากนั้นเปิดคัมภีร์ไท้เก๊ก แล้วฝึกฝนตามวิธีที่บอกไว้ในคัมภีร์
ถ้าฝึกฝนอะไรได้ แสดงว่าคัมภีร์ไท้เก๊กกับหยกชีวิตเป็นแค่เรื่องตลก
แต่ความจริงทำให้เย่ฝานตะลึงอีกครั้ง
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขารู้สึกว่ามีไอร้อนออกมาจากตันเถียน
จากนั้นไอร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ทุกที่ที่ผ่านไป ให้ความรู้สึกสบายเป็นพิเศษ
ในเวลาเดียวกันกลางฝ่ามือซ้ายของเขา ปรากฏเป็นรูปหยินหยางรางๆ ด้วย......
หยกชีวิต
สีขาวคือชีวิต สีดำคือความตาย
แต่ละด้านมีแสงเจ็ดสี เงาเลือนรางมาก แต่กลับเป็นชั้นชัดเจน
เย่ฝานเข้าใจว่าไปเปื้อนรูปอะไรมา เลยเอาข้อมือถูบนต้นขาสองสามครั้ง แต่พบว่ารูปหยินหยางยังอยู่
อีกทั้งยังเคลื่อนไหวด้วย
จู่ๆ ข้อมูลหนึ่งปรากฏในหัวเย่ฝาน
อาการ: แผลถลอกสิบสามจุด อวัยวะภายในเสียหายระดับสาม ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อย
สาเหตุ: เกิดจากโดนคนรุมทำร้ายอย่างรุนแรง
ฟื้นฟูหรือทำลาย?
เย่ฝานถึงกับอึ้ง นี่มันเรื่องอะไรกัน
เขาพูดคำสั่งฟื้นฟูออกมาโดยไม่รู้ตัว หยกชีวิตเคลื่อนไหวทันที จากนั้นแสงสีขาวเข้าไปในตัวเย่ฝาน
“พรึ่บ......”
จากนั้นร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ
เส้นเลือดร้อนระอุอย่างไม่สามารถควบคุมได้ รู้สึกร้อนจัดไปทั้งตัว เย่ฝานรู้สึกว่าเซลล์ทั้งตัวกำลังวิ่ง พวกมันรวมกลุ่มกันวิ่งอยู่ในตัว
กระดูกเกิดเสียงดังกรอบแกรบ
ไม่นานตัวของเย่ฝานสั่นอย่างแรง ความเจ็บบนตัวหายไปจนหมด รอยถลอกบนหน้าและแขนก็สมานกัน
ในเวลาเดียวกัน แสงสีขาวบนรูปหยินหยางก็หม่นลงเล็กน้อย
“นี่มันวิธีฟื้นฟูสุดอัศจรรย์นี่นา”
เย่ฝานตื่นเต้นมาก คนอื่นฟื้นฟูซ่อมแซมตัวอักษรและภาพวาดโบราณ แต่หยกชีวิตของเขาสามารถรักษาฟื้นฟูโรคได้
ดูเหมือนทุกอย่างในฝันคือความจริง
นี่เรียกว่าสวรรค์เมตตาชัดๆ
เย่ฝานรีบลุกขึ้นจากเตียงผู้ป่วย จากนั้นวิ่งไปที่แผนกผู้ป่วยในด้วยความเร็วสูงสุด
เขาเปิดประตูห้องเสิ่นปี้ฉินผู้เป็นแม่
มองร่างกายอันซูบผอมและดวงตาที่ปิดสนิทของแม่ เย่ฝานรีบพุ่งเข้าไป เขาวางมือซ้ายที่ตำแหน่งกระเพาะของเธอ
อาการ: เลือดจาง กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ มีนิ่วในถุงน้ำดี โรคมะเร็งกระเพาะอาหารทรุดหนัก......
สาเหตุ: เกิดจากการทำงานหนักหลายปี ทานอาหารไม่ตรงเวลา ลมและความเย็นกัดเซาะ
ฟื้นฟูหรือทำลาย?
เย่ฝานพูดโพล่งออกมาว่า “ฟื้นฟู!”
