บทที่ 2 ท่านอาวุโสนามว่าซ่งเจิ้นไห่
“นี่มัน...”
เม็ดเหงื่อกลมผุดพรายขึ้นมาเต็มหน้าผากหวางข่ายเจี๋ย ถ้าไม่ใช่เพราะหายใจไม่สะดวกจนทำให้เป็นลมหน้าซีด แล้วแพทย์แผนปัจจุบันอย่างเขาจะทำการรักษาที่นี่ได้อย่างไร!
“เอ่อ...รีบส่งไปที่โรงพยาบาลด่วนเถอะ รักษาที่นี่ไม่ได้” หวางข่ายเจี๋ยลุกขึ้นกล่าวด้วยความหงุดหงิด
“แต่เมื่อกี้ฉันโทรไปที่โรงพยาบาลแล้วค่ะ มาเร็วสุดก็อีกสิบนาที”
สาวน้อยเอ่ยเสียงสะอื้นแล้วมองหวางข่ายเจี๋ยด้วยความวิตกกังวล
“งั้นก็ไม่มีทางเลือก คงต้องรออย่างเดียว” หวางข่ายเจี๋ยเอ่ยเสียงเคร่งเครียดด้วยหน้าเจื่อน
เวลาเดียวกันก็เกิดเสียงตกใจจากกลุ่มคน
“เฮ้อ นายทำอะไรของนาย!”
หวางข่ายเจี๋ยมองไปตามเสียงก็เห็นไอ้สวะเซียวชุ่นกำลังนั่งยองฝังเข็มให้ผู้ป่วย
“เซียวชุ่น แม่ง มึงทำอะไรว่ะ?”
ความโกรธของหวางข่ายเจี๋ยเพิ่มระดับความเข้มข้นขึ้น จากนั้นก็พุ่งเข้าไปกระชากเซียวชุ่นขึ้นมา
เล่นตลกอะไรว่ะ!
ไอ้สวะคนนี้ฝังเข็มให้ผู้ป่วยหรือ ถ้าผู้ป่วยเป็นอะไรไปต่อหน้าเขา เขาก็หนีความผิดไม่พ้นเช่นกัน
“ปอดของผู้อาวุโสคนนี้เคยบาดเจ็บสาหัส เมื่อกี้คุณตบหลังเขา มันเกือบทำให้ปอดเขาแตกแล้ว ถ้าไม่อยากตายก็ไสหัวไปอีกทางเลย”
เซียวชุ่นไม่มีเวลาพูดจาไร้สาระกับหวางข่ายเจี๋ย ฝังเข็มให้ผู้อาวุโสต่อ แม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้นสองชั้น ทว่าก็สามารถฝังได้อย่างแม่นยำ
“มึง...”
โดนเซียวชุ่นตำหนิต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ หวางข่ายเจี๋ยก็กระโดดเตะก้านคอเซียวชุ่นสักยก ทว่าเขาไม่กล้า
เพราะเมื่อกี้เซียวชุ่นพูดถูก เขาตบหลังผู้อาวุโสสองสามทีก็ได้กลิ่นคาวเลือดสดแสบจมูก
ถ้าเขาตบหลังผู้อาวุโสแล้วทำให้อีกฝ่ายถึงแก่ชีวิต งั้นอาชีพของเขาก็ต้องเปื้อนมลทินแน่
ไอ้สัตว์ ทำไงล่ะทีนี่!
