บทที่ 8 เริ่มงานวันแรก 2
“อ้าว? ล็อกคนแล้วนัดหนูมาทำไมคะคุณเลขา” ความปากไวของคนตัวเล็กถามขึ้นก่อนจะยิ้มแห้งส่งให้เลขา *เออ...เมื่อกี๊เขาก็บอกอยู่เลขาส่วนตัวรองประธานนี่เนอะ ไม่ใช่มาฝึกตำแหน่งเดียวกับเรา ไวไปนะปากกูเนี่ย แล้วทำไมชื่อคุ้นนักวะ คนมันจะชื่อโหลขนาดนั้นเลยหรือไง...* หญิงสาวคิดในใจ
“เอ่อ...แต่เมื่อวานบอสเซ็นรับคุณพรพรรษานะครับ” สุรชาติรีบแจงให้คนที่ถูกเลือกเข้าใจ
“พี่จากัวร์เซ็นรับเธอเข้ามาทำงานตำแหน่งผู้ช่วยเลขา แต่คุณย่าให้ฉันมาในตำแหน่งเลขาส่วนตัว คนละตำแหน่งกัน เธองงอะไรจ๊ะ” ริชชี่หันมาบอกยิ้ม ๆ “จริง ๆ หน้าที่เลขาส่วนตัวมันก็ควรจะเป็นว่าที่คู่หมั้นอย่างฉันนี่แหละ สุรชาติจะได้กลับไปช่วยงานลุงโรมเหมือนเดิมส่วนเธอก็ฝึกเป็นผู้ช่วยของสุรชาตินั่นแหละ ยังไงพี่จากัวร์ก็เซ็นรับเธอเข้ามาแล้ว”
“งั้นก็เชิญ 2 คนเลย เดี๋ยวผมให้คนจัดโต๊ะเพิ่มให้แต่ไม่ว่าจะเลขาส่วนตัวของใครผมก็มีหน้าที่สอนงานให้พวกคุณอยู่ดี” สุรชาติจำต้องเปิดประตูให้ 2 สาวเข้าไปในห้องแล้วกดต่อหาเบอร์ภายในให้หาโต๊ะทำงานมาเพิ่มจนห้องดูคับแคบไปถนัดตา *แววปวดหัวมาละกู ระเบิดจาติรัชจะลงหรือกูต้องเตรียมเข้าป่าไปด้วยวะ...* สุรชาติถอนหายใจกับความวุ่นวายในอนาคตอันใกล้
“ถ้าจะคับแคบขนาดนี้ให้ริชชี่ไปนั่งในห้องพี่จากัวร์เลยก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องย้ายหลายรอบ”
“ไม่ได้หรอก ห้องบอสเป็นห้องต้องห้าม ถึงบอสจะยังไม่เข้าแต่ท่านก็ทำงานมาจากที่อื่นฉะนั้นอุปกรณ์ในนั้นต้องออนไลน์ตลอดเวลา คนเข้าได้มีแค่ท่านประธานเท่านั้น” สุรชาติว่าพรางถอนหายใจ และพอจะเดาออกแล้วว่าทำไมรองประธานหนุ่มถึงบอกว่าจะไปต่างประเทศ 2 อาทิตย์แทนที่จะไปแค่ 2 วันดูงานเท่านั้น *ทำไมเมื่อคืนนี้กูไม่ขอไปกับบอสด้วยวะเนี่ยไอ้ชาติเอ๊ย...*
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวริชชี่ขอคุณย่าก็ได้” หญิงสาวว่าพรางทำท่าจะกดโทรศัพท์ออกหาย่าของชายหนุ่ม
“ขอไปก็ไร้ประโยชน์ ห้องนั้นสแกนลายนิ้วมือเข้าหรือเปิดจากด้านใน แค่คุณบิดลูกบิดสัญญาณมันก็ดังไปถึงฝรั่งเศสแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราก็คงจะได้คุยกับบอสแค่วีดีโอคอลเท่านั้น” สุรชาติพูดขึ้นเหมือนไม่ใส่ใจนักนั่งโต๊ะทำงานของตัวเองพร้อมกับเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้นเพื่อเตรียมทำงาน
“งั้นก็ได้ แต่ขอริชชี่นั่งใกล้แอร์แล้วเปิด 20 องศานะ” หญิงสาวว่าพรางเดินเข้าไปนั่งด้านในสุด ส่วนคนที่ถูกเรียกมาได้แต่มองบนถอนหายใจนั่งลงที่โต๊ะหน้าประตู
“ที่นี่แอร์รวมเปิด 22 องศาทั้งชั้น” เลขารองประธานหนุ่มพูดเหมือนรำคาญเต็มแก่
“คุณสุรชาติมีอะไรให้หมี่ช่วยหรือเปล่าคะ” หญิงสาวหน้าประตูถามขึ้นหลังจากที่เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว
“ต่อไปเรียกผมว่าพี่ชาติก็ได้นะ แล้วน้องชื่ออะไรนะครับ” สุรชาติแนะนำตัวพรางถามกลับยิ้ม ๆ
“ชื่อมัดหมี่ค่ะ เรียกหมี่เฉย ๆ ก็ได้” หญิงสาวแนะนำตัวอย่างนอบน้อมผิดกับอีกคนที่เชิดหน้าชูคออยู่ตลอดเวลาจนเกรงว่าจะเมื่อยในอีกไม่นาน
“โอเคครับ งั้นน้องมัดหมี่กับน้อง...”
