บทที่ 13 บุกเข้าห้องผ่าตัด
“หมอเทวดาเซียว ? หมอเซียวไหนกัน ? ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน ศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองนี้ล้วนอยู่ที่โรงพยาบาลของเราเกือบทั้งหมด ”นางพยาบาลมองสำรวจชายหญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเขา หน้าตายังเด็ก อีกทั้งก็ไม่ได้สวมชุดผ่าตัด ไม่มีส่วนไหนที่เหมือนหมอเลย
จากนั้นก็พูดต่อว่า“ฉันเข้าใจความรู้สึกของญาติคนไข้ดี ชีวิตคนนั้นสำคัญยิ่ง หวังว่าคุณจะไม่สร้างปัญหาให้กับเรา หากเกิดอะไรขึ้น ใครจะรับผิดชอบ……”
“ไร้สาระ!”ยังไม่รอให้เธอได้พูดจบ เซียวชุ่นก็ทนรอไม่ไหวอีกต่อไป ขี้เกียจจะฟังเธอพร่ำบ่น ดันเธอออก แล้วเดินเข้าไปในห้องผ่าตัดอย่างไว
หวางเฟิงกับเหยาเสินก็ตามเข้าไปด้วยเช่นกัน
นางพยาบาลกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ ร้องเรียกอย่างลนลาน“นี่พวกคุณ ……”
ในห้องฉุกเฉินหมอทุกคนก็กำลังหารือกันเสียงเบาเกี่ยวกับแนวทางในการช่วยชีวิต เจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าก็ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
จู่ๆก็มีคนบุกเข้ามา สายตาของทุกคนก็จึงหันมองมาโดยไม่ได้นัดหมาย
หนึ่งในหมอผู้ชายที่ดูจะอายุมากกว่าก็พูดตำหนิขึ้นมา“นี่มันอะไรกัน?!ใครให้พวกคุณเข้ามา ? ออกไปให้หมดเลยนะ!”
นางพยาบาลตัวน้อยสะอื้นไห้แล้วกล่าวว่า“ผู้อำนวยการโจว ญาติคนไข้บุกเข้ามา ต้องโทษที่ฉันขวางเอาไว้ไม่ได้ค่ะ ”
เธอเองก็ไม่คิดว่าจะมีคนบุกเข้ามาในห้องผ่าตัดแบบนี้
โจวชูชิง รองผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเมือง และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีนด้วย ครั้งนี้นับเป็นอุบัติเหตุทางถนนครั้งใหญ่ รัฐบาลท้องถิ่นให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ออกคำสั่งให้โรงพยาบาลเมืองของพวกเขาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ ดังนั้นพวกเขาก็จึงไม่กล้าละเลยต่อหน้าที่
นอกจากเขาแล้วยังมีอีกหลายคนที่เป็นบุคลากรที่โดดเด่นในแผนกต่างๆของโรงพยาบาล
หวางเฟิงเห็นลูกสาวที่นอนหายใจรวยริน ด้วยผิวหนังที่เป็นแผลไฟไหม้บริเวณกว้าง เนื้อหนังสัมผัสกับอากาศ ช่างน่าเวทนาเกินกว่าจะทนดูได้
ความรู้สึกของเขาพังทลายลงในทันที เดินซวนเซแล้วทรุดตัวลงที่ข้างเตียงคนไข้ มองสำรวจ แล้วหันไปมองหมอที่ยืนล้อมกันอยู่ กัดฟันกร่อนแล้วพูดว่า“พวกคุณมันไอ้พวกหมอเถื่อน หากลูกสาวฉันเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยพวกคุณไปแน่!”