เซียวชุ่นไม่สนใจในสิ่งที่หวางข่ายเจี๋ยคิด ทุกครั้งที่เขาฝังเข็ม พลังที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็เข้าสู่ร่างกายผู้อาวุโส เข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะภายใน เมื่อฝังติดต่อกันเจ็ดเข็ม โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็แล้วเสร็จ และหนึ่งนาทีต่อมาก็ทำการดึงเข็มออก
“เรียบร้อยแล้ว”
พูดจบ เซียวชุ่นก็เก็บเข็มด้วยความเงียบสงบ
ทุกมองด้วยอารมณ์กึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ทันใดนั้นก็เห็นผู้อาวุโสไออย่างรุนแรง จากนั้นใบหน้าก็แดงก่ำ สุดท้ายก็ลืมตาขึ้น
“คุณปู่”
สาวน้อยร้องไห้ด้วยความดีใจ
“คิกคิก ตาเฒ่าอย่างฉันไม่ตายง่ายๆหรอก” ผู้อาวุโสยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะลูบหลังสาวน้อยเพื่อปลอบประโลม
“หายจริงๆด้วย อัศจรรย์สุดๆ”
“เมื่อกี้คุณหมอหวางบอกว่ารักษาไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? บอกว่าต้องรอรถโรงพยาบาล ชายหนุ่มคนนี้เก่งกว่าคุณหมอหวางอีก”
“ใช่ คุณหมอหวางเป็นถึงหมอเฉพาะทางในโรงพยาบาลประจำเมืองด้วย แต่คุณหมอหวางก็ยังรักษาไม่ได้ ส่วนพ่อหนุ่มคนนี้รักษาแป๊บเดียว สีหน้าของผู้อาวุโสก็เปล่งปลั่งกว่าคนหนุ่มสาวอีก”
หวางข่ายเจี๋ยได้ยิน ใบหน้าก็ลวกร้อนแผ่วจนปวดจี๊ด
เมื่อสักครู่ เขาได้เหยียดหยามเซียวชุ่นอย่างไม่ยั้งไปแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับใช้ฝีมือตบหน้าเขา ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นด้านวิชาแพทย์ที่เขาถนัดที่สุดอีกด้วย
“บัดซบ”
หวางข่ายเจี๋ยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้ว ถือโอกาสที่ผู้คนไม่สังเกต รีบเผ่นออกจากธนาคารทันที
เซียวชุ่นเห็นแล้วก็อดหัวเราะเสียงเย็นไม่ได้ แสงหิ่งห้อยยังกล้ามาดวลกับแสงดวงตะวัน แสงจันทร์อีก!
ในสายตาเขา หวางข่ายเจี๋ยเป็นเพียงตัวตลกคนหนึ่ง เขาไม่มีอารมณ์เหยียบเลยด้วยซ้ำ
มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นอีกครั้ง ไม่ต้องเดาเซียวชุ่นก็รู้ว่าเหยาเสินโทรมาเร่งเร้า เซียวชุ่นทอดถอนหายใจ เตรียมโบกรถไป
ทว่าสายตาสาวน้อยเฉียบแหลม เมื่อเห็นท่าทีของเซียวชุ่นก็รีบคว้าตัวเซียวชุ่นไว้“คุณค่ะ ไม่ทราบว่าชื่ออะไรคะ?ขอบคุณที่ช่วยคุณปู่ฉันค่ะ!”
เมื่อได้ยินหลานสาวบอกว่าชายหนุ่มตรงหน้าช่วยตนไว้ก็อ้าปากพะงาบๆด้วยความตกตะลึง เพราะขนาดหมอที่ดีที่สุดของจังหวัดยังรักษาไม่หาย เขากลับหลานสาวกลับมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และถือเป็นการกล่าวอำลากับครอบครัวด้วย
“พ่อหนุ่มรักษาโรคของฉันหายแล้วหรือ?”
ผู้อาวุโสจับข้อมือเซียวชุ่นด้วยความตื่นเต้น
“คุณหายป่วยแล้ว จากนี้ก็บำรุงร่างกายสักหน่อยก็ไม่มีปัญหาแล้ว ถ้าไม่มีธุระแล้วผมขอตัวก่อน” มือของเซียวชุ่นเปรียบดั่งปลาไหล ลื่นออกจากมือผู้อาวุโสอย่างง่ายดาย แล้วยกเท้าหมายจะจากไป
“ช้าก่อนพ่อหนุ่ม” ผู้อาวุโสรั้งตัวเซียวชุ่นไว้อีกครั้ง
“นายท่าน อันนี้คือ?”
เห็นเซียวชุ่นเลิกคิ้ว ผู้อาวุโสก็รีบขอโทษ“ขอโทษด้วย ฉันตื่นเต้นไปหน่อย คืออย่างนี้ ตาเฒ่าฉันชื่อซ่งเจิ้นไห่ คนนี้คือหลานสาวฉัน ชื่อซ่งหลินเอ๋อร์ อันนี้คือนามบัตรของฉัน ฉันคิดว่าตัวเองยังพอมีชื่อเสียงและบารมีในเมืองเจียงไห่อยู่บ้าง ถ้าพ่อหนุ่มมีข้อเรียกร้องอะไรก็ติดต่อฉันได้เลย!”
“ครับนายท่าน ถ้ามีวาสนาต่อกันก็พบกันใหม่”
เซียวชุ่นรับมาไว้ จากนั้นก็ชักมือกลับแล้วก้าวเท้าไปยังเคาน์เตอร์อย่างเร็วไว
ซ่งหลิงเอ๋อร์โกรธจนกระทืบเท้า เอ่ยเสียงเดือดดาล“คุณปู่ คนนี้ทำตัวแย่มาก?กระทั่งตระกูลซ่งแห่งเตียนหนานยังไม่เห็นอยู่ในสายตา อีกอย่างหนูไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะรักษาโรคของปู่ได้แล้ว”
เพราะเป็นโรคติดตัวคุณปู่มานานสิบกว่าปี เป็นไปไม่ได้ที่บอกรักษาหายก็หายเลย
ซ่งเจิ้นไห่ทอดถอนใจยาวๆ กล่าวด้วยสีหน้าตื้นตัน“ปู่ก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่ตอนที่ปู่ฟื้นขึ้นมารู้สึกร่างกายอบอุ่นมาก และรู้สึกมีแรงเหมือนสมัยยังหนุ่มยังแน่น มันต้องเกี่ยวข้องกับพ่อหนุ่มคนนี้แน่ ไป พวกเราไปตรวจที่โรงพยาบาลก็จะรู้เอง”
“หลิงเอ๋อร์ ถึงเขาจะรักษาโรคไม่หาย แต่ก็มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตปู่ไว้นะ หลานต้องขอบคุณเขาดีๆนะ”
ซ่งหลิงเอ๋อร์เงียบไม่ส่งเสียง ทำหน้าใส่เซียวชุ่นที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ ก่อนจะประคองผู้อาวุโสจากไป
เมื่อรับเงินสดหนึ่งแสนเรียบร้อยแล้ว เซียวชุ่นก็เก็บใส่ในถุงแล้วออกจากธนาคาร จากนั้นก็เรียกรถไปยังโรงแรม
“ไปที่โรงแรมเยว่ไห่”
……
สิบนาทีต่อมา เซียวชุ่นก็มาถึงโรงแรมเยว่ไห่แล้วไปยังชั้นสูงสุดของโรงแรม
ห้องโถงในชั้นสูงสุดของโรงแรม กว้างใหญ่ หรูหราโอ่อ่า โต๊ะกลมหลายสิบตัวเกือบมีแขกนั่งเต็มกันหมดแล้ว บรรยากาศครึกครื้นยิ่ง
โต๊ะกลมกลางห้องโถง เซียวชุ่นเห็นว่ามีคนในครอบครัวของตระกูลเหยานั่งกับกลุ่มคนที่ทรงอิทธิพลในเมืองเจียงไห่
ชายชราในชุดราชวงศ์ถังนั่งข้างเหยาเจิ้นชู ทำให้เซียวชุ่นเห็นแล้วประหลาดใจเหลือแสน แปลกใจมากที่สุด เพราะคนผู้นั้นคือโอหยางเจิ้งแห่งตระกูลโอหยาง
โอหยางเจิ้งเป็นประธานของสมาคมโบราณวัตถุในเมืองเจียงไห่ มีอำนาจใหญ่ในตระกูลโอหยาง บุคคลสูงส่งเพียงนี้มาร่วมงานเลี้ยงของเหยาเจิ้นชู ช่างเป็นเรื่องที่ประหลาดใจโดยแท้ เพราะถึงแม้ตระกูลเหยาจะนับว่ามีเงินมีอำนาจ ทว่าก็ยังห่างชั้นกับพวกตระกูลใหญ่โตอยู่มาก
อีกข้างหนึ่งของเหยาเจิ้นชู มีชายร่างอ้วนท้วนหน้ามัน พุ่งใหญ่ ใบหน้าเผยรอยยิ้มปลิ้นปล้อนตลอดเวลา จึงเผยฟันเหลืองออกมาเต็มๆ
เซียวชุ่นมองไปยังคนอื่น พบว่าเป็นพวกญาติๆ ส่วนภรรยาของเขา เหยาเสินก็นั่งอยู่ในมุมหนึ่ง ด้านข้างภรรยาเป็นแม่ยายหลิวหยุนเซียงกำลังทำหน้าบึ้งตึง คนถัดมาก็เป็นพ่อตาเหยาเจี้ยนกั๋ว ซึ่งสีหน้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าแม่ยายเลย
วันนี้เหยาเสินสวมชุดราตรีสีดำ ผมยาวประบ่า ผิวพรรณขาวผุดผ่อง งดงาม ดวงตาสุกใสดั่งทะเลสาบคู่นั้น เผยรังสีเยือกเย็นและเงียบเหงาเฉกเช่นดวงตาคู่นั้น ทว่าก็เปี่ยมไปด้วยความงาม
แม้แต่เซียวชุ่นที่หัวใจประดุจสายน้ำหยุดไหล บางครั้งก็เกิดความวูบไหวอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะถึงเวลากำหนดสามปี แต่เป็นเพราะเหยาเสิน เซียวชุ่นจึงยังคิดจะอยู่ในตระกูลเหยาต่อ
เซียวชุ่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเท้าไปหาเหยาเสิน