บทที่ 6 หงส์แดงแห่งองค์กรฮั๋ว
“คุณกล้าแตะต้องเธอ ผมจะล้างตระกูลของคุณซะ”
ทันใดนั้นไอสังหารอันแรงกล้าก็ได้แผ่ซ่านออกมาจากร่างของหวางเย๋ เขามีความสามารถแบบนั้น เพียงแค่ประโยคเดียว บนโลกใบนี้มีผู้คนมากมายยินดีที่จะล้างตระกูลจ้าวแทนเขา เพียงเพื่อต้องการให้ผู้นำแห่งองค์กรฮั๋วมองดูพวกเขาสักครั้ง
จ้าวเถี่ยเฉิงร่างกายแข็งทื่อ เขามีความรู้สึกบางอย่าง ถ้าหากเขากล้าจับหลงเหม่ยซินเป็นตัวประกัน เช่นนั้นคนที่จะตายเป็นรายต่อไป จะต้องเป็นเขาอย่างแน่นอน
จ้าวเถี่ยเฉิงไม่กล้าที่จะพนัน มือของเขาค่อย ๆ ถูกเก็บกลับไป
มีหลงเหม่ยซินขวางอยู่ หวางเย๋ไม่สามารถลงมือได้เลยสักนิด ทำได้เพียงทอดถอนใจ แล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว
แต่เข็มเงินที่อยู่ระหว่างนิ้วทั้งสองนั้น เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เพื่อรับประกันวความปลอดภัยของหลงเหม่ยซิน
หลงเหม่ยซินชะงักงัน เธอหันหลังกลับไปก็มองเห็นจ้าวเถี่ยเฉิงที่ใบหน้าซีดเซียว ราวกับตาแก่ที่ได้พบกับความหวาดผวา เธอรีบพยุงแขนของจ้าวเถี่ยเฉิงเอาไว้ “คุณลุงจ้าว ไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ เขาไม่กล้าทำอะไรคุณลุงหรอกค่ะ”
จ้าวเถี่ยเฉิงแกล้งทำเป็นกลัวอย่างสุดขีดพลางพยักหน้า
“วันหลังฉันจะให้คำอธิบายที่น่าพอใจกับคุณลุงอย่างแน่นอน วันนี้ฉันจะส่งคุณลุงกลับไปก่อนนะคะ” หลงเหม่ยซินพยุงจ้าวเถี่ยเฉิง และจะเดินออกไปด้านนอก
หวางเย๋ขวางอยู่ด้านหน้าของพวกเขา และส่ายหน้าให้กับหลงเหม่ยซิน “เขาไปได้ แต่ห้ามคุณไปส่ง” พูดจบ หวางเย๋ก็มองไปที่จ้าวเถี่ยเฉิง “ตาแก่ จะไปเอง หรือจะ...ตาย”
จ้าวเถี่ยเฉิงรู้ว่า เรื่องในวันนี้ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ทำได้เพียงแอบทอดถอนใจ ตบที่มือของหลงเหม่ยซินเบา ๆ และเดินออกไปด้านนอก
ยืนอยู่ด้านล่างตึกดราก้อนโกลด์กรุ๊ป จ้าวเถี่ยเฉิงเหงื่อไหลท่วมตัว เขาเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน และกล่าวอย่างสั่นเทาเล็กน้อย: “สมกับที่เป็นศิษย์ของเขาจริง ๆ ครั้งหน้า จะไม่ปล่อยแกไปง่าย ๆ แบบนี้แน่
จ้าวเถี่ยเฉิงพูดจบ ก็หันหลังเดินไปจากดราก้อนโกลด์กรุ๊ป
หวางเย๋ยืนอยู่ที่ชั้นบนสุด มองดูเงาร่างที่เดินจากไปของจ้าวเถี่ยเฉิง และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“เอลลี่ ตรวจสอบจ้าวเถี่ยเฉิงหน่อย ฉันมีความรู้สึกบางอย่าง ที่เขามาดราก้อนโกลด์กรุ๊ปในครั้งนี้ เป้าหมายที่แท้จริงคืออาจารย์ของฉัน”
หวางเย๋มองได้อย่างชัดเจน ถ้าหากจ้าวเถี่ยเฉิงทำเพื่อระบายอารมณ์ให้กับลูกชาย จะไม่พาคนมาเยอะแบบนี้ และยิ่งจะไม่คิดจะฆ่าหลงเหม่ยซินโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ
ดูแล้ว เป็นไปได้มากว่า ฐานะของตัวเองและหลงเหม่ยซิน ได้ถูกตระกูลเจ้ารับรู้แล้ว
หวางเย๋แปลกใจเล็กน้อย หลงอ้าวเทียนเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ได้ปิดบังสถานะของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
แล้วตระกูลจ้าวรู้ได้ยังไง?
ดูเหมือนว่า ตระกูลที่มีความสนใจในอาจารย์ของที่นี่ ไม่ได้มีเพียงตระกูลหลงเท่านั้น
เช่นนั้นความปลอดภัยของหลงเหม่ยซิน......
“เอลลี่ แจ้งไปยังหงส์แดง ให้เธอรีบมาที่เมืองจินห่าย” หวางเย๋โทรหาเอลลี่ และออกคำสั่งทันที
“ท่านชาย แล้วพวกมังกรเขียวล่ะ?”
“เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนเกินไป ง่ายที่จะดึงดูดศัตรูมาที่จินห่าย ให้พวกเขาประจำการอยู่ที่องค์กรฮั๋ว ไม่มีคำสั่งจากฉัน ห้ามเข้ามาเหยียบเมืองจินห่ายแม้แต่ก้าวเดียว ที่นี่มีหงส์แดงช่วยก็เพียงพอแล้ว”
หงส์แดงแห่งองค์กรฮั๋ว ทำให้ผู้คนรู้สึกสะพรึงกลัวเมื่อได้ยิน แต่คนนอกกลับไม่รู้ว่า อยู่ในโลกนักฆ่านั้นเธอยังมีอีกชื่อ ที่ทำให้คนหวาดผวายิ่งกว่า นั่นก็คือจิ้งจอกพันหน้า
ฆ่าคน หงส์แดงไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง ปกป้องคน ก็เป็นเช่นนั้น
ก่อนที่จะวางโทรศัพท์ เอลลี่บอกกับหวางเย๋ว่า ตระกูลหลงกำลังตรวจสอบไมค์ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะสืบหาเบื้องลึกของหวางเย๋ผ่านทางไมค์
หลังจากที่หวางเย๋ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาหนึ่งครั้ง จิ้งจอกเฒ่าหลงอ้าวเทียน จมูกดีไม่เบา แต่ว่าอาศัยฝีมือเพียงเท่านี้ คิดจะสืบหาเบื้องลึกของตัวเอง ฝันไปเถอะ
“ทางด้านไมค์ไม่ต้องไปสนใจ เขารู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด บอกกับไมค์ไปว่า หลังจากที่เข้าร่วมงานแถลงข่าวความร่วมมือกับเหม่ยซินเสร็จ ก็รีบให้เขาไสหัวไป จะได้ไม่เป็นปัญหาขึ้นมา” หวางเย๋กล่าวจบ ก็วางสายไปทันที
หลังจากที่หลงเหม่ยซินได้จัดการเรื่องดราก้อนโกลด์กรุ๊ปเสร็จ ก็เริ่มเปิดดูเอกสารประวัติความเป็นมาของดราก้อนโกลด์กรุ๊ป ไม่นาน หลงเหม่ยซินก็พบปัญหาอย่างหนึ่ง ข้อมูลการก่อตั้งดราก้อนโกลด์กรุ๊ปในสามปีแรกนั้นได้ขาดหายไป
ในตอนนี้เอง หลงอ้าวเทียนก็ได้โทรเข้ามา
“คุณปู่......”
“เหม่ยซิน กลับมาที่บ้านหน่อย ปู่มีเรื่องจะคุยกับหนู”
น้ำเสียงที่เมตตาและอ่อนโยนดังลอยออกมาจากโทรศัพท์
หลังจากที่หลงอ้าวเทียนวางสายไป หลงเหม่ยซินก็รีบกลับไปที่บ้านทันที
“คุณภรรยา ตาแก่นั่นให้คุณกลับไปทำไม?” หวางเย๋เอ่ยถาม
หลงเหม่ยซินถลึงตาใส่หวางเย๋ “หากยังกล้าไม่เคารพคุณปู่ของฉันอีก ก็ลงจากรถไปซะ”
หวางเย๋ยิ้มหัวเราะเยาะอยู่สองครั้ง และไม่พูดอะไรอีก
หลายปีมานี้ตาแก่นั่นเพื่อปลูกฝังความสัมพันธ์ระหว่างหลงเหม่ยซิน ได้ใช้ความพยายามไม่น้อยจริง ๆ หวางเย๋แอบทอดถอนใจอยู่ภายในใจ
ออกมาจากบริษัทไม่ไกลเท่าไหร่นัก หวางเย๋ก็พบว่ามีรถกำลังสะกดรอยตามมา เพื่อไม่ให้หลงเหม่ยซินรู้สึกกลัวขึ้นมา หวางเย๋ได้แอบส่งข้อความออกไปอย่างเงียบ ๆ ให้คนของเขาจัดการกับรถคันที่สะกดรอยตามมาซะ
แต่คิดไม่ถึงว่า พึ่งจะออกมาจากตัวเมือง ก็ยังเกิดเรื่องขึ้นอยู่ดี
รถเชิงพาณิชย์คันหนึ่งได้จอดขวางอยู่ด้านหน้า คนขับลงมาจากรถ และได้คุกเข่าอยู่บนพื้น เปิดประตูที่นั่งด้านหลัง จากนั้นชายชราสองคนก็ได้ลงมาจากรถ คนหนึ่งอ้วนคนหนึ่งผอม ชายชราร่างผอมเหมือนคิดว่าคนขับรถเปิดประตูช้าไป เลยถีบเข้าที่ร่างของคนขับรถ คนขับรถกลิ้งอยู่บนพื้นสองสามรอบถึงได้หยุดลง
คนขับรถรีบคลานลุกขึ้นมาจากพื้น และโขกศีรษะให้กับชายชราทั้งสอง ตัวสั่นอย่างรุนแรง เหมือนว่าได้กลัวพวกเขาจนเข้ากระดูก
มองดูคนขับรถ ชายชราร่างผอมถึงได้ยิ้มออกมาอย่างพอใจ จากนั้นไม่นานก็ได้เก็บรอยยิ้ม และหันมองมาทางหลงเหม่ยซินและหวางเย๋ที่อยู่ในรถด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“พวกเขาคือยอดฝีมือตระกูลจ้าว คุณปู่เคยย้ำกับฉันว่า อย่างมีเรื่องกับสองคนนี้เด็ดขาด ต่อให้ได้รับความไม่เป็นธรรมสักแค่ไหนก็ห้ามโต้แย้งพวกเขาเด็ดขาด” หลงเหม่ยซินดึงหวางเย๋ที่กำลังจะลงรถเอาไว้ และกล่าวอย่างเป็นกังวล
ทุกตระกูลต่างก็มียอดฝีมือประจำการ แต่ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็จะไม่ลงมืออย่างแน่นอน
ในอดีต มีตระกูลหนึ่งได้ล่วงเกินตระกูลจ้าว ชายชราสองคนนี้ลงมือ ก็ได้กวาดล้างอีกฝ่ายทั้งตระกูล ไม่เหลือรอดสักชีวิต รวมทั้งยอดฝีมือของตระกูลทั้งสิบกว่าคนของอีกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้นมีอยู่ครั้งหนึ่ง คนขับรถคนหนึ่งไม่ได้คุกเข่าอยู่บนพื้นเพื่อเปิดประตู จึงได้ถูกชายชราร่างผมเด็ดหัวทันที
นับจากนั้นเป็นต้นมา คนขับรถทุกคนที่รับผิดชอบเปิดประตูรถให้กับชายชราร่างผอม ทุกวันจะต้องสั่งเสียครอบครัวของตัวเองก่อนถึงจะกล้าออกจากบ้าน
และนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตระกูลอื่น ๆ หวาดเกรงตระกูลจ้าว
“ผมไม่เป็นไร คุณนั่งรออยู่ในรถไม่ต้องออกไป”
หวังเย๋พูดจบ ก็เปิดประตูลงจากรถ
“ไอ้หนุ่ม ไปกับฉันดี ๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว” ชายชราร่างผอมจ้องมองหวางเย๋ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ และกล่าวอย่างยโสโอหัง
ชายชราร่างอ้วน ราวกับพระยิ้ม ก็ได้ขยับเข้าใกล้หวางเย๋ทีละก้าว