บทที่ 14 ฝากตัวเป็นศิษย์
เซียวชุ่นกำลังจะเดินเข้าไปดูก็ถูกหวางข่ายเจี๋ยเข้ามาขวางเอาไว้
“ไปให้พ้น!”เขากัดฟัน ตบไปที่ใบหน้าของหวางข่ายเจี๋ยฉาดหนึ่ง
แรงตบนี้หนักหน่วงมาก ทำเอาหวางข่ายเจี๋ยถึงกับซวนเซร่างเสียหลัก ก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น ใบหน้าครึ่งซีกบวมแดงขึ้นในทันที
เซียวชุ่นรีบเดินไปนั่งลงที่ข้างเตียง วางมือไปแตะชีพจรของเด็กหญิง ขมวดคิ้ว แอบนึกแปลกใจเล็กน้อย ในเวลาสั้นๆไม่ถึงครึ่งนาที อาการของแม่หนูคนนี้ก็กลับทรุดลงอย่างรวดเร็ว หากไม่รีบทำการรักษาในทันที เกรงว่าท่าจะรอดยากแล้ว
เขารีบหยิบกล่องเข็มออกมา แล้วกางลงในพื้นที่ว่างของเตียง
“คุณเลอะเทอะเกินไปแล้ว มันเป็นแผลไฟไหม้ แต่คุณกลับจะฝังเข็ม?”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ตั้งหลายคนจะสู้เด็กกะโปโลอย่างคุณไม่ได้เลยเชียวเหรอ?”
หมอที่ยืนรายล้อมกันอยู่เห็นเขาหยิบเข็มเงินออกมา ก็พากันส่ายหัว
ทันทีที่สิ้นเสียง เข็มเงินในมือของเซียวชุ่นก็ถูกปักลงไปบนจุดฝังเข็มบนร่างกายหลายจุด เด็กน้อยที่ชักกระตุกอยู่เมื่อครู่ก็สงบนิ่งลงในทันที
เซียวชุ่นรู้ ที่แม่หนูเป็นแบบนี้เพราะควันที่สูดเข้าไปเป็นจำนวนมาก ปอดของเธอได้รับความเสียหายอย่างหนัก ถึงแม้ในตอนนั้นตัวเองจะใช้ชี่ทิพย์ช่วยปกป้องปอดของเธอไปแล้ว แต่เพราะเธอยังเด็กเกินไป ร่างกายเปราะบาง และก่อให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้
แน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้ใช่ว่าจะรักษาไม่หาย เพียงแต่การฝังเข็มเพียงครั้งเดียวไม่สามารถจะทำได้
ชั่วขณะหนึ่ง ห้องผ่าตัดก็เงียบสงบ ไร้ซึ่งเสียงใดๆ
ไม่กี่วินาทีต่อมา เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจจู่ๆก็ส่งเสียง“ตี๊ดๆ”ดังขึ้นอย่างสิ้นหวัง
ทุกคนในที่นี้ต่างคุ้นเคยกับเสียงนี้เป็นอย่างดี เพราะมันบ่งชี้ว่าการเต้นของหัวใจผู้ป่วยนั้นหยุดลง จำเป็นต้องทำการCPRในทันที โดยทั่วไปแล้วถ้าเทียบกับการประกาศการเสียชีวิตก็เป็นแค่เส้นบางๆกางกั้น
คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็พากันโกลาหลขึ้นในทันที
“มีคนเสียชีวิต!โทรแจ้งตำรวจเร็ว!”
หวางข่ายเจี๋ยเอามือปิดหน้าที่บวม และพูดด้วยความดีใจ
“เซียวชุ่น แกเสร็จแน่คราวนี้!เตรียมตัวเข้าคุกได้เลย!”
