บทที่ 11 การ์ดนกยูงแดงแห่งอู่หู
ยุ่งอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า พวกซุนหัตถ์เทวะจึงหยุดลง
เชี่ยนเชี่ยนพ้นขีดอันตรายแล้ว
การเต้นของหัวใจ ลมหายใจ ชีพจร รวมถึงการทำงานต่างๆ ของร่างกายเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน
เห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกนั้น พวกแพทย์ผู้ดูแลหลักถึงกับเฮด้วยความดีใจ แต่ไม่นานก็ยืนเหม่ออยู่ข้างเตียงคนไข้
ตอนนี้พวกเขาเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองเจออะไรมา
คนไข้ที่แจ้งว่าเสียชีวิตแล้ว มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งเพราะการช่วยเหลือของพวกเขา
นี่มันใช่อาการที่สัญญาณชีพต่างๆ ของคนไข้อ่อน แล้วจู่ๆ คนไข้ก็ฟื้นขึ้นมา
แต่ฟื้นคืนชีพ หลังจากที่ตายเพราะอาการสาหัสจริงๆ
เรื่องนี้โม้ได้ทั้งชาติเลยล่ะ
จากนั้นพวกเขาหันไปมองเย่ฝานที่อยู่หลังสุด สีหน้าแต่ละคนหลากหลายอารมณ์
มีทั้งสีหน้าประหลาดใจ ทอดถอนใจ เลื่อมใส แต่ที่มากสุดคือละอายใจ
คิดถึงคำพูดที่ตัวเองดูหมิ่นเย่ฝาน อีกทั้งยังโวยวาย พวกเขาแทบแทรกแผ่นดินหนี
นอกจากตัวเองจะดูหมิ่นคนอื่นแล้ว ยังเกือบทำให้เชี่ยนเชี่ยนตายด้วย......
ขณะนั้นซุนหัตถ์เทวะเดินมาข้างหน้าเย่ฝาน แล้วโค้งคำนับ
หมอที่เหลือหันมาทางเย่ฝานแล้วคำนับอย่างนอบน้อมเหมือนกัน
“ขอโทษ......”
ขอโทษ แล้วก็เคารพอย่างสูง
เย่ฝานโบกมือไปมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เชี่ยนเชี่ยนรอดก็ดีแล้ว”
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้......
ถังรั่วเสวี่ยที่อยู่หน้าประตู มุมปากกระตุกไม่หยุด นอกจากงงกับทักษะการแพทย์อันน่าทึ่งของเย่ฝานแล้ว ยังเหลือเชื่อกับความเคารพที่พวกซุนหัตถ์เทวะมีต่อเย่ฝาน
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ให้ตายยังไงถังรั่วเสวี่ยก็ไม่มีทางเชื่อว่าเย่ฝานที่โดนตระกูลถังดูหมิ่นสุดๆ จะพยายามจนได้รับความเคารพจากทุกคนขนาดนี้
ตอนนี้เธอรู้สึกผิดกับคำพูดที่ตัวเองตำหนิเย่ฝาน
แค่กลัวเสียหน้า อีกทั้งความคิดดูหมิ่นที่มีมาตลอดหนึ่งปี ไม่สามารถเปลี่ยนได้ในระยะเวลาสั้นๆ
“หึ ต้องเป็นความบังเอิญแน่ๆ”
ถังรั่วเสวี่ยเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง “ทักษะการแพทย์สุดยอดขนาดนี้ คงช่วยป้าเสิ่นได้แล้วมั้ง......”