หยกชีวิตเคลื่อนไหวอีกครั้ง แสงขาวห้าแสงเข้าไปในตัวเสิ่นปี้ฉิน
เกิดสงครามในตัวแม่ทันที เซลล์นับไม่ถ้วนพลุ่งพล่านและไหลอย่างรวดเร็ว เหมือนกองทหารบุกตะลุยแนวข้าศึก
“ตูมมมม”
ไม่นาน ศีรษะของเสิ่นปี้ฉินส่ายไปมา
เย่ฝานตะโกนโดยไม่รู้ตัว “แม่......”
เสิ่นปี้ฉินลืมตาขึ้นช้าๆ บนใบหน้าซีดเผือดมีเลือดฝาดเล็กน้อย
“เย่ฝาน ฉันหิวแล้ว......”
เย่ฝานดีใจจนร้องไห้ออกมา
เขาดึงมือซ้ายกลับมา พบว่าแสงขาวบนหยกชีวิตเหลืออยู่ซีกเดียวเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่ายิ่งอาการของโรคกับอาการบาดเจ็บหนักเท่าไร ก็ยิ่งสูญเสียแสงสีขาวเยอะขึ้นเท่านั้น
เย่ฝานไม่ได้คิดว่าจะฟื้นฟูแสงสีขาวกลับมายังไง ตอนนี้เขาแค่อยากดูแลแม่ให้เต็มที่
หลังผ่านไปสิบห้านาที เย่ฝานเอาโจ๊กมาป้อนให้แม่อย่างระมัดระวัง
ตลอดครึ่งปีมานี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นปี้ฉินรู้สึกอยากอาหาร
พอกินเสร็จ เย่ฝานเรียกหมอคนสวยมา
พอตรวจเสร็จ หมอตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี “เป็นไปได้ยังไง”
เสิ่นปี้ฉินหายแล้ว
พอรู้ว่าตัวเองหายแล้ว ไม่ว่ายังไงเสิ่นปี้ฉินก็จะออกจากโรงพยาบาล
นอกจากนอนโรงพยาบาลต้องเสียค่าใช้จ่ายแล้ว เธออยู่โรงพยาบาลมาหนึ่งปีจนกลัวแล้ว อยากกลับบ้านไปสัมผัสการใช้ชีวิตแล้ว
เย่ฝานขัดเธอไม่ได้ ทำได้แค่ไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล
ตอนทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล เย่ฝานคิดว่าเหลือเงินในบัญชีไม่เยอะแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะคืนเงินมาเก้าหมื่นห้าพัน
พอเขาสอบถาม จึงรู้ว่าเมื่อวานมีคนโอนเงินเข้าบัญชีโรงพยาบาลหนึ่งแสน
พอเย่ฝานสืบดู จึงรู้ว่าคนที่โอนเงินคือถังรั่วเสวี่ย
เขารู้สึกอบอุ่นใจ ในใจถังรั่วเสวี่ยยังมีเขาสินะ
เย่ฝานเหลือเงินสำรองไว้ให้แม่ใช้ห้าพัน แล้วโอนเงินที่เหลือคืนให้ถังรั่วเสวี่ย จากนั้นก็เก็บของออกจากโรงพยาบาล
แต่เมื่อเย่ฝานประคองแม่มาถึงหน้าประตู รถหรูราคาแพงขับผ่านพวกเขาไป
ทั้งเร็วทั้งแรง
ล้อรถเกือบเหยียบนิ้วเท้าเสิ่นปี้ฉินแล้ว
เย่ฝานส่งเสียงอย่างโมโห “ขับรถภาษาอะไร รีบไปตายหรือไง”
เสิ่นปี้ฉินเอ่ยเตือนเสียงเบา “เย่ฝาน ช่างเถอะๆ”
รถหรูถอยกลับมาแล้วหยุดลง ประตูรถเปิดออก วัยรุ่นเจาะหูโผล่ออกมาด่า
“กล้าด่าคุณชายหวง นายอยากตายใช่ไหม”
จากนั้นหวงตงเฉียงกับหยวนจิ้งปรากฏตัวออกมา