“ริชชี่ค่ะ เรียกว่าคุณริชก็ได้จะได้ชินปาก เป็นลูกคนเดียวไม่สะดวกให้ใครเรียกน้อง” สาวสวยสวนขึ้นทำเอาคนหน้าประตูถึงกับเบะปากกับความเจ้ายศเจ้าอย่างของเธอ
“เฮ้อ...ที่ไหนก็คงจะมีเหมือนกันสินะ” หญิงสาวพึมพำหันไปเปิดลิ้นชักโต๊ะด้านข้าง
“นี่เธอว่าอะไรน่ะ” ริชชี่แหวห้ามหัวเลขาทำเอาสุรชาติถึงกับเงยขึ้นมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีเป็นคำถาม กับเหตุการณ์ระหว่างก้มลงเก็บยางลบแค่เสี้ยวนาทีแค่นั้น
“ฉันไปว่าอะไรกับเธอ ฉันคุยกับแม่ซื้อค่ะคุณริชชี่ โอ๊ย! เส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างหูดีกับหูหาเรื่องนี่มันจางจริง ๆ” หญิงสาวร้องข้ามหัวเลขาตอบกลับเสียงดังพอกัน
“น้อง ๆ ครับ” “ฉันไม่ใช่น้องคุณ” ริชชี่สวนสุรชาติขึ้นทันที
“เข้าใจครับคุณริชชี่ บ้านผมก็ไม่มีน้องสาวหรอกที่เรียกน้องเพราะเห็นว่าเกิดทีหลังเท่านั้น จะเรียกป้าหรืออีก็ดูจะหยาบคายเกินไปสำหรับคนมีการศึกษา” สุรชาติอดรนทนไม่ได้สวนกลับเสียงดังพอกัน “ฟังนะ! ผมมีหน้าที่สอนงานให้พวกคุณจากคำสั่งของผู้ใหญ่ด้วยตำแหน่งผู้ช่วยเลขา ซึ่งก็คือผู้ช่วยของผมโดยตรง ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะไปเป็นเลขาส่วนตัวหรือส่วนหัวของใครในอนาคต แต่ตอนนี้หน้าที่ของผมคือสอนให้พวกคุณเป็นงานในตำแหน่งนี้และสามารถแบ่งเบาหน้าที่ที่ผมรับผิดชอบอยู่ได้ และผมต้องการคนที่มาแบ่งเบาไม่ใช่มาเพิ่มภาระทางสมองของผม ถ้ามันลำบากกับการขอผู้ช่วยของผมตรงนี้ ผมสามารถยื่นหนังสือให้ผู้ใหญ่ขอยกเลิกตำแหน่งนี้ทุกเมื่อ” สุรชาติลุกขึ้นพูดเสียงดังฟังชัดพรางมอง 2 สาวสลับกัน
“เมื่อก่อนคุณเป็นเลขาของลุงโรมแล้วตอนนี้มีพี่จากัวร์อีก ริชชี่มาช่วยงานคุณก็ควรไว้เกียรติกันบ้างนะ” ริชชี่เสียงแข็ง
“แล้วผมขอให้คุณมาเหรอ ที่ผ่านมาผมทำตำแหน่งนี้คนเดียวผมไม่ตาย ฉะนั้น! อย่ามั่นหน้า ระหว่างนี้ผมสอนผมบอกพวกคุณต้องฟัง ถ้ามีคำสั่งบอสเปลี่ยนแปลงค่อยเป็นไปตามนั้น”
“ริชจะบอกคุณย่า”
“บอกคุณปู่ด้วยเลยครับคุณริชชี่ ผมจำได้ว่าคุณหญิงรวิดาไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นที่นี่ ผู้มีอำนาจเด็ดขาดและถือหุ้นใหญ่ที่สุดของไทยวรวัฒน์ตอนนี้คือดอกเตอร์รวัช วรวัฒน์วีรชน ประธานฝ่ายบริหาร และผู้มีอำนาจตัดสินใจเบ็ดเสร็จในตอนนี้คือ ดอกเตอร์จาติรัช วรวัฒน์วีรชน รองประธานฝ่ายบริหารของ แล้วผมก็รู้จักพวกท่านดีมากกว่าคุณแน่นอน” สุรชาติสวนขึ้นเสียงดังอย่างเหลืออด ซึ่งเสียงของเขาก็ดังพอจะออกไปนอนห้องที่หัวหน้าฝ่ายบุคคลกำลังจะเปิดประตูเข้ามา และทำเอาหญิงสาวที่จะบอกคุณย่าอ้าปากค้างไปเหมือนกัน