ใบหน้าของหมอที่ยืนล้อมรอบกันอยู่ก็เปลี่ยนเป็นดูแย่ในทันที
“ญาติคนไข้ เรากำลังหารือเกี่ยวกับแนวทางการรักษาอยู่ คุณใจเย็นๆหน่อย ตอนนี้ช่วยออกไปก่อน เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที”หมอหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ที่นี่มันโรงพยาบาล ไม่ใช่ที่ที่พวกคุณจะมาสร้างความวุ่นวาย รีบออกไปเดี๋ยวนี้!”คนอื่นๆก็พูดตาม
“ที่เขาว่าพวกคุณเป็นหมอเถื่อน เขาพูดผิดหรือไง?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านข้าง ห้องผ่าตัดไม่ได้ใหญ่มาก ทุกคนก็จึงได้ยินอย่างชัดเจน
ก่อนหน้านั้นทุกคนต่างโฟกัสที่หวางเฟิงเพียงคนเดียว จู่ๆมีเสียงดังขึ้น ทุกคนก็จึงหันมองไปยังที่มาของเสียง
เซียวชุ่นที่อยู่ข้างๆใช้เวลาสำรวจไม่ถึงนาที ก็ประเมินได้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่บนเตียงยังมีทางรอด ดังนั้นก็จึงกล้าพูดคำนี้ออกมา
เขาเดินตรงฝ่าฝูงชนด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ยังไม่มีใครได้พูดอะไร ก็ทำเอาเหยาเสินที่อยู่ข้างๆถึงกับต้องเอามือปิดปากด้วยความตกใจ มองแผ่นหลังของเขาอย่างตื่นตระหนก ในใจกลัดกลุ้มจนพูดไม่ออก“นี่เขาเป็นบ้าอะไร มีหมออยู่ตั้งหลายคน พูดเหลวไหลอะไรแบบนี้ คิดจะทำอะไรอีก”
“เซียวชุ่น?ทำไมถึงเป็นแก?”หนึ่งในหมอชายคนหนึ่งถามด้วยความประหลาดใจ “เหยาเสิน?นี่พวกคุณ……”
คนที่พูดคือหวางข่ายเจี๋ย เขาในฐานะรุ่นน้องบุคลากรผู้โดดเด่นในโรงพยาบาลเมืองก็เข้าร่วมทีมฉุกเฉินนี้ด้วย
“ต่อให้พวกคุณจะเป็นเพื่อนของหมอหวาง ก็ช่างไม่รู้จักแยกแยะเอาซะเลย ที่นี่มันโรงพยาบาล และเป็นห้องผ่าตัด พวกคุณช่วยออกไปเดี๋ยวนี้”โจวชูชิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“คนในที่นี้ทุกคนต่างก็ล้วนผ่านการผ่าตัดมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ไม่จำเป็นให้เด็กอย่างแกมาพูดจาอวดเก่งที่นี่”
หวางข่ายเจี๋ยรีบพูดแก้ต่าง“ผู้อำนวยการโจวเข้าใจผิดแล้วครับ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เพื่อนของผม เขาเป็นแค่เศษสวะ ผมแค่สงสัยว่าเขามาโผล่ที่นี่ได้ยังไง ”
พูดจบเขาก็เดินมาข้างๆเหยาเสินพูดเสียงเบาว่า“คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วยังพาไอ้สวะที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้มาด้วย?”
เหยาเสินก็ไม่รู้จะตอบคำถามของเขายังไง ทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ และไม่พูดอะไร
หวางเฟิงที่จมอยู่ในความเศร้าโศก ในตอนนี้ก็เพิ่งจะได้สติ เกือบจะเสียงานใหญ่ รีบลุกขึ้นแล้วพูดกับเซียวชุ่น“หมอเทวดาเซียว เร็วครับ ช่วยดูลูกสาวผมทีครับ ”
เซียวชุ่นตบไหล่ของเขาแล้วพูดปลอบ“ มีผมอยู่ ไม่ต้องกังวลไป ลูกสาวของคุณจะต้องไม่เป็นอะไรครับ”
“เซียวชุ่น แกจะทำอะไร?” หวางข่ายเจี๋ยถาม
“ช่วยชีวิตคน”เซียวชุ่นตอบเสียงเรียบ
“แกบ้าไปแล้วหรือไง!”หวางข่ายเจี๋ยอุทานออกมาด้วยความตกใจ รีบเดินเข้าไปขวางเขาเอาไว้
