บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 ทองแดงแปรหยก เลือดกลายทิพย์เซียน

ตอนนี้คนตระกูลเหยาทุกคนปิดปากเงียบ

ถ้อยคำที่ซ่งเจิ้นไห่เอื้อนเอ่ย ทุกคนอดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้สวะคนนี้ แท้จริงแล้วได้เก็บซ่อนความเป็นอัจฉริยะไว้?

ซุนกั๋วลี่เห็นบรรยากาศไม่สู้ดีนัก กลัวจะส่งผลต่อเรื่องแต่งงานของลูกชายตน จึงเอ่ยเสียงประชดประชัน “โอ๊ย! เซียวชุ่นจะรักษานายท่านซ่งหายโดยบังเอิญก็ได้ เรื่องนี้พักก่อน มาพูดถึงเรื่องที่เขามอบเหรียญทองแดง?มามอบของห่วยๆในงานวันคล้ายวันเกิดแปดสิบปีได้ยังไง นายจงใจทำให้นายท่านโกรธปวดหัวใช่ไหม?”

ประโยคดังกล่าวเสมือนเครื่องจี้ให้ทุกคนตื่นจากความฝัน

ทันใดนั้นคนตระกูลเหยาดวงตาสว่างจ้า รีบคล้อยตามโดยพลัน เพราะพวกเขาไม่อาจยอมรับว่าสวะในอดีตจะมีพลิกแพลงสถานการณ์ได้

“ใช่ นายจะอธิบายเรื่องเหรียญทองแดงยังไง?ถึงนายจะเป็นหมอยอดฝีมืออย่างที่นายท่านซ่งกล่าว แต่เรื่องมอบของขวัญวันเกิดแย่ๆแบบนี้ ไม่ใช่ว่าจงใจทำลายบรรยากาศวันคล้ายของนายท่านหรอกนะ?”

หยาวฮั่นตื่นเต้นสุดแสน คล้ายกับจับจุดอ่อนของเซียวชุ่นได้

ซ่งเจิ้นไห่กับซ่งหลิงเอ๋อร์ไม่ส่งเสียง พวกเขามาเพื่อขอบคุณเซียวชุ่น ทว่าไม่คิดว่าจะมาตอนที่เกิดเรื่องภายในครอบครัวพอดี

และซ่งเจิ้นไห่ก็แอบหวังในใจว่าเซียวชุ่นจะถูกตระกูลเหยาปลดออกจากการเป็นลูกเขย แบบนั้นเขาก็สามารถฉวยโอกาสได้แล้ว

เซียวชุ่นกลับยิ้มเบาบาง หยิบเหรียญทองแดงบนโต๊ะขึ้นมา “สนใจเหรียญทองแดงขนาดนี้เชียวหรือ?ช่างเถอะ วันนี้ให้พวกดูหมิ่นคนอื่นได้เปิดโลกทัศน์เสียบ้าง”

เขากล่าวจบก็ปล่อยพลังออกจากปลายนิ้วสายหนึ่ง จากนั้นก็ขจัดคราบบนเหรียญได้อย่างง่ายดาย จากนั้นพวกคราบฝุ่นก็ลอยหายไป

จากนั้นรูปลักษณ์ที่แท้จริงพลันเข้าสู่สายตาผู้คน

คล้ายเหรียญทองแดง ทว่าก็คว้ายกับหยกด้วย ถึงจะเป็นสีเขียว แต่ก็วาววับราวกับหยกระดับพรีเมี่ยม และระหว่างนั้นก็เห็นเลือดสดกำลังไหลเวียน

เพียงไม่กี่วินาที ทุกคนก็ต้องเบิกตากว้าง

“อันนี้คือ?”

ซ่งเจิ้นไห่อุทานออกมาทันที จากนั้นก็กระโจนเข้าหาอีกฝ่าย“ผู้เพื่อนเซียว เอ่อ...ให้ตาเฒ่าอย่างฉันดูหน่อยได้ไหม?”

“ไม่มีเหตุผลที่ไม่ได้” เซียวชุ่นรีบนำเหรียญทองแดงให้ ส่วนซ่งเจิ้นไห่ก็รีบรับมา

ยังมีคนตอบสนองอย่างดุเดือด ซึ่งก็คือโอหยางเจิ้ง เขารีบพวยพุ่งเข้าไป ไม่สำรวมกิริยาต่อหน้าซ่งเจิ้นไห่อีกต่อไป แล้วทั้งสองก็มองสิ่งนี้พร้อมกัน

เสี้ยววินาทีที่เห็นชัดเจนแล้ว

รูม่านตาของซ่งเจิ้นไห่หดลงฉับพลัน มือสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ปากพูดตะกุกตะกักว่า“โอ้พระเจ้า!อันนี้ ของสิ่งนี้ทองแดงแปรหยก เลือดกลายทิพย์เซียน!”

