บทที่ 4 ยังไม่รีบมาเซ็นชื่ออีก
“ไม่ได้ซื้อของขวัญ” เซียวชุ่นยิ้มให้กับผู้เป็นภรรยา เสริมต่อว่า“แต่ผมเอาของอย่างอื่นมา”
เขานึกถึงของที่เขาติดตัวตลอดเวลาชิ้นหนึ่ง
เหยาเสินหน้าซีดขาว ละสายตาด้วยความผิดหวัง
“ช่างเถอะ ถึงจะเอามา แต่ถ้าไม่มีคนถาม นายก็อย่ามอบเลย”
เซียวชุ่นย่นคิ้ว“กลัวของขวัญที่ผมเตรียมทำให้คุณขายหน้าเหรอ?”
“สามปีมานี้ คุณทำให้ฉันขายหน้าไม่พออีกเหรอ? เซียวชุ่น ถ้าวันปกติก็ช่างเถอะ แต่วันนี้ฉันไม่อยากเป็นตัวตลกของใครทั้งนั้น” เหยาเสินจ้องเขม็งเซียวชุ่นแวบหนึ่งด้วยความเคืองใจ
เซียวชุ่นได้ยินก็มองเหยาเสินปราดหนึ่ง ทว่าไม่ได้พูดอะไรอีก
พวกเขาสองคนพึ่งคุยกันเสร็จ หลี่ชุ่นเหลียนที่นั่งโต๊ะข้างดวงตาหลุกหลิก มองโต๊ะของเซียวชุ่นแล้วจงใจเอ่ยเสียงดัง “อุ๊ย หยุนเซียง เขยสวะบ้านเธอไม่ได้เตรียมของขวัญมาใช่ไหม ไม่รู้กาลเทศะขนาดนี้เชียวหรือ หรือเอาลมจากด้านนอกมา?”
เมื่อหลี่ชุ่นเหลียนพูดเช่นนี้ สายตาทุกคนในห้องโถงล้วนเพ่งเล็งมาทางนี้ ซึ่งล้วนเป็นสายตาเย้ยหยันทั้งสิ้น
หลิวหยุนเซียงส่งเสียงฮึดฮัด จ้องเซียวชุ่นด้วยความหงุดหงิด เหยาเสินก็รู้สึกหัวชา รู้สึกอับอายอย่างยิ่งยวด
เซียวชุ่นจะมีของขวัญอะไรได้!?
เซียวชุ่นรู้ปฏิริยาตอบสนองของหลิวหยุนเซียงกับเหยาเสิน ความรู้สึกมากมายก็ถาโถมเข้าใส่ ลุกขึ้นล้วงเหรียญทองแดงไปหาเหยาเจิ้นชู
“ไม่ถือว่าเป็นของขวัญหรอกครับ ราคาก็ทั่วไป มอบให้คุณปู่รองจากใจจริงครับ”
อาจารย์ของเขาเก็บสะสมไว้ที่บ้านไม้ไผ่ และเขาก็หยิบมันติดตัวตลอดเวลา หากเทียบกับของมีมูลค่าชิ้นอื่นแล้ว อันนี้ก็ไม่มีราคาจริงๆ
“คิก สวะจริงๆ ไม่มีของขวัญดีๆกับเขาบ้างเลย” หลี่ชุนเหลียนพูดจาถากถางคนแรก
ซุนกั๋วลี่ยิ้มเย็นเอ่ยว่า“ฮ่าๆ เหรียญทองแดงสกปรกๆแบบนี้ ไปซื้อมาจากร้านแผงลอยใช่ไหม?คิกคิก นายท่านตระกูลเหยา ต้องบอกว่าลูกเขยแต่งเข้าบ้านของคุณเป็นบุคคลมากความสามารถจริงๆ!”
ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์หนิวจุ้นเผิงโก่งเสียงตะโกนพูดว่า“เซียวชุ่น ถ้าไม่มีเงิน ฉันสนับสนุนนายได้นะ?อันนี้ด้อยราคาเกินไปแล้ว!”
ผู้นำด้านบันเทิงอย่างโฮ๋จินหย่งก็ไม่กลัวว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โต ร่วมสมทบว่า“ใช่ ฉันไม่เคยเห็นของขวัญขายหน้าแบบนี้หลายปีแล้ว ลูกเขยคนนี้เป็นยอดคนจริงๆ!”
ได้ยินดังนี้ คนตระกูลเหยาก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยิ่งตอกย้ำว่าเซียวชุ่นเป็นสวะขนานแท้
ส่วนเหยาเสินก็กัดริมฝีปากแดงแน่นขนัด สายตาเหน็บแนมของทุกคนอยากทำให้เธออยากมุดดินหนีเหลือเกิน
“ไสหัวกลับไปเลย แกมันสวะขายหน้าจริงๆ” หลิวหยุนเซียงขบกรามด้วยความโกรธ
หยาวฮั่นอดก่นด่าไม่ได้“ขายหน้าชะมัด ตัวเองขายหน้ายังไม่พอ ยังทำให้ตระกูลเหยาขายหน้าไปด้วย!”