“โอ๊ะ เย่ฝานนี่นา นายนี่ทนไม้ทนมือจริงๆ นะ ทำไมออกจากโรงพยาบาลเร็วจังเลยล่ะ”
พอเห็นเย่ฝาน หวงตงเฉียงรีบเดินเข้าไปหาเย่ฝานด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม แต่ในใจไม่ใช่แบบนั้น “แข็งแรงมากเลยนะ”
“แม่นายก็ออกจากโรงพยาบาลด้วยเหรอ”
“หายืมเงินไม่ได้ จะกลับไปตายที่บ้านงั้นเหรอ”
“ฉันบริจาคโลงศพต้นหนานมู่เนื้อทองให้เอาไหม”
พวกเพื่อนเขาหัวเราะร่า นัยน์ตามีความดูหมิ่นและยียวน
หยวนจิ้งยังเย็นชาเย่อหยิ่งเหมือนเดิม เห็นเย่ฝานแล้วยิ่งรังเกียจขึ้นอีก
ความต่ำต้อยที่เย่ฝานคุกเข่าขอยืมเงินเมื่อวาน ทำให้หยวนจิ้งหมดสนุกที่จะทำให้เย่ฝานอับอายแล้ว
เย่ฝานพูดเสียงทุ้มว่า “หวงตงเฉียง นายแช่งแม่ฉัน อยากตายเหรอ”
“อยากตายงั้นเหรอ นายเป็นใครไม่ทราบ”
หวงตงเฉียงกระทืบรองเท้าหนังลงบนพื้น เขาเดือดสุดๆ “นายกล้าดียังไงมางัดข้อกับฉัน”
วัยรุ่นเจาะหูพูดเสริมอย่างประชดประชันว่า “โดนกระทืบเมื่อวานยังไม่พอใช่ไหม”
เพื่อนผู้หญิงสองสามคนเอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก
“คุกเข่าขอโทษ”
หวงตงเฉียงชี้เย่ฝาน “ฉันจะถือว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น ไม่งั้นฉันส่งนายสองแม่ลูกไปห้องเก็บศพแน่”
เย่ฝานได้ยินแล้วแววตาเย็นยะเยือก “พวกนายอย่ากลั่นแกล้งคนอื่นเกินไปหน่อยเลย”
หวงตงเฉียงแสยะยิ้ม “กลั่นแกล้งแล้วยังไงเหรอ นายไม่ยอมเหรอ”
ลูกน้องสองสามคนเอากระบองสปริงออกมา บิดคอไปมาแล้วเข้ามาล้อมเย่ฝาน
หยวนจิ้งพูดเสียงเรียบ “เย่ฝาน อย่าอวดดี รีบคุกเข่าขอโทษเถอะ นายยั่วโมโหตงเฉียงไม่ได้หรอก”
“ไอ้หนุ่มๆ มีอะไรค่อยๆ พูดกันก็ได้!”
ตอนนี้เสิ่นปี้ฉินดึงเย่ฝานที่กำลังโมโหสุดๆ เธอมายืนขวางด้านหน้าแล้วยิ้มให้หวงตงเฉียง
“คุณชายหวง ก่อนหน้านี้ฉันเคยไปเป็นแม่บ้านที่ตระกูลคุณชาย ฉันรู้จักแม่ของคุณชาย เห็นแก่หน้าฉัน อย่าถือสาเย่ฝานเลยนะ”
“วัยรุ่นไม่รู้ความ คุณชายเป็นคนใจกว้าง ปล่อยเขาไปสักครั้งเถอะ”
เสิ่นปี้ฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“เห็นแก่หน้าเธอเหรอ”
หวงตงเฉียงแสยะยิ้ม แล้วถ่มน้ำลายใส่ตัวเสิ่นปี้ฉิน
“เธอเป็นใครไม่ทราบ ทำไมฉันต้องเห็นแก่หน้าเธอด้วย”
“แก่ๆ อย่างเธอเนี่ยนะจะให้ฉันไว้หน้า”
วิธีหยาบคายไร้มารยาทแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คิดว่ามันคือการดูหมิ่นทั้งนั้น แต่เสิ่นปี้ฉินไม่กล้าตอบโต้ ยอมรับความทุกข์ระทมอย่างไม่ขัดขืน