แม้หวางข่ายเจี๋ยจะเคยเห็นเซียวชุ่นช่วยเหลือคนแก่ที่ธนาคารมาแล้ว แต่เขาคิดว่าไอเด็กคนนี้แค่โชคดีเท่านั้น ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเลยสักนิด
แต่ตอนนี้คนที่เขาจะช่วยเหลือ คือคนไข้ที่ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลก็ยังอับจนหนทาง หากเขาเกิดผิดพลาดขึ้นมา แม่หนูคนนี้จะเสียชีวิตที่โรงพยาบาลของเขา และชื่อเสียงของโรงพยาบาลก็จะต้องเสียหายอย่างแน่นอน
และถ้าหากเขาโชคดีทำมันสำเร็จอีกครั้ง ไม่เพียงคนที่อยู่ที่นี่จะต้องอับอายขายหน้า
และต่อหน้าเหยาเสิน ไอ้เด็กคนนี้ก็ย่อมจะได้รับความสนใจจากเหยาเสินมากขึ้นไปอีก
แม้หวางข่ายเจี๋ยจะรู้ดีว่าเหยาเสินแต่งงานไปแล้ว แต่ก็ยังมีความหวังอยู่ แม้จะแต่งงานกับเธอไม่ได้ แต่ได้เป็นคนรักก็ถือว่าไม่เลว หากในใจของเหยาเสินเซียวชุ่นเป็นแค่คนที่ไร้ประโยชน์ บางทีก็อาจจะยังพอมีโอกาส ดังนั้นเขาจะปล่อยให้ไอ้เด็กคนนี้มีบทบาทสำคัญอะไรไม่ได้
“หลีกไป!”เซียวชุ่นพูดแล้วจ้องเขม็งมองหวางข่ายเจี๋ย
“ผู้อำนวยการโจว ผู้ชายคนนี้ไม่มีแม้แต่ใบประกอบวิชาชีพแพทย์ หากเกิดอะไรขึ้นใครจะรับผิดชอบ?”หวางข่ายเจี๋ยหันไปพูดกับโจวชูชิง เพราะที่นี่ตำแหน่งเขาสูงที่สุด
ไม่รอให้โจวชูชิงได้พูด เซียวชุ่นก็ชิงพูดขึ้นว่า “ผมรับผิดชอบเอง”
“คุณรับผิดชอบ ? ชีวิตคนทั้งคน คุณรับผิดชอบไหวเหรอ?”
“เด็กน้อยอย่างคุณ ช่างไม่รู้อะไรควรไม่ควรเอาซะเลย ญาติคนไข้ก็เหลวไหล ไปหาหมอเถื่อนที่ไหนมาแล้วมาพูดจาไร้สาระแบบนี้”
“ช่างไร้สาระสิ้นดี เรียกรปภ.มา เอาคนคนนี้ออกไป!”ในที่สุดโจวชูชิงก็พูดออกมา
“เหยาเสิน ผมหวังดีกับคุณนะ รีบเอาตัวไอ้สวะนี้ออกไปเถอะ หากมีการสูญเสียขึ้นมาต้องรับโทษตามกฎหมายนะ”หวางข่ายเจี๋ยทำทีเป็นพูดหวังดีกับเหยาเสิน
เหยาเสินในตอนนี้ร้อนรนเป็นกังวลอย่างมาก ในใจก็เกิดลังเล ตามหลักแล้วเธอเองก็เพิ่งจะเซ็นสัญญาล็อตใหญ่กับหวางเฟิงไป งานนี้สมควรต้องช่วยเหลือ ก่อนหน้านั้นเธอเองก็เคยเห็นเซียวชุ่นช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บมาแล้ว
แต่ถ้าหากครั้งนี้เขาเกิดพลาดขึ้นมา ช่วยแม่หนูคนนี้ไม่ได้ ไม่แน่หวางเฟิงก็อาจจะพาลโกรธเธอไปด้วย สัญญาที่เซ็นไปนี้ก็จะเปล่าประโยชน์
เธอกัดฟัน แล้วเดินเข้าไปหา คว้าแขนของเซียวชุ่นเอาไว้ สายตาจ้องมองเขาอย่างประหม่า
“หรือไม่ เราไปกันเถอะ ?”
เซียวชุ่นตีไปที่มืออันเรียวเล็กของเธอเบาๆ พูดเสียงแผ่ว “เชื่อผม”
ไม่รู้ทำไม คำพูดที่แผ่วเบาของผู้ชายคนนี้ ทำเธอรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เธอพยักหน้าให้เบาๆ แล้วเดินไปยืนด้านข้าง
และในตอนนี้เอง
“หมอเทวดาเซียว ดูนี่!ลูกสาวผมเป็นอะไร?!”จู่ๆหวางเฟิงก็ร้องเรียกด้วยความตกใจ
เห็นเพียงบนเตียง เด็กหญิงตัวน้อยร่างกายกระตุกเกร็ง ราวกับปลาที่กำลังจะตายเพราะขาดน้ำ หายใจเฮือกอ้าปากพะงาบ สีหน้าดูทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง ผู้ที่พบเห็นเป็นต้องวิตกกังวล