เหยาเต๋ออดสบถเสียงเย็นเยียบไม่ได้“ไม่ควรให้แกมาร่วมงานเลี้ยงคืนนี้เลย ขายหน้ากันหมดแล้ว!”
เซียวช่นยิ้มเบาๆ จากนั้นก็จับเหรียญทองแดงในมือเล่น เพราะมีอายุหลายปีแล้ว จากเหรียญที่สว่างสดใสก็มัวหมองไร้แสงสี
“ผมยังคิดอยู่เลยว่าจะมีคนสายตาดี คิดไม่ถึงว่าจะมีตาแต่หามีแววไม่”
“สามหาว!ฉันพอจะรู้เรื่องวัตถุโบราณอยู่บ้าง ฉันจะดูสิว่าเป็นของแปลกหายากอะไร?”
หยาวฮั่นหัวเราะเสียงเย็น เอาเหรียญทองแดงมาพินิจพิเคราะห์ จากนั้นก็โยนกลับคืนให้เซียวชุ่น ก่อนจะด่าแบบไม่ยั้ง “ของบ้าบออะไร ฝุ่นทำให้มือฉันเปื้อนหมดแล้ว ขออภัยที่ฉันพูดตรงๆนะเซียวชุ่น สมองนายมีปัญหาหรือเปล่า ทำไมเอาขยะแบบนี้ให้หลอกทุกคน!”
โอหยางเจิ้งไม่ส่งเสียง ทว่าเอาแต่จ้องเหรียญทองแดงแล้วขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
เหยาเจิ้นชูสังเกตเห็นสายตาของโอหยางเจิ้ง จึงระงับความคิดทำให้เซียวชุ่นขายหน้าตายไม่ได้ เอ่ยด้วยเสียงพอเหมาะพอควรว่า“คิกคิก คาดว่าคงจะเป็นใช้เงินไม่กี่หยวนซื้อมา คุณโอหยางไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
หัวเราะเสร็จ เหยาเจิ้นชูก็มองไปยังเซียวชุ่นด้วยแววตาถมึงทึงหลายส่วน ไอ้สวะตัวนี้หาเรื่องให้เขาจริงๆ
“ไม่จำเป็นที่คุณปู่จะเสียอารมณ์ในงานเลี้ยงเพราะคนแบบนี้หรอกครับ”
หยาวฮั่นลุกขึ้นยิ้มอย่างเบิกบาน โบกมือขึ้นกล่าวว่า“เพราะถึงยังไง เดี๋ยวเขาก็ไม่ใช่คนของตระกูลเหยาแล้ว”
ระหว่างที่พูด หยาวฮั่นก็มองเซียวชุ่นด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ
ซุนกั๋วลี่กะพริบตา ถือโอกาสลุกขึ้นเอ่ย“คนแซ่ซุนก็ได้ตั้งใจเตรียมของขวัญมาด้วยเช่นกัน และถือโอกาสสู่ขอให้กับหลานชายของผมด้วย ฮ่าๆ”
ระหว่างที่พูด ซุนกั๋วลี่ก็เอากล่องยาวชิ้นหนึ่งออกมา จากนั้นก็เปิดออก
ทุกคนยืดคอเข้ามาดูด้วยความอยากรู้ว่าของขวัญจากซุนกั๋วลี่คืออะไร
เมื่อกล่องของขวัญตัวยาวค่อยๆเปิดออก ซุนกั๋วลี่ก็หยิบภาพวาดขึ้นมาหนึ่งม้วน ก่อนจะได้ด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง
“ได้ยินว่านายท่านเหยาชื่นชอบภาพวาดภูเขาและน้ำ และนี่ก็เป็นผลงานเอกของจิตรกรผู้เลื่องชื่อ ซึ่งเป็นจิตรกรเลื่องชื่อหนึ่งในแปดของราชวงศ์ชิง ชื่อว่าหวางอะไรเซิงนี่แหล่ะ?สรุปก็คือเป็นผลงานหนึ่งของเจ้อเจียง”
“ชื่อว่าภาพเหมยไผ่วดี ผมต้องใช้เงินสูงกว่าจะประมูลมาได้”
ซุนกั๋วลี่พึ่งกล่าวจบ เหยาเจิ้นชูก็หายใจรัวแรง รีบรับมา ปากพูดตะกุกตะกักว่า “นี่...นี่เป็นผลงานของเจ้อเจียงจริงๆเหรอ?จิตรกรวาดภาพภูเขาและน้ำขึ้นชื่อในราชวงศ์ชิงมีสี่ราชาสี่ปรมาจารย์ และเจ้อเจียงคือหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ไม่นึกเลยว่าจะได้รับผลงานชิ้นใหญ่ของเขาตอนมีชีวิตอยู่”
เหยาเจิ้นชูรับภาพมาด้วยความปลื้มปีติเป็นล้นพ้น จากนั้นก็เผย《ภาพเหมยไผ่วดี》สู่สายตา