โอหยางเจิ้งก็เบิกตาโพล่งโต รีบเสริมขึ้นมาด้วยความทึ่ง

“เจ้าของเหรียญทองแดงคนก่อนต้องเป็นยอดคนแน่ เป็นวัตถุล้ำค่า หากใช้เงินตีมูลค่าก็จะอยู่ที่พันล้าน และฉันก็ซื้อโดยไม่ลังเลไว้เหรียญหนึ่งเช่นกัน นึกไม่ถึงว่า...นึกไม่ถึงว่าคนแก่ไม้ใกล้ฝั่งอย่างฉันจะได้เห็นอีกเหรียญหนึ่ง”

ซ่งเจิ้นไห่นำเหรียญทองแดงในมือพลิกดูด้านหลัง จากนั้นก็เห็นดอกบัวขาวบริสุทธิ์กำลังบานสะพรั่ง ทันใดนั้นหัวใจเขาก็สั่นไหว

หรือว่าวัตถุนี้จะเป็นเครื่องประดับกายตอนที่บุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่?

สองชายชราเงยหน้ามองเซียวชุ่นด้วยความอัศจรรย์ใจ

ท่ามกลางสายตาผู้คน โอหยางเจิ้งผู้เลื่องชื่อโค้งตัวคารวะเซียวชุ่น จากนั้นก็เอ่ยเสียงสั่นเทา “ขอเรียนถามคุณเซียวหน่อยว่าของสิ่งนี้เป็นเครื่องประดับกายของเต้าหยินบัวเขียวหรือเปล่า?”

เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เหยาเจิ้นชูหน้าซีดเหมือนไก่ต้ม

มือเหยาเจิ้นชูสั่นสะท้าน จับไม้เท้าไว้แน่นจึงพอจะพยุงตัวเองให้ยืนต่อไปได้ เขาถามด้วยเสียงขมฝาด“พี่โอหยางพูดจริงหรือ?”

หยาวฮั่นไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง หัวคิ้วมุ่นแล้วเอ่ยด้วยวาจาไม่สบอารมณ์

“แค่เหรียญทองแดงของเต้าหยินคนหนึ่ง ไม่เห็นจะวิเศษวิโสตรงไหนเลย ผมไปเอาจากวัดมากองหนึ่งก็ยังได้เลย”

สิ้นเสียง“ผัวะ”เกิดเสียงดังกังวาน

เหยาเจิ้นชูตบหน้าหยาวฮั่น

“หุบปากเดี๋ยวนี้ อย่าพูดจาซี้ซั้ว” เหยาเจิ้นชูตกใจจนทุบไม้เท้า ความหวาดกลัวเขียนบนใบหน้าอย่างฉายชัด

หยาวฮั่นที่โดนตบรู้สึกมึนงง

เขาคือหลานชายคนโปรดสุดของคุณปู่ แม้แต่เสียงดุจากคุณปู่ก็ยังไม่เคยเจอ แต่วันนี้กลับโดนตบหน้าหนึ่งฉาด?

เมื่อเห็นเพลิงโทสะบนใบหน้าเหยาเจิ้นชู หยาวฮั่นก็รีบหนีไปอยู่ด้านข้าง

ทว่าในใจเขาเชื่อมโยงความผิดนี้ที่ตัวเซียวชุ่น ดังนั้นเวลานี้เขาจึงรู้สึกชิงชังเซียวชุ่นเข้ากระดูก!

เหยาเจิ้นชูเอ่ยเสียงซับซ้อนว่า“อันนี้เป็นของของเต้าหยินบัวเขียวจริงหรือ?”

คนรุ่นหลังได้ยินเต้าหยินบัวเขียวแล้วอาจจะไม่คุ้นหู ทว่ารุ่นเหยาเจิ้นชูกับโอหยางเจิ้งแล้ว กลับเป็นชื่อที่จำฝังใจ รู้สึกอีกฝ่ายเป็นดั่งเทพเซียนบนโลกมนุษย์

ถึงแม้พวกเขาจะไม่เคยพบเจอมาก่อน แต่ก็รู้ดีว่า บนโลกใบนี้มีผู้แกร่งกล้าอยู่ไม่น้อย!

นักบู๊โบราณคือหนึ่งในนั้น!

ตระกูลนักบู๊ผู้ลี้ลับก็เป็นหนึ่งในนั้น!