“ฟังผมอีกครั้ง! ตำแหน่งนี้คือ ตำแหน่งผู้ช่วยเลขา ผมเป็นหัวหน้างานของพวกคุณ คุณต้องรับคำสั่งงานโดยตรงจากผม หรือคนที่ตำแหน่งสูงกว่าผมในช่วง 3 เดือนนี้ ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ประตูอยู่ซ้ายมือหรือตรงหน้า หมุนขวาดึงเข้าหาตัวแล้วก้าวออกไปได้เลย”
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูขัดจังหวะสงครามขนาดย่อมในห้อง ทำให้ทั้ง 3 หันมองอย่างพร้อมเพียง
“เชิญ!” สุรชาติตะโกนออกไปจนคนข้างนอกสะดุ้ง
“อนุญาตค่ะคุณชาติ ปรางเอาเอกสารจ้างงานมาให้พรพรรษาเซ็นค่ะ แล้ว?” หัวหน้าฝ่ายบุคคลเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเอกสารในมือ เมื่อครู่เธอให้พนักงานเอามาให้แต่เขาบอกว่าได้ยินเสียงคุณเลขากำลังอารมณ์เสียเลยไม่กล้าเข้ามา เธอเลยจำเป็นต้องมาเอง แล้วต้องเลิกคิ้วเป็นคำถามเมื่อเห็นในห้องนี้ไม่ได้มีแค่เลขากับผู้ช่วยแค่ 2 คน หากแต่เป็นคนที่มาสัมภาษณ์เมื่อวานเพิ่มอีก 1 คน
“ทางผู้ใหญ่ให้คุณริชชี่มาฝึกตำแหน่งนี้ด้วยน่ะ”
“ริชชี่มาเป็นเลขาส่วนตัวพี่จากัวร์ไม่ได้มาฝึกผู้ช่วยเลขา” ริชชี่สวนคำพูดของสุรชาติขึ้นอย่างเสียมารยาท
“จะเป็นอะไรก็ต้องรอท่านสั่ง ตอนนี้ตำแหน่งในออฟฟิศที่ว่างคือผู้ช่วยเลขาเท่านั้น ถ้าไม่ทำก็ออกไป” เสียงห้วนว่าพรางตวัดหางตามองอย่างเหลืออด “เอกสารของริชชี่รอบอสสั่งลงมาก่อน แต่เขียนวันเริ่มงานไว้แล้วเก็บใบสมัครงานไว้ด้วย แล้วเดี๋ยวตอนเที่ยงก็ค่อยให้ไปเก็บลายนิ้วมือจะได้สแกนเข้าทำงานได้” สุรชาติพูดขึ้นพรางชี้มือไปที่สาวสวยหน้าประตู เพื่อให้เธอเซ็นสัญญาจ้าง ซึ่งเธอก็ยกมือไหว้รับเอกสารมาอ่านอย่างตั้งใจก่อนจะเซ็นและยื่นคืนให้ยิ้ม ๆ
“อ๋อ...โอเคค่ะ พี่ชื่อณปรางนะคะหรือเรียกว่าพี่ปรางก็ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่นี่ น้องชื่ออะไรนะ”
“หนูชื่อมัดหมี่ค่ะ เรียกว่าหมี่เฉย ๆ ก็ได้” หญิงสาวตอบอย่างเป็นมิตร
“น้องหมี่ นั่น...” ทวนชื่อเธอพรางชี้ไปที่สาวสวยด้านใน
“ฉันชื่อริชชี่ หรือเรียกว่าคุณริชก็ได้ เป็นว่าที่คู่หมั้นพี่จากัวร์” หญิงสาวแนะนำตัวเองอย่างมั่นใจ ซึ่งทำเอาเลขาที่รู้นิสัยนายดีถึงกับถอนหายใจมองหน้าหัวหน้าฝ่ายบุคคลเหมือนรู้กัน
“อ๋อ...ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ บอกก่อนเลยนะเลขาที่นี่ดุมาก แรก ๆ อาจไม่ชินเดี๋ยวพอหูชาจะชินไปเอง” หัวหน้าฝ่ายบุคคลว่าพรางหัวเราะหยิบเอกสารก้มคำนับเลขาเจ้านาย แล้วเดินออกจากห้อง...
คุณเลขาดุมากพี่ ไม่อยากนึกถึงประธานกับรองประธานบริษัทนี้เลยจริง ๆ
สงสารคุณพี่ชาติเลย แววปวดหัวมาเต็มมาก