เป็นภาพวาดภูเขาและน้ำชั้นเยี่ยมจริงๆ น้ำหมึกบนกระดาษถ่ายทอดเป็นเทือกเขาหินที่ตั้งตระหง่านเสียดฟ้า และด้านบนมีต้นเหมายแห้งเหี่ยว และมีดอกกล้วยไม้รายล้อม ทุกอย่างละเมียดละไมได้อย่างลงตัว ส่วนพื้นผิวขาวโล่งชวนให้นึกถึง ว่าสิ่งนี้คล้ายกับผิวทะเลสาบสุดลูกหูลูกตา
เหยาเจิ้นชูรีบกล่าวคำขอบคุณ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความอิ่มเอมใจ เก็บไว้ด้วยความระมัดระวัง
“ขอบคุณนายท่านซุนมากๆ เป็นของขวัญที่ดีมากจริงๆ”
ซุนกั๋วลี่หัวเราะดังกึกก้อง เอ่ยว่า“นายท่านเหยา ฉันก็ไม่ปิดบังอะไรแล้วนะ ถือโอกาสที่ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ฉันคิดว่าควรจะกำหนดอะไรบางอย่างหรือไม่?ประกาศในงานฉลองวันเกิดก็เท่ากับมีเรื่องยินดีเกิดขึ้นสองอย่าง”
เหยาเจิ้นชูพยักหน้านิดๆ ลุกขึ้นด้วยใบหน้าเข้มขรึม
“วันนี้ ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในคืนนี้ ตอนนี้ผมขอประกาศให้ทุกท่านทราบหนึ่งเรื่อง วันนี้จะยกเลิกการแต่งงานของหลานสาวฉัน เหยาเสินกับเซียวชุ่น จากนั้นก็จะแต่งงานกับซุนซวน คุณชายแห่งตระกูลซุน”
“เรื่องสำคัญเช่นนี้ ถือว่าเป็นเรื่องยินดีมาเยือน หวังว่าทุกท่านจะอวยพรคู่หนุ่มสาวที่เหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยกด้วย”
ประกาศต่อหน้าทุกคนอย่างเอิกเกริก
เห็นได้ชัดว่าพวกแขกรู้เรื่องนี้แล้ว ต่างพากันยกมือแสดงความยินดี ทว่าถ้อยคำแสดงความยินดีกลับบาดหูเซียวชุ่นยิ่ง
ทั้งๆที่เขาก็ร่วมงานด้วยแท้ๆ ทว่าก็ไร้คนใส่ใจ ได้ยินดังนั้นก็ชะงัก มุมปากยกรอยยิ้มเย็นขึ้น
เขาก็ว่า ไม่เคยถูกเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงของตระกูลเหยามาก่อน แต่ครั้งนี้กลับได้รับเชิญให้ร่วมงานวันเกิดของนายท่านตระกูลเหยา ที่แท้ก็มีฉากตลกร้ายแบบนี้นี่เอง
คล้ายกับไม่เห็นเขาเป็นคนเลย
“คนตระกูลเหยาน่าสนใจจริงๆ”
เหยาเสินได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็เผยความละอายใจและซับซ้อนออกมา เธออยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่าก็พูดไม่ออก
เวลานี้หลี่ชุนเหลียนแหกป่าตะโกนพูดว่า
“เซียวชุ่น ไม่งั้นทำไมแกถึงคิดว่าทำไมวันนี้มีเมตตาให้แกมาร่วมล่ะ?ยังไม่รีบมาเซ็นชื่ออีก อย่าเสียเวลาชีวิตคู่ของเสินเอ๋อร์กับซุนซวนเลย”
พูดจบ เธอก็โยนซองเอกสารออกไป จากนั้นก็เขวี้ยงใส่ตัวเซียวชุ่นด้วยความลำพองใจ เธอเห็นเซียวชุ่นเป็นหนามตำตาตั้งนานแล้ว จึงรู้สึกสะใจกับการกระทำของนายท่านมาก
หนังสือหย่า!
“เป็นฉากเด็ดเสียจริง”
ก็ดี ยังกลุ้มใจอยู่เลยว่าจะเริ่มแสดงอานุภาพตรงไหน ตอนนี้ตระกูลเหยาส่งมาหาตนเองถึงที่แล้ว
เซียวชุ่นพ่นลมออกมา จากนั้นก็ขยับไหล่ กำหมัดแน่นขนัด
เขาเงยหน้ามองพวกที่เหมือนตัวตลกด้วยสายตาดั่งราชสีห์ที่ตื่นนอน
สามปีแล้ว คนกลุ่มนี้ก็เหมือนมดที่ไม่กลัวตาย วันนี้ฉันจะทำให้ทุกคนคุกเข่าลง