ลือกันว่าหลายสิบปีก่อน มีตระกูลใหญ่ในเมืองเจียงไห่เห็นลูกหลานในบ้านล้วนเป็นยอดฝีมือ อยากเป็นใหญ่ในเมืองเจียงไห่ ดังนั้นจึงคิดจะปราบเต้าเหยินบัวเขียว ทำลายลัทธิเต๋าทิ้ง ยังสบประมาทเต้าเหยินบัวเขียวว่าเป็นต้มตุ๋น เก่งแต่ปาก สุดท้ายก็รวมกำลังไปที่ผาซานชิง

เมื่อเต้าเหยินบัวเขียวเผชิญหน้ากับผู้คนฝูงชนก็แค่ซัดฝ่ามือออกไป!

ซึ่งเป็นฝ่ามือที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ คล้ายกับเป็นท่วงท่าปัดฝุ่นบนโต๊ะง่ายๆอย่างไรอย่างนั้น ทว่าช่วงวินาทีที่ซัดฝ่ามือออกไป เกิดปรากฏการณ์เมฆหมองปกคลุมไปทั่ว

แม้พวกเขาจะไม่รู้รายละเอียด ทว่าก็ได้ยินว่าหลังจากนั้น ตระกูลใหญ่ดังกล่าวที่เคยรุ่งโรจน์ที่สุดในเจียงไห่ก็ตกต่ำ สุดท้ายก็จบดิ่งอยู่ในประวัติศาสตร์

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เต้าเหยินบัวเขียวก็กลายเป็นเทพเซียนบนโลกมนุษย์ในใจพวกเขา

ซ่งเจิ้นไห่สบถเสียงดุดัน“ถ้าไม่เชื่อก็มาดูเองสิ บัวเขียวบนเหรียญปราดเปรียวเสมือนของจริง และกลีบดอกก็ราวกับกำลังเคลื่อนไหว เลียนแบบพลังแบบนี้ได้ไหมล่ะ?ตระกูลเหยาของนายตาต่ำจริงๆ!”

เหยาเจิ้นชูได้ยินก็รีบเดินเข้าไปด้วยความสงสัย จากนั้นใบหน้าก็เปลี่ยนสี เพราะทุกอย่างเป็นดั่งเช่นซ่งเจิ้นไห่กล่าว

บัวเขียวบานสะพรั่งคือสัญลักษณ์ของเต้าเหยินบัวเขียวจริงๆ

ได้ยินว่าเครื่องแต่งกายของเต้าเหยินท่านนี้จะเย็บเป็นลายบัวเขียวตามหมวกและตามเสื้อ คล้ายกับเป็นเงาติดตัว เต้าเหยินท่านนี้จึงมีสมญานามว่า บัวเขียว

นี้คือวัตถุที่เต้าเหยินบัวเขียวใช้ประดับกายในอดีต ทว่าเซียวชุ่นกลับนำมาเป็นของขวัญวันแต่งงาน เป็นการกระทำที่สุรุ่ยสุร่ายมาก?

ต้องบอกว่าวัตถุชั้นนี้สามารถสยบผู้สูงศักดิ์ในเจียงไห่ได้เลย ชนิดนี้ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ก็ยังได้เลย

เซียวชุ่นรู้สึกตลก ของอันนี้เป็นแค่ของธรรมดาที่อาจารย์ใช้เล่นในยามว่างเท่านั้นเอง หากพวกเขาเห็นวัตถุล้ำค่านับหมื่นนับพันในบ้านไม้ไผ่ พวกเขาจะไม่เป็นลมหัวฟาดพื้นหรอกหรือ?

จากนั้นโอหยางเจิ้งก็เล่าเรื่องเต้าเหยินบัวเขียวโดยสังเขป คนตระกูลเหยาล้วนเกิดความตกใจสั่นสะเทือน ไม่กล้าเชื่อว่าจะมีบุคคลเปรียบดั่งเทพยดาบนโลกอยู่จริง

“แม่ง เวอร์มาก เหมือนกำลังฝันอยู่”

“ประเทศของเรามีประวัติศาสตร์นับพันปี มียอดคนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ซึ่งก็มีไม่น้อยเลย”

“ลูกเขยตระกูลเหยาเป็นใครกันแน่ ถึงมีปัญญาเอาวัตถุในตำนานออกมาได้ หากได้ใช้ของล้ำค่าเป็นเครื่องประดับ ก็คงจะสามารถต่ออายุขัยได้ ไม่รู้ว่าดีกว่าพวกโสมกี่เท่า?”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel