บทที่ 7 เงา
หวางเย๋ยิ้มอย่างเย็นชา
ดูเหมือนว่า จ้าวเถี่ยเฉิงไม่ได้จดจำบทเรียนเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อตระกูลเจ้ารนหาที่ตาย กล้าส่งสองคนนี้มา เช่นนั้น ตระกูลจ้าว ก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่ต่อไปอีกแล้ว
ในตอนนี้เอง รถเชิงพาณิชย์คันหนึ่งได้ขับมาจากด้านหลัง ชายในชุดสูทสามคนกระโดดลงมาจากรถ ยืนปกป้องอยู่ที่ด้านหน้าของหวางเย๋
พวกเขาทำตามคำสั่งของหวางเย๋ ได้จัดการกับด้านหลังรีบร้อยแล้ว พลันพบว่าหวางเย๋ได้ถูกขวางเอาไว้ จึงรีบมาอารักขาทันที ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับท่านชายที่เมืองจินห่าย พวกเขารับผิดชอบไม่ไหวแน่
ไอ้สกินเฮดที่เป็นหัวหน้ามองชายชราร่างอ้วนและผอมอย่างดูถูก เขาต้องรู้จักชายชราทั้งสองคนนี้เป็นธรรมดา เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านชาย สองคนนี้ก็เป็นเหมือนกับวัชพืช แค่ขยับนิ้วก็สามารถขยี้ให้ตายได้
ไอ้สกินเฮดไม่ได้สนใจสองคนที่กำลังจะตายนี้สักเท่าไหร่ เขาหันไปและกล่าวกับหวางเย๋ด้วยความเคารพนอบน้อม: “ท่านชาย ท่านไปก่อน สองคนนี้มอบให้พวกผมจัดการเอง”
ผู้ดูแลวางเย๋ถลึงตาใส่เขา ไอ้สกินเฮดสีหน้าเปลี่ยนไป เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากของเขา หวางเย๋เคยสั่งเอาไว้ว่า อยู่ที่เมืองจินห่าย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น ห้ามเรียกเขาว่าท่านชายเด็ดขาด
“ครั้งต่อไปห้ามมีอีกนะ” หวางเย๋กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น ไอ้สกินเฮดรีบพยักหน้าอย่างสั่นเทา “ครับ...ครับ คุณผู้ชาย”
“คุ้มครองรถคันนี้ให้ดีก็พอแล้ว ฉันจะจัดการเรื่องในครอบครัวด้วยตัวเอง คิดไม่ถึงว่าพวกเศษเดนแห่งโลกนักฆ่าทั้งสองคนนี้จะกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าฉัน”
หวางเย๋พูดไป ก็เดินเข้าไปหาชายชราร่างอ้วนและผอม
หวางเย๋หยิบบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง และดูดอย่างสบาย ๆ “คิดไม่ถึงว่า พระยิ้ม เทพวัชรแห้ง จะซ่อนตัวอยู่ที่ตระกูลจ้าว”
“แกรู้จักพวกเรา?” ชายชราร่างผอมหรี่ตาเล็กน้อย ไอสังหารในร่างกายล็อกไปที่หวางเย๋ ไม่รู้ว่าในมือของชายชราร่างอ้วนพระยิ้ม ได้ปรากฏท่อเหล็กทำพิเศษยาวครึ่งเมตรขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คนที่ถูกฆ่าด้วยท่อเหล็กนี้ มีนับร้อยกว่าคน
“แกเป็นใครกันแน่?” มองดูหวางเย๋ที่เย่อหยิ่ง เทพวัชรแห้งถามขึ้นมาอีกครั้ง
“เฮีย อย่าพูดมากอีกเลย รู้จักพวกเรา มันจะต้องตายเท่านั้น ไม่อย่างนั้นละก็......” พระยิ้มพูดไป ก็กระโจนเข้าหาหวางเย๋
เห็นว่าพระยิ้มอ้วนอย่างกับหมู แต่การเคลื่นไหวของเขานั้นคล่องแคล่วมาก ร่างกายเหมือนดั่งได้กลายเป็นเงาที่ไม่สมบูรณ์แบบ
พวกเขาสองคน ในอดีตนั้นได้เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ถูก ‘เงา’ ราชาแห่งนักฆ่าสั่งล่าสังหาร โลกแห่งนักฆ่าไม่เอาไว้ หนีเอาชีวิตรอดมาได้อย่างหวุดหวิด ถ้าหากข่าวการมีชีวิตอยู่ของพวกเขาแพร่งพรายออกไป จะต้องตายสถานเดียว
เมื่อพระยิ้มเคลื่อนไหว เทพวัชรแห้งก็เคลื่อนไหวเช่นกัน ลำแสงอันเย็นยะเยือกพุ่งออกมาจากในมือ ดิ่งตรงเข้าหาใบหน้าของหวางเย๋
ในตอนที่พระยิ้มจะยิงโดนหวางเย๋นั่นเอง หวางเย๋เหมือนดั่งได้หายตัวไปในอากาศ พระยิ้มลงมือล้มเหลว
พระยิ้มชะงักงัน ความคิดอันน่าเหลือเชื่อได้ผุดขึ้นมาในสมอง เขาวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต “เฮีย รีบหนีเร็ว เขาคือ......”