เธอหาข้ออ้างให้ตัวเอง คนแข็งกร้าวแบบเธอ ไม่อยากก้มหัวให้เย่ฝานจริงๆ
แต่เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นซ่งหงเหยียน ซ่งหงเหยียนมองเย่ฝานอย่างอ่อนโยนสุดๆ ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นอีก
ไม่ว่าเย่ฝานจะมีทักษะการแพทย์จริงๆ หรือแค่ดวงดี รอบนี้เธอแพ้ให้ซ่งหงเหยียนแล้วล่ะ
ขณะที่พวกซุนหัตถ์เทวะกำลังสังเกตอาการเชี่ยนเชี่ยนต่อไป เย่ฝานเบียดกลุ่มคนออกมานอกประตู
เข็มเก้าวังคืนชีวิตทำให้เขาเสียพลังไปเยอะ
แต่เย่ฝานไม่สนใจ ขอแค่เชี่ยนเชี่ยนรอด ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
อีกทั้งเมื่อเขาเคลื่อนไหวคัมภีร์ไท้เก๊ก พลัง ปราณ และจิตวิญญาณก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว
ไม่มีที่สิ้นสุด คือหนึ่งในจุดเด่นของคัมภีร์ไท้เก๊ก
พอเย่ฝานเดินมานั่งที่ม้านั่งสุดทางเดิน ซ่งหงเหยียนเดินตามมา เธอคุกเข่าลงตรงหน้าเย่ฝาน
“สหายเย่ ตั้งแต่นี้ไปชีวิตฉันเป็นของนาย”
“ถึงต้องบุกน้ำลุยไฟ ฉันก็ไม่ถอยเด็ดขาด”
แม้เธอเป็นผู้หญิง พูดแบบนี้ดูโบราณไปหน่อย แต่คำพูดทุกคำล้ำค่ามาก
พวกผู้ติดตามเห็นภาพนี้แล้วตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าคนแข็งแกร่งอย่างซ่งหงเหยียนจะคุกเข่าให้เด็กหนุ่มแบบนี้
“เชี่ยนเชี่ยนปลอดภัยก็ดีแล้ว”
เย่ฝานเห็นแล้วรีบประคองซ่งหงเหยียนขึ้นมา “อีกอย่างฉันก็ดวงดีด้วย”
ในเวลาเดียวกันเขาพบว่าหยกชีวิตมีแสงสีขาวเพิ่มขึ้น
เย่ฝานอดอึ้งไม่ได้ อย่าบอกนะว่าตอนไม่ใช้หยกชีวิต เวลาช่วยชีวิตคนได้ จะช่วยฟื้นฟูแสงสีขาวกลับมาได้เหรอ
สีหน้าเขาตื่นเต้นเล็กน้อย คิดว่าจะไปช่วยชีวิตคนที่ห้องไอซียูสักสองสามคน
“ดวงดีเหรอ”
ซ่งหงเหยียนหัวเราะแล้วส่ายหน้า “ครั้งแรกดวงดี ครั้งที่สองยังดวงดีอีก คิดว่าหงเหยียนฉลาดน้อยงั้นเหรอ”
เธอเจอคนมามากมาย เธอดูออกว่าเย่ฝานมีความสามารถหรือเปล่า
เย่ฝานยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรื่องเล็กน้อย”
“สหายเย่ ต่อไปถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร รีบบอกฉันได้เลย ไม่ว่าจะทำได้หรือเปล่า ฉันซ่งหงเหยียนทุ่มสุดตัวแน่นอน”
เชี่ยนเชี่ยนตายไปสองครั้ง เย่ฝานช่วยทำให้ฟื้นคืนชีพทั้งสองครั้ง ซ่งหงเหยียนซาบซึ้งในพระคุณของเย่ฝานจากใจจริง
ไม่ใช่แค่ช่วยชีวิตลูกสาวเธอ ยังช่วยชีวิตตัวเองด้วย
เธอควักบัตรออกมายื่นให้เย่ฝาน
“นี่คือการ์ดนกยูงแดงของอู่หู กรุ๊ป นายมีบัตรนี้ สามารถใช้จ่ายทุกอย่างในเครืออู่หูได้ฟรี”
“ยามจำเป็น นายยังใช้มันเคลื่อนย้ายเงินทุนกับกำลังคนของอู่หู กรุ๊ปได้ด้วย”
น้ำเสียงซ่งหงเหยียนมีความนอบน้อม “นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าสหายเย่จะรับไว้”
การ์ดเป็นสีแดงสด ฝังเพชรรอบๆ กันน้ำกันไฟ ด้านหน้ามีคำว่าอู่หู ด้านหลังมีคำว่านกยูงแดง มีความงดงามทรงพลัง เผยให้เห็นความหรูหราและสูงส่ง
เย่ฝานตกใจมาก
“ไม่ได้ๆ มันล้ำค่าเกินไป อีกอย่างเมื่อวานฉันกินโสมราคาสามล้านของเธอไปแล้วด้วย......”
“สหายเย่ไม่ต้องเกรงใจ นายช่วยชีวิตเชี่ยนเชี่ยนสองครั้ง นายคือผู้มีพระคุณของพวกเรา มีสิทธิ์ครอบครองบัตรนกยูงแดงใบนี้”
ซ่งหงเหยียนจริงใจมาก “อีกอย่างต่อไปเชี่ยนเชี่ยนอาจต้องรบกวนนาย ถ้านายไม่รับไว้ เราคงไม่กล้ารบกวนนาย”
“ได้”
ซ่งหงเหยียนพูดถึงขนาดนี้แล้ว เย่ฝานทำได้แค่จำใจรับมา “ขอบคุณคุณซ่งมาก”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณนาย”
ซ่งหงเหยียนดีใจที่เย่ฝานรับไว้ จากนั้นเข้าไปกระซิบข้างหูเขาว่า
“บัตรนี้ยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง”
“นั่นก็คือถ้าสหายเย่อยากรู้เรื่องอะไร แค่กดโทรหาเบอร์ศูนย์บริการลูกค้าด้านหลังบัตร นายก็จะรู้สิ่งที่อยากรู้”
รอยยิ้มเธอดูลึกลับขึ้นนิดหน่อย “บางทีตอนนี้นายอาจไม่จำเป็นต้องใช้ แต่ในอนาคตนายได้ใช้แน่นอน”
เย่ฝานชะงักไป พูดอะไรไม่ออก คิดไม่ถึงว่าบัตรนี้จะรู้ข้อมูลในโลกนี้ได้ด้วย
ซ่งหงเหยียนเม้มปากแดงเบาๆ จากนั้นยิ้มอย่างงดงาม “มันไม่ทำให้นายผิดหวังแน่นอน”
ขณะนั้นมีคนมาเพิ่มอีกคนหนึ่ง ถังรั่วเสวี่ยมองทั้งสองใกล้ชิดกันด้วยใบหน้านิ่ง
เธอกังวลว่าเชี่ยนเชี่ยนจะเกิดอะไรขึ้นมากะทันหัน เลยออกมาหลังแน่ใจแล้วว่าอาการของเชี่ยนเชี่ยนคงที่
คิดไม่ถึงว่าพอออกมาจะเห็นซ่งหงเหยียนอยู่ใกล้ใบหน้าเย่ฝานขนาดนั้น
ความใกล้ชิดแบบนั้น เหมือนคู่รักอย่างไรอย่างนั้น
อีกทั้งถังรั่วเสวี่ยดูออกว่าดวงตาเป็นประกายที่ซ่งหงเหยียนมองเย่ฝาน เต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจและเลื่อมใส
ทำให้เธอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
ซ่งหงเหยียนเข้าไปใกล้เย่ฝานอีก จากนั้นพูดเบาๆ อย่างอ่อนโยนว่า “ตอนเที่ยงว่างไหม ไปกินข้าวกันสักมื้อสิ”
“ขอบคุณประธานซ่ง แต่ฉันไม่ว่าง”
ถังรั่วเสวี่ยทนไม่ไหวแล้ว เธอยิ้มแล้วเดินเข้าไปคล้องแขนเย่ฝาน
“ตอนเที่ยงเขาต้องไปกินข้าวกับฉันน่ะ......”
จากนั้นเธอก็ดึงเย่ฝานเข้าไปในรถบีเอ็มดับเบิลยูสีแดง เหยียบคันเร่งออกไปทันที ทิ้งซ่งหงเหยียนที่กำลังตกตะลึงไว้
ใบหน้าเย่ฝานเต็มไปด้วยความงุนงง
นี่คือจังหวะหึงหรือเปล่า
รถเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาล ถังรั่วเสวี่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “ซ่งหงเหยียนสวยและอ่อนโยนมากใช่ไหมล่ะ”
ซ่งหงเหยียนหน้าตาสะสวย พอเธอทำตัวอ่อนโยน ดุจน้ำทิพย์ชโลมใจ ทำให้คนอดหลงใหลไม่ได้
แต่เย่ฝานไม่ใช่คนโง่ “ก็สวยดี แต่ยังห่างชั้นกับเธอเยอะ”
ความเย็นชาบนใบหน้าถังรั่วเสวี่ยหายไปนิดหน่อย
“ครืดด”
ขณะนั้นมือถือเย่ฝานสั่น
เขากดรับสาย เสียงดุดันของแม่ยายดังออกมาทันที
“เย่ฝาน อย่าลืมไปทวงหนี้ที่สมาคมการค้าสี่ทิศล่ะ......”