“เป็นไปไม่ได้……เป็นไปไม่ได้ หมอเทวดาเซียว ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”หวางเฟิงร่ำไห้ นัยน์ตาแดงก่ำ มองไปยังเซียวชุ่นอย่างไม่เชื่อ
เขารู้ดีว่าเสียงนั้นหมายถึงอะไร ถึงเขาจะรู้ว่าโอกาสรอดของลูกสาวนั้นจะริบหรี่อย่างมาก แต่เมื่อเวลานี้มาถึง เขาก็ยังยอมรับความจริงนี้ไม่ได้
ในใจของเหยาเสินก็เต้น“โครมคราม”สูดหายใจเข้าลึกๆ
ที่แท้แล้วเซียวชุ่นก็เป็นพวกไร้ประโยชน์ ความรู้สึกดีๆที่มีต่อเขาเมื่อครู่ ก็พลันหายวับไปในทันที ไม่เพียงเท่านี้ เขาในตอนนี้ก็อาจจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอีกด้วย
ในใจของเหยาเสินอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ ทำไมฉันถึงต้องมาเจอกับหายนะแบบนี้ด้วย……
เซียวชุ่นไม่สนใจปฏิกิริยาของทุกคน หยิบเข็มเงินออกมาอีกครั้งด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ
จากนั้นก็ผนึกชี่ทิพย์ในร่างกาย ปักเข็มเงินลงตามจุดฝังเข็มบนร่างกายอย่างสงบ ทุกเข็มที่ปักชี่ทิพย์ก็กระตุ้นเส้นลมปราณที่เกี่ยวข้องของแม่หนูอยู่ตลอด
แม้ว่าเขาจะบรรลุแดนมหาเนรมิตแล้ว แต่วันนี้ได้ใช้ชี่ทิพย์ไปหลายครั้ง ก็สูญเสียพลังไปเป็นอย่างมาก
บวกกับเหยียนหวงสิบสามเข็มได้ถูกใช้มันไปจนหมด ในตอนนี้ก็มีเหงื่อแตกพลั่ก เหงื่อก้อนโตไหลอาบแก้ม ใบหน้าก็ซีดเซียวลงไปมาก
ในตอนนี้ ที่ห้องผ่าตัดก็ราวกับเวลาได้หยุดเดิน
ตรงหน้าของทุกคนราวกับมีภาพเคลื่อนไหวปรากฏ
ยอดอ่อนงอกโผล่พ้นขึ้นจากดิน ดักแด้กลายเป็นผีเสื้อ
พลังสายใหม่ได้ถูกปลุกขึ้นในความว่างเปล่า
โอนเอนเล็กน้อย ในตอนที่ฟื้นคืนสติอีกครั้ง เซียวชุ่นก็ได้เก็บเข็มเงินแล้ว ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
เด็กหญิงตัวน้อยบนเตียง หน้าอกบางได้กระเพื่อมไหวขึ้นลงตามจังหวะ คลื่นไฟฟ้าหัวใจก็กลับมาเป็นปกติ
“นี่มัน……เสร็จแล้วเหรอ?”
“การเต้นของหัวใจกลับมาเป็นปกติ ตัวชี้วัดอื่นๆก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ อาการของคนป่วยในตอนนี้ดูเหมือนจะคงที่แล้ว”หมดที่ดูแลเครื่องมือวัดกล่าว
“นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้สิ ฉันก็งุนงงเหมือนกัน”
หมอที่อยู่รอบๆบริเวณต่างก็ตกตะลึง ราวกับเมื่อครู่เพิ่งจะฝันไปยังไงอย่างนั้น
หัวใจที่กำลังจะหลุดกระเด็นออกมาของเหยาเสินก็ค่อยๆสงบลง เหลือบมองไปยังเซียวชุ่นที่ยังนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น ใบหน้าของเขาในตอนนี้ซีดเผือด ดูเหมือนคนที่เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
ทันทีทันใด ในใจของเธอก็สับสนวุ่นวายไปหมด
หวางเฟิงที่อยู่ข้างๆจับมือลูกสาวไว้แน่น มือเล็กๆที่เย็นเฉียบเมื่อครู่ก็ค่อยๆอุ่นขึ้นมา พูดด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจว่า“ หมอเทวดาเซียว?”
เซียวชุ่นยิ้มอย่างเหนื่อยล้า“เธอไม่เป็นอะไรแล้ว อีกไม่นานก็ฟื้น”
โดยไม่พูดอะไร ผ่านไปสักพัก เด็กหญิงตัวน้อยก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา จ้องมองคนแปลกหน้าที่อยู่เต็มห้องอย่างงุนงง แววตาฉายความหวาดกลัว “ป๊ะป๋า พวกเขาเป็นใครคะ?”
หวางเฟิงน้ำตาไหลด้วยความดีใจและพูดว่า“พวกเขาเป็นคุณอาหมอ ลูกไม่ต้องกลัวนะ ป๊ะป๋าอยู่ตรงนี้ด้วย”
“หนูไม่ฉีดยาได้ไหม ? หนูจะกินยาอย่างเชื่อฟังก็ได้ ”ดวงตากลมโตของเด็กน้อยจ้องมองมา เอ่ยถามหวางเฟิงอย่างน่าสงสาร
“ได้ ป๊ะป๋าตกลง ไม่ฉีดยานะ”หวางเฟิงปาดน้ำตา จากร้องไห้ก็เปลี่ยนเป็นยกยิ้ม
แม่หนูฟื้นตัวเร็วได้ขนาดนี้ ทำเอาหมอที่รายล้อมอยู่ต่างพากันมองเซียวชุ่นในมุมมองใหม่
และหวางข่ายเจี๋ยเองก็ไม่รู้ว่าหลบออกไปตั้งแต่เมื่อไร ไม่เห็นแม้เงา
โจวชูชิงในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนของโรงพยาบาลเมือง เกิดในครอบครัวแพทย์แผนจีน มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวางมาทั้งชีวิต คิดว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือ แต่วิธีการฝังเข็มที่เซียวชุ่นใช้เมื่อครู่เขากลับไม่เคยได้ยินมาก่อน ช่างลึกลับมาก บวกกับปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น จู่ๆก็ทำให้เขารู้สึกชื่นชมชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นอย่างมาก
แม้เขาจะมีอายุใกล้หกสิบปีแล้ว ตลอดชีวิตก็อุทิศตนให้กับแพทย์แผนจีนมาโดยตลอด และยังศึกษาวิจัยค้นคว้าแพทย์แผนจีนขั้นสุด ถึงขั้นหมกมุ่นเลยก็ว่าได้ เพื่อเรียนรู้ศาสตร์แพทย์แผนจีนให้ครอบคลุมมากขึ้น ก็ไม่ได้สนใจในศักดิ์ศรีหรือหน้าตา
เขาเดินไปตรงหน้าเซียวชุ่น โค้งคำนับให้แล้วพูดว่า“ คุณเซียวเป็นหมอเทวดาจริงๆ ทำพวกเรารู้สึกละอายเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่าคุณเรียนรู้มาจากใครครับ?”
เซียวชุ่นเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเขา“ผมเรียนรู้ด้วยตนเอง มีอะไรก็พูดมาตรงๆเถอะครับ ไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม ”
ใบหน้าของโจวชูชิงมีความประหม่าเล็กน้อย“คนแก่อย่างผมศึกษาค้นคว้าการแพทย์แผนจีนมาทั้งชีวิต เมื่อครู่ได้เห็นทักษะการฝังเข็มของคุณ มันช่างลึกลับมาก หากคุณไม่รังเกียจคนแก่อย่างผม รับผมเป็นลูกศิษย์ จะรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก”
ทันทีที่โจวชูชิงพูดคำนี้ออกไป หมอคนอื่นๆต่างก็พากันตกตะลึงอีกครั้ง
ต้องรู้ว่า โจวชูชิงมีตำแหน่งที่สูงมากในโรงพยาบาล และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีน ปรกติก็มีแต่คนอื่นที่มาขอร้องให้เขาช่วยทำการรักษา ไม่เคยเห็นเขาต้องก้มหัวขอความช่วยเหลือจากใครมาก่อน
เซียวชุ่นหัวเราะเสียงเบา“ คุณอายุปูนนี้แล้ว มาคารวะผมเป็นอาจารย์?”
เขาส่ายหัวและพูดว่า “ ไม่เหมาะสม”
“เรียนรู้จากกันย่อมต่างก็เป็นอาจารย์ ในความเก่งกาจย่อมมีคนที่เก่งกว่า คุณมากความสามารถขนาดนี้ ย่อมจะเป็นอาจารย์ได้”โจวชูชิงพูดอย่างจริงใจ
เซียวชุ่นโบกมือ พูดปฏิเสธ“ผมไม่รับศิษย์ คุณไปหาคนที่เก่งกว่าเถอะ ”
“ผู้ชายคนนี้ช่างหยิ่งยโสจริงๆ ผู้อำนวยการโจวจะคารวะเขาเป็นอาจารย์ แต่เขากลับปฏิเสธ?”
“ก็ใช่นะสิ นี่ก็อาศัยโชครักษาเด็กผู้หญิงคนนี้ได้ ก็อวดเบ่งวางท่าซะแล้ว ช่างไม่รู้อะไรเอาซะเลย”
มีคนซุบซิบนินทา และคำพูดเหล่านี้ก็ย่อมหนีไม่พ้นการได้ยินของเซียวชุ่น