โดนดูหมิ่น โดนเยาะเย้ย โดนกลั่นแกล้งยังไงก็ได้ แต่จะให้เกิดเรื่องไม่ได้ ไม่ใช่เพราะใจกว้างหรอก แต่มันคือความเศร้าของคนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทางเลือก
“ทำแบบนี้กับแม่ฉัน นายรนหาที่ตายใช่ไหม”
เย่ฝานกำหมัดแน่น จะพุ่งเข้าไปด้วยใบหน้าเดือดดาล แต่โดนแม่รั้งไว้ก่อน
พอเห็นเย่ฝานดึงดัน หยวนจิ้งโมโหมาก “เย่ฝาน ยังอวดดีอีกใช่ไหม พวกนายสองแม่ลูกมาล่วงเกินตงเฉียงได้เหรอ”
“รีบคุกเข่า ใช่ว่าไม่เคยคุกเข่าสักหน่อย ทุกคนรู้ดีแก่ใจ ไม่ต้องมาเสแสร้งหรอก”
เธอพยายามไกล่เกลี่ย หนึ่งเพื่อซ้ำเติมว่าเย่ฝานไม่ได้เรื่อง สองเพื่ออวดว่าตัวเองเป็นคนใจกว้างต่อหน้าคนนอก
แต่คิดไม่ถึงว่าเย่ฝานจะไม่รับน้ำใจนี้ “เธอไม่ต้องกังวลหรอก ต่อไปฉันจะไม่คุกเข่าอีกแล้ว”
หยวนจิ้งไม่สบอารมณ์
“ถ้านายยังไม่ฟังที่ฉันเตือน ฉันจะไม่สนใจนายแล้ว”
“ถ้าไม่มีฉัน นายไม่มีทางรอดหรอก”
เธอเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง
เย่ฝานตวาดอย่างไม่เกรงใจ “ไสหัวไป!”
หยวนจิ้งใบหน้าเย็นชา “ตงเฉียง ฉันไม่สนใจเขาแล้ว นายจะทำอะไรก็เชิญ”
“คุณชายหวง เย่ฝานไม่รู้ความ โปรดอภัยให้ด้วย วางใจได้เลย ต่อไปเย่ฝานจะไม่ล่วงเกินคุณชายอีก”
พอเห็นสีหน้าโหดเหี้ยมของหวงตงเฉียง เสิ่นปี้ฉินรีบดึงเย่ฝานไปด้านหลัง “เรื่องวันนี้ปล่อยไปเถอะนะ”
“ถือว่าเงินนี้เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ เลี้ยงน้ำชาคุณชายหวงกับเพื่อนๆ”
เสิ่นปี้ฉินเอาเงินสามพันออกมาจากกระเป๋า แล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อหวงตงเฉียงอย่างนอบน้อม
“เพียะ”
หวงตงเฉียงตบหน้าเสิ่นปี้ฉินทันที
เสิ่นปี้ฉินอุทานด้วยความตกใจ “คุณชายหวง......”
“เพียะ!”
เสียงตบชัดเจนดังขึ้นอีกครั้ง
“คนกระจอกๆ กล้าให้ฉันอภัยให้อย่างนั้นเหรอ”
ไม่รอให้เสิ่นปี้ฉินตั้งสติ หวงตงเฉียงถีบใส่ทันที
เสิ่นปี้ฉินส่งเสียงจุกออกมา จากนั้นเซไปด้านหลัง
“สวบ!”
ขณะนั้นตัวของเย่ฝานเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
หวงตงเฉียงยังมองไม่ชัด ก็รู้สึกว่าแน่นที่คอ
เย่ฝานบีบคอหวงตงเฉียงแน่น จากนั้นใช้ความเร็วที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว กระแทกหวงตงเฉียงใส่หน้าต่างรถหรูอย่างแรง
“เพล้ง!”
แรงกระแทกน่ากลัวมาก กระจกรถแตกทันที เลือดสาดออกมาจากหัวหวงตงเฉียง
แรงน่าทึ่งมาก
ยังไม่จบแค่นั้น เย่ฝานสะบัดหวงตงเฉียงที่กำลังมึนลงบนพื้น แล้วก็เหยียบลงบนแขนเขาอย่างโหดเหี้ยม
“กรอบ!”
เสียงดังชัดเจน กระดูกแขนซ้ายของหวงตงเฉียงหักทันที
เพื่อนคนหนึ่งอึ้งไปในตอนแรก จากนั้นพุ่งเข้าไปหาเย่ฝานทันที
เย่ฝานสะบัดมือตบเขาจนปลิวออกไปห้าเมตรโดยไม่มองสักนิด
เลือดไหลออกมาทางปากและจมูก
ทุกคนในที่นี้ถึงกับช็อก
ไม่มีใครคิดว่าเย่ฝานจะเก่งและโหดเหี้ยมขนาดนี้
เสิ่นปี้ฉินยังอ้าปากหวอ
เย่ฝานยังไม่หยุด เขากระดิกนิ้วใส่คนที่เหลือ “เข้ามาพร้อมกันเลยสิ”
ทั้งสี่คนแผดเสียงแล้วพุ่งเข้าไป
เย่ฝานใช้ความเร็วและพละกำลังบดขยี้พวกเขาทันที
เอาไปทั้งเท้าและหมัด
“พลั่กๆๆ”
สี่คนที่พุ่งเข้าไปโดนเย่ฝานซัดจนล้ม หน้าตาฟกช้ำดำเขียว แขนขาหัก
“นาย......”
ทุกคนตกตะลึง
สาวสวยสองสามคนมองเย่ฝานอย่างเหลือเชื่อ คิดไม่ถึงว่าไอ้สวะนี่จะสู้เก่งขนาดนี้
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
หยวนจิ้งยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ได้ เย่ฝานซัดคนเยอะขนาดนี้จนล้มหมดเลยเหรอ
เธออยากเห็นเย่ฝานคุกเข่าอ้อนวอน ไม่ได้อยากเห็นเย่ฝานแสดงพละกำลังแบบนี้
ไทยมุงที่อยู่รอบๆ สีหน้าตกตะลึง ถึงขนาดมองเย่ฝานอย่างเลื่อมใส หัวใจหยวนจิ้งบีบรัดแน่น
จู่ๆ ไฟโกรธลุกโชนขึ้นมาทันที
เย่ฝานที่โดนเธอทิ้ง ต้องไม่มีอะไรดีเลยสิ ทำไมจู่ๆ ถึงเก่งขึ้นขนาดนี้ล่ะ
อย่าบอกนะว่าใช้ยาตอนอยู่โรงพยาบาล?
ใช่ ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ไม่งั้นไม่มีทางเก่งขนาดนี้หรอก
จากนั้นหยวนจิ้งแอบขบริมฝีปาก
ถึงสู้เก่งแล้วยังไงล่ะ ตอนนี้มันยุคไหนแล้ว ถึงสู้เก่งขนาดไหน จะสู้มีด สู้ปืน สู้ประเทศได้เหรอ
ไม่มีการศึกษา ไม่มีเบื้องหลัง ไม่มีเส้นสาย ชีวิตนายก็จะธรรมดาแบบนี้ต่อไป
หลังจากระบายเพื่อปลอบใจตัวเองแล้ว หยวนจิ้งรู้สึกสบายใจขึ้นหน่อย
ตอนนี้เย่ฝานกำลังเดินไปข้างหน้าหวงตงเฉียง
“ไอ้หนุ่ม นายกล้าทำร้ายพวกเราเหรอ”
หวงตงเฉียงตกใจมากเหมือนกัน แต่ยังคงดุดันเหมือนเดิม “นายรู้ไหมว่าทำร้ายฉันจะเกิดอะไรขึ้น”
ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ เย่ฝานตบเขาทันที
ฟันของหวงตงเฉียงหลุดออกมาสองซี่ ปากเต็มไปด้วยเลือด
จากนั้นเย่ฝานบีบคอเขา “บอกฉันมาสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“พอแล้วเย่ฝาน!”
หยวนจิ้งพูดด้วยความโมโห “นายก่อเรื่องแล้ว ถ้ายังไม่หยุดอีก นายอย่าเสียใจแล้วกัน......”
“เพียะ”
เย่ฝานตบหน้าหวงตงเฉียงอีกครั้ง “ก่อเรื่องอะไรไม่ทราบ”
หวงตงเฉียงตวาดด้วยความโมโห “ไอ้สารเลว!”
“ไม่ยอมเหรอ”
เย่ฝานตบหน้าอีกครั้ง
หวงตงเฉียงเอามือกุมหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น แต่กลับไม่กล้าเถียง
หยวนจิ้งโมโหมาก “นาย......”
ในสายตาเธอ มีแค่หวงตงเฉียงที่สั่งสอนเย่ฝานได้ เย่ฝานไม่มีสิทธิ์เหิมเกริมกับหวงตงเฉียงด้วยซ้ำ
เย่ฝานตบหน้าหวงตงเฉียงเบาๆ “บอกฉันมาสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
หวงตงเฉียงอึดอัดใจมาก แต่สุดท้ายก็กัดฟันพูดออกมา
“วันนี้ฉันยอมแพ้ นายจะเอายังไงกันแน่”
เย่ฝานบีบคอเขาด้วยใบหน้านิ่ง
“ตบหน้าตัวเองสิบที ขอโทษแม่ฉัน แล้วก็ชดใช้มา ไม่งั้นฉันจัดการนายแน่”
เสิ่นปี้ฉินดึงแขนเสื้อเย่ฝาน “เย่ฝาน ช่างเถอะๆ”
หวงตงเฉียงมองสายตาเย่ฝาน เขารู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
แม้โดนเย่ฝานรังแกวันนี้ ทำให้เขารู้สึกอับอายมาก แต่เขาเชื่อว่าเย่ฝานพูดจริงทำจริง
เพราะเขารู้สึกว่าเย่ฝานเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ใช่คนอ่อนแอที่กลั่นแกล้งได้ทุกเมื่ออีกแล้ว
หวงตงเฉียงรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่นิ้วมือเย่ฝานด้วย
ขืนแข็งข้ออีก มีแต่จะเละกว่านี้ วันนี้ยอมไปก่อน วันหลังค่อยหาวิธีจัดการสองแม่ลูกนี่ ความคิดอยู่ในหัวหวงตงเฉียง
จากนั้นเขาก้มหัวให้เสิ่นปี้ฉินอย่างยากลำบาก
“คุณป้า ขอโทษ......”
จากนั้นเขาตบหน้าตัวเองสิบที ชดใช้เงินให้อีกหลายพันหยวน
แม้ใบหน้าเสิ่นปี้ฉินเต็มไปด้วยความกังวล แต่พอได้ยินคำขอโทษเธอก็รู้สึกสบายใจ
เย่ฝานจ้องหวงตงเฉียง เห็นความเคียดแค้นนัยน์ตาเขา รู้เลยว่าสักวันหวงตงเฉียงต้องแก้แค้นแน่ๆ
พอเขาใช้ความคิด หยกชีวิตสว่างขึ้นทันที
ในเวลาเดียวกัน ข้อมูลปรากฏในหัวเย่ฝาน
อาการ: มะเร็งตับระยะต้น เป็นโรคซิฟิลิส กระดูกแขนหัก
สาเหตุ: ดื่มและมั่วผู้หญิงมากเกินไป เสพสารเสพติด โดนคนกระทืบ......
ฟื้นฟูหรือทำลาย?
เย่ฝานมีความคิดทำลายขึ้นมาทันที เขารู้ว่ามันหมายถึงทำให้อาการหนักขึ้น
แสงสีดำเข้าไปในตัวหวงตงเฉียง
“อ๊ากกกก”
อยู่ดีๆ หวงตงเฉียงก็ร้องโหยหวนออกมา จากนั้นไหลออกจากมือเย่ฝานลงมาบนพื้น
มะเร็งตับระยะสุดท้าย
เย่ฝานแผดเสียงออกมา “ไสหัวไป”
หวงตงเฉียงพาพวกหยวนจิ้งออกไปด้วยความเคียดแค้น
เห็นด้านหลังอันสะบักสะบอมของหวงตงเฉียง นัยน์ตาเย่ฝานฉายแววดุดัน
นี่คือคนตายคนหนึ่งแล้ว......