บทที่ 9 ในที่สุดก็หาเจอ
ทันใดนั้น ไมค์เหมือนกับได้สะดุดไป นิ่งอยู่สักพัก จากนั้นคอก็เอียงลง ล้มลงไปบนโซฟา และเริ่มกรนขึ้นมา
แววตามึนเมาสะลึมสะลือของหลงเจิ้นหยูได้หายไป เปลี่ยนเป็นชัดแจ๋วขึ้นมา เขาเขย่าไมค์ คิดจะปลุกไมค์ให้ตื่นขึ้นมา ทว่าไมค์ไม่ได้ตอบสนองใด ๆ เลย
“แม่งเอ๊ย ไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณพ่อคิดยังไง เรื่องที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ยังจะให้ฉันทดสอบเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอีก” หลงเจิ้นหยูพูดขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง
“ท่านหลงอย่าโมโหเลย ให้พวกเราสองพี่น้องดับไฟให้หน่อยดีไหมคะ?” หนึ่งในสาวคาราโอเกะพูดขึ้นมา มือเลื่อนผ่านหน้าอกของหลงเจิ้นหยูเบา ๆ
หลงเจิ้นหยูจับที่หน้าอกของเธออย่างแรง และดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้ “เธอนี่มันร่านจริง ๆ”
“คืนนี้พวกเธอสองคนอื่นกับไอ้ขี้เหล้านี่ คิดหาวิธี หยั่งเชิงมันต่อไป” หลังจากที่หลงเจิ้นหยูพูดกับสาวคาราโอเกะอีกสองคนเสร็จ ก็โอบกอดหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขน เดินออกไปจากห้องคาราโอเกะ
หลงเจิ้นหยูออกไปแล้ว เขาไม่รู้เลยสักนิดว่า ไม่ที่นอนอยู่บนโซฟานั้นได้รู้สึกตัวขึ้นมานานแล้ว
ที่แท้ ไมค์ที่คิดว่าเมาจนหัวราน้ำไปแล้วนั้น หลังจากที่พูดคำว่าท่านชายออกมา ก็ตกใจจนเหงื่อไหลพลั่ก สมองตื่นตัวขึ้นมาทันที แต่เพื่อการปกปิด จึงจงใจล้มลงไปบนโซฟาแกล้งทำเป็นนอนหลับแค่นั้นเอง
ไมค์อดที่จะแอบดีใจไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช่ชื่อของหวางเย๋อ่านออกเสียงเหมือนกันกับหวางเย๋ที่แปลว่าท่านชายละก็ เขาจะต้องพบกับหายนะอันใหญ่หลวงแน่
แม้ว่าหลงเจิ้นหยูจะออกไปแล้ว แต่ไมค์ก็ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมา และแกล้งทำเป็นนอนหลับอยู่บนโซฟาต่อไป
หลังจากที่หวางเย๋ออกมาจากบ้านตระกูลหลง เอลลี่ได้โทรมาบอกเขาว่า คนของตระกูลหลง ได้เริ่มตรวจสอบพวกไอ้สกินเฮดทั้งสามคนแล้ว
ตลอดทางที่กลับมา เพื่อคุ้มครองหลงเหม่ยซิน พวกไอ้สกินเฮดทั้งสามคนได้ปรากฏตัวต่อหน้าคนตระกูลหลง คนตระกูลหลง ได้ตามตอมเหมือนกับแมลงวัน
“ฆ่า!” รอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏขึ้นมาที่มุมปากของหวางเย๋
ในเมื่อหลงอ้าวเทียนรู้ว่าไอ้สกินเฮดเป็นคนของเขา ก็จะต้องไม่ทำอะไรโดยพลการแน่
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่ตระกูลจ้าวถูกกวาดล้าง ได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ จิ้งจอกเฒ่าหลงอ้าวเทียนไม่กล้าที่จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่กว่านี้แน่นอน ไม่อย่างนั้นละก็ถ้าคนของตัวเองทำให้ตระกูลอื่น ๆ จับตาขึ้นมา เขาก็คงเก็บความลับนี้ไว้ไม่ได้แน่
ในเมื่อคุณมีสิ่งที่ต้องกังวล งั้นผมก็จะไม่เกรงใจ
“ท่านชาย คนที่ท่านให้ดิฉันตามหานั้น ในที่สุดก็หาเจอแล้ว” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจของเอลลี่ ดังออกมาจากในโทรศัพท์
หลังจากที่หวางเย๋ได้ยินก็ชะงักไป เมื่อนึกขึ้นมาได้ ก็รีบถามด้วยความร้อนใจว่า คนคนนั้นอยู่ที่ไหน?