ยังไม่ทันพูดจบ ศีรษะของพระยิ้มก็กระเด็นลอยออกไป หลังจากที่ร่างกายวิ่งไปด้านหน้าไม่กี่เมตร ก็ล้มลงบนพื้น
และในเวลาเดียวกันนั้น หวางเย๋สะบัดมือ ลำแสงอันเย็นยะเยือกสองสายได้ลอยเข้าหาเทพวัชรแห้งที่กำลังวิ่งหนี
ลำแสงอันเย็นยะเยือกสองสายนี้ไม่ใช่อื่นใด เป็นอาวุธลับลูกเหล็กที่เทพวัชรแห้งยิงเข้าใส่หวางเย๋นั่นเอง เพียงแต่ไม่รู้ว่าได้ตกอยู่ในมือของหวางเย๋ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ลูกเหล็กทั้งสองพุ่งทะลุคอหอยและหัวใจของเทพวัชรแห้งแทบจะพร้อมกัน เทพวัชรแห้งวิ่งไปไม่กี่ก้าว ก็ล้มลงไปบนพื้นอย่างไม่เต็มใจ ไร้ซึ่งชีพจร
เทพวัชรแห้งและพระยิ้ม ตายอย่างตาไม่หลับ
คิดไม่ถึง ซ่อนตัวมาห้าปี ยังคงต้องตายในเงื้อมมือของเงา
ถูกต้อง ท่านชายแห่งองค์กรฮั๋ว ยังมีอีกฐานะที่คนอื่นไม่รู้ นั่นก็คือราชาแห่งนักฆ่า ‘เงา’
ตอนนั้น อาจารย์เพื่อฝึกฝนเขา ใช้เขาใช้ฐานะที่แตกต่างกัน ฝ่าฟันอันตรายในแต่ละอาชีพ เป็นนักฆ่า ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ระยะเวลาเพียงสองปี หวางเย๋ก็ได้ใช้สถานะเงา ได้รับขนานนามว่าราชาแห่งนักฆ่า นำโลกแห่งนักฆ่าให้มาอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
ทั่วทั้งโลกแห่งนักฆ่าต้องฟังคำสั่งจากเงา ไม่ว่าจะเป็นใคร เพียงแค่ออกคำสั่ง อีกฝ่ายจะต้องมองไม่เห็นพระอาทิตย์ในวันถัดมาอย่างแน่นอน
แต่ทั่วทั้งโลกแห่งนักฆ่า คนที่รู้รักฐานะที่แท้จริงของเงา มีเพียงหงส์แดงแห่งองค์กรฮั๋วเท่านั้น
ในอดีตหงส์แดงเคยมีชื่อว่าจิ้งจอกพันหน้า เธอเคยเป็นปรปักษ์กับหวางเย๋มาก่อน แต่ทว่าได้ถูกฝีมืออันแข็งแกร่งของหวางเย๋บดขยี้ และได้เข้ามาอยู่ภายใต้บัญชาของหวางแย่ กลายเป็นหงส์แดงแห่งองค์กรฮั๋ว
ในตอนนี้เอง ด้านหน้ามีรถยนต์ห้าหกคันขับเข้ามาอย่างรวดเร็ว และจอดอยู่โดยรอบ
เมื่อเห็นคนที่มา หวางเย๋ก็ยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน
คนตระกูลหลง มาได้ถูกเวลาจริง ๆ
หลงห่าย ผู้ดูแลบ้านตระกูลหลง ติดตามหลงอ้าวเทียนมาหลายสิบปี นับว่าพบเจออะไรมามากมาย แต่พอได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะตัวแข็งทื่อ ขนลุกไปทั้งตัว
ศีรษะของพระยิ้มถูกตัดขาดอย่างราบเรียบ ในดวงตาทั้งสองข้างยังปรากฏความหวาดผวาอยู่ คอหอยถูกตัดขาดในครั้งเดียว
อาวุธของอีกฝ่านั้นเฉียบคมเพียงใด หรือการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายรวดเร็วแค่ไหน ถึงมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้
“พวกเขา...พวกเขาล้วนตายในเงื้อมมือของนายงั้นเหรอ?” ผู้ดูแลหลงมองหวางเย๋ ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หวางเย๋กวาดมองผู้ดูแลหลงอย่างเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร เขาโบกมือ ไอ้สกินเฮดพาชายในชุดสูท นำร่างไร้วิญญาณของพระยิ้มและเทพวัชรแห้งขึ้นรถ และจากไป
หลังจากที่หลงเหม่ยซินได้เห็นผู้ดูแลหลง ก็เปิดประตูลงมาจากรถ ใบหน้าซีดเซียวผิดปกติ
เติบโตในตระกูลใหญ่ ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นคนตาย
แต่สภาพการตายของพระยิ้มนั้น หลงเหม่ยซินไม่กล้าที่จะจินตนาการเลยสักนิด หลังจากที่ศีรษะของพระยิ้มหลุดจากบ่า เลือดสด ๆ ได้พุ่งกระฉูดออกมาจากลำคอสูงเมตรกว่าสองเมตร เธอไม่ตกใจกลัวจนสลบไป นับว่าไม่เลวแล้ว
“ลุง...ลุงหลง ลุงมาได้ยังไงคะ?”
หลงเหม่ยซินกลั้นอาการอยากจะอาเจียนเอาไว้ และพูดกับผู้ดูแลบ้าน
ผู้ดูแลบ้านรีบกล่าวขึ้นมาว่า หลงอ้าวเทียนได้ข่าวมาว่าตระกูลจ้าวจะทำอันตรายหลงเหม่ยซิน จึงได้สั่งให้เขาพาคนมาหนุนหลงเหม่ยซินโดยเฉพาะ หลงเหม่ยซินพยักหน้า แล้วเดินไปทางรถของผู้ดูแลบ้าน
หลังคาและกระจกรถของเธอเต็มไปด้วยเลือด เธอไม่กล้าที่จะกลับเข้าไปนั่งอีก
ผู้ดูแลบ้านพิจารณาหวางเย๋ตั้งแต่หัวจรดเท้า ต้องการดูให้แน่ชัดว่าหวางเย๋ใช้อะไรฆ่าคนกันแน่ แต่ไม่ว่าเขาจะพิจารณาดูยังไง ภายใต้เสื้อผ้าบาง ๆ ของหวางเย๋ กลับมองไม่เห็นร่องรอยพวกของมีคมใด ๆ เลย
ของมีคมที่เงาใช้ฆ่าคนนั้น อย่าว่าแต่ผู้ดูแลหลงเลย ทั่วทั้งโลกนักฆ่า ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนเลย แม้แต่คนที่ถูกหวางเย๋ฆ่าตาย ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าคอของพวกเขาถูกตัดได้ยังไงกันแน่
ในอดีต จิ้งจอกพันหน้าเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ในที่สุดก็คว้าโอกาสหนึ่งไว้ได้ ลูบคลำหวางเย๋ทั้งภายในและภายนอก ก็ไม่พบอาวุธใด ๆ เลย
ดังนั้น มาจนถึงทุกวันนี้ ของมีความที่เงาใช้ฆ่าคนนั้น ยังคงเป็นคำถามที่โลกแห่งนักฆ่าหาคำตอบไม่เจอ
หวางเย๋ยิ้มอย่างเย็นชา และตามหลงเหม่ยซินไป พยุงร่างที่ยังคงสั่นเทาของเธอเอาไว้
หลงเหม่ยซินหดตัว ผลักหวางเย๋ออกโดยสัญชาตญาณ หวางเย๋ยิ้มอย่างจนใจ ดุเหมือนว่า เมื่อสักครู่ได้ทำให้ภรรยาตกใจกลัวจริง ๆ ช่างเป็นความผิดมหันต์จริง ๆ ต่อไปตอนที่ลงมือ จะต้องระวังหน่อยแล้ว
เงียบมาตลอดทาง ตอนที่กลับมาถึงบ้าน หลงเหมือนซินได้ฟื้นฟูกลับมากว่าครึ่งแล้ว แต่หลังจากที่เห็นหลงอ้าวเทียนก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ขึ้นมา
หลงอ้าวเทียนโอบกอดหลงเหม่ยซินเอาไว้ และตบหลังของเธอเบา ๆ ปลอบประโลมเธออย่างเมตตาและอ่อนโยน เป็นภาพคุณปู่ใจดีกลับหลานกตัญญู