หลังจากที่เอลลี่ได้บอกที่อยู่ หวางเย๋ก็ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ และขับออกไปจากบ้านตระกูลหลงทันที
ในปีนั้นอาจารย์ถูกตระกูลหลงทำร้าย โชคดีที่ได้ใครบางคนช่วยเอาไว้ ถึงได้รอดชีวิตมาได้
ผู้มีพระคุณของอาจารย์ ก็คือผู้มีพระคุณของหวางเย๋ หวางเย๋คิดไม่ถึงว่า เรื่องผ่านมานานหลายปี ในที่สุดก็ตามหาคนคนนั้นจนเจอ
ตามที่อยู่ที่เอลลี่ให้มา หวางเย๋ได้มาถึงสลัมที่ตั้งอยู่ชานเมืองจินห่าย มองดูบ้านหลังเล็กเก่า ๆ ที่อยู่ตรงหน้า ก็ถอนหายใจหนึ่งครั้ง
ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงก่นด่าปนเสียงอึกทึกครึกโครมดังออกมาจากในตัวบ้าน หวางเย๋เจ็บจี๊ดที่หัวใจ เกิดเรื่องแล้ว
ไม่มีเวลามาคิดอะไรมาก หวางเย๋รีบบุกเข้าไปทันที
ชายฉกรรจ์สักลายสี่ห้าคน ฉุดกระชากลากดึงผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งออกมาจากบ้านหลังเล็ก ชายชราท่าทางอ่อนแอคนหนึ่งรั้งเอาไว้อย่างสุดชีวิต พลางร้องไห้ปล่อยหลานสาวของเขา
ชายฉกรรจ์สักลายถูกขัดขวางจนเริ่มโมโห จึงถีบเข้าไปที่หน้าอกของชายชรา ชายชราถอยหลังไปสองก้าว และล้มลงไปบนพื้น กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ พลางไอขึ้นมาอย่างหนัก ราวกับจะไอจนปอดทะลักออกมา
หลังจากที่หวางเย๋บุกเข้ามา และได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า บนร่างกายของเขาก็ปรากฏไอสังหารแผ่ซ่านออกมา
การตรวจสอบของเอลลี่ไม่มีทางที่จะผิดพลาด ชายชราคนนั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นผู้มีพระคุณของอาจารย์
หวางเย่วิ่งไปที่ข้างกายของชายชรา และพยุงเขาขึ้นมา “ผู้เฒ่า ไม่เป็นไรนะครับ”
หวางเย๋กล่าวไป นิ้วมือก็สัมผัสที่ข้ามือของชายชรา จากนั้น เข็มเงินในมือได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทิ่มเข้าที่บริเวณหน้าอกของชายชรา และหมุนเบา ๆ สองสามครั้ง
อาการไปของชายชราได้หยุดลง เขาจับแขนหวางเย๋เอาไว้แน่น ราวกับได้คว้าความหวังสุดท้ายเอาไว้ พลันคุกเข่าลง ที่ด้านหน้าของหวางเย๋ “คุณผู้ชาย ขอร้องล่ะ ช่วยหลานสาวของผมด้วย”
“ผู้เฒ่า วางใจเถอะ มีผมอยู่ ไม่มีใครสามารถทำร้ายหลานสาวของท่านได้” หวางเย๋พูดไป พลางพยุงชายชราขึ้นมา
ชายชราชุดดำพวกนั้น เห็นว่ามีคนเข้ามายุ่งด้วย ก็ไม่รีบที่จะจากไป จ้องมองหวางเย๋ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ผู้หญิงที่ถูกพวกเขาจับตัวเอาไว้ ดิ้นรนอย่างสุดกำลัง ร้องไห้พลางร้องเรียกคุณปู่
“ปล่อยเธอซะ ไม่อย่างนั้นละก็...ตาย” หวางเย๋หันหลังกลับมา จ้องมองชายฉกรรจ์พวกนั้นด้วยสายตาอันเย็นยะเยือก
เจ้าอ้วนที่เป็นหัวหน้า เบ้ปากอย่างเหยียดหยาม “ไอ้หนุ่ม อยากตายนักหรือไง เรื่องของพวกเราก็กล้าเข้ามายุ่ง”
หวางเย๋เดินเข้าไปหาเจ้าอ้วนทีละก้าว ทันใดนั้น พวกเจ้าอ้วนก็รู้สึกราวกับว่าอากาศได้จับตัวกัน หายใจไม่ออกเล็กน้อย ความรู้สึกหวาดผวาที่แรงกล้าได้เกิดขึ้นมาภายในใจ
ไอสังหารของราชาแห่งนักฆ่า ไม่ใช่สิ่งที่พวกนักเลงหัวไม้อย่างคนพวกนี้จะสามารถต่อต้านได้
“แก...แกอย่าเข้ามานะ?” ร่างของเจ้าอ้วนสั่นสะท้านขึ้นมา ก้าวถอยไปข้างหลัง