บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ถามหาความรับผิดชอบ

หลงเหม่ยซินไม่ยอมถอย สบตากับหวางเย๋อยู่อย่างนั้น

สองสามนาทีหลังจากนั้น หวางเย๋เก็บสายตากลับคืนมา เขาถอดถอนใจ “คุณภรรยา ทานข้าวเถอะ เรื่องนี้ ต่อไปคุณจะเข้าใจเอง ผมจะไม่บังคับคุณ”

หลงเหม่ยซินยังคงจ้องหวางเย๋ตาเขม็ง “ฉันรู้ว่าคุณมีฝีมือไม่น้อย ไม่ใช่คนไม่เอาไหนในสายตาของคนอื่น แต่ไม่ว่าจะยังไง คุณ...ห้ามแตะต้องคุณปู่ของฉันเด็ดขาด”

หวางเย๋พยักหน้าอย่างจนใจ บอกว่าคุณภรรยาวางใจ ตอนที่คุณยังไม่ได้เห็นหลักฐานที่แน่ชัด ผมจะไม่แตะต้องหลงอ้าวเทียนอย่างแน่นอน

เมื่อได้ยินคำตอบของหวางเย๋ หลงเหม่ยซินก็นั่งลงที่โต๊ะอาหาร และหอบหายใจอย่างรวดเร็ว เหงื่อไหลท่วมตัว

สายตาของเขาน่ากลัวจริง ๆ ชั่วขณะ หลงเหม่ยซินรู้สึกว่าตัวเองแทบจะถูกสายตาของเขากลืนกินเข้าไป

แค่อาศัยสายตาแบบนี้ และยังมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วดั่งสายฟ้าอย่างเมื่อคืน ถ้าหากเขาเป็นคนไม่เอาไหน เกรงว่าคนหนุ่มสาวทั่วทั้งเมืองจินห่าย คงไม่มีใครไม่เป็นคนไม่เอาไหนแล้ว

หวางเย๋ยืนอยู่ด้านหลังหลงเหม่ยซิน ช่วยหลงเหม่ยซินนวดจุดฝังเข็มที่อยู่บนหัว หลงเหม่ยซินถึงได้คอย ๆ สงบลง

“ขอบคุณนะ!” หลงเหม่ยซินดูค่อนข้างสับสน

หวางเย๋ยิ้มเล็กน้อย วิ่งเข้าไปในครัว นำเอาอาหารเช้าที่ทำเสร็จแล้วออกมา และยกไปวางที่ด้านหน้าหลงเหม่ยซิน

มองดูหลงเหม่ยซินที่ก้มหน้าทานข้าว หวางเย๋ทอดถอนใจอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่า คิดจะช่วยอาจารย์สะสางบุญคุณความแค้นในปีนั้น จะต้องใช้สมองไม่น้อย

ไม่ว่าจะยังไงหลงเหม่ยซินก็ได้ถูกจิ้งจอกเฒ่าหลงอ้าวเทียนเลี้ยงดูมาเป็นเวลายี่สิบปี ความรู้สึกลึกล้ำ

ถ้าหากจัดการได้ไม่ดีละก็ เกรงว่าหลงเหม่ยซินคงต้องจบเห่แน่

ตอนที่ไปทำงาน หลงเหม่ยซินได้โยนกุญแจรถให้กับหวางเย๋ และขึ้นไปนั่งบนที่นั่งข้างคนขับ

นั่งอยู่ในห้องทำงาน หลงเหม่ยซินออยากจะสงบจิตสงบใจลง แต่ก็ทำไม่ได้เลยสักนิด

ใบหน้าที่เมตตาและอ่อนโยนของคุณปู่ ยังมีคำพูดของหวางเย๋ ปรากฏขึ้นมาในสมองของหลงเหม่ยซินครั้งแล้วครั้งเล่า

“เสี่ยวหวาง ไปที่ห้องเก็บเอกสาร และนำเอาเอกสารของดราก้อนโกลด์กรุ๊ปทั้งหมดเมื่อก่อนหน้านี้มาให้ฉัน โดยเฉพาะข้อมูลภายในห้าปีที่ก่อตั้งดราก้อนโกลด์กรุ๊ป” หลงเหม่ยซินพูดกับเลขาผ่านทางโทรศัพท์

เรื่องในตอนนั้น จะต้องมีการเข้าใจผิดแน่ ในเมื่อไม่สามารถไปถามคุณปู่ได้ บางที จากเอกสารเมื่อในอดีต อาจจะพบเบาะแสอะไรได้บ้าง

ตอนที่กำลังเบิดดูเอกสารอยู่นั่นเอง ประตูห้องทำงานก็พลันถูกเปิดออก ผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งได้บุกเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดสามคน

เมื่อหลงเหม่ยซินเห็นชายวัยกลางคน หัวใจก็ตกลงไปถึงตาตุ่ม ผู้นำตระกูลจ้าวจ้าวเถี่ยเฉิง เขามาเพื่อถามหาความรับผิดชอบที่จ้าวเหลวถูกทุบตีสินะ

หลงเหม่ยซินรีบเข้าไปต้อนรับทันที “คุณลุงจ้าว ฟังฉันอธิบายก่อนค่ะ......”

“ไม่ต้องอธิบาย ไอ้สวะนั่นล่ะ? กล้าทำร้ายลูกชายของฉัน วันนี้ เธอจะต้องส่งตัวมันออกมาให้ฉัน”

จ้าวเถี่ยเฉิงจ้องมองหลงเหม่ยซินด้วยใบหน้าบึ้งตึง

ไม่รู้ว่าหวางเย๋ได้ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ “ฮึ ๆ ตาแก่ มาหาฉันใช่ไหม?”

จ้าวเถี่ยเฉิงหรี่ตาลงเล็กน้อย มองพิจารณาหวางเย๋ที่เดินเข้ามาในห้องทำงานตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับจะมองหวางเย๋ให้ทะลุ

ส่วนหวางเย๋นั้นได้ยิ้มกริ่มจ้องมองจ้าวเถี่ยเฉิง ราวกับมองไม่เห็นพวกบอดี้การ์ดของตระกูลจ้างที่พร้อมจะลงมือทุกเมื่อ

“หวางเย๋ รีบขอโทษคุณลุงจ้าวซะ......” หลงเหม่ยซินส่งสายตาให้กับหวางเย๋ พยายามคลี่คลายบรรยากาศที่ตึงเครียดภายในห้องทำงาน

“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว คนคนนี้ วันนี้ฉันจะต้องเอาตัวไปให้ได้”

จ้าวเถี่ยเฉิงตัดคำพูดของหลงเหม่ยซิน เมื่อโบกมือ บอดี้การ์ดทั้งสามคนที่เขาพามาด้วย ก็กระโจนเข้าหาหวางเย๋ทันที

เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ลงมือ ก็จะรู้ทันทีว่ามีหรือไม่

บอดี้การ์ดทั้งสามคนนี้ ไม่ใช่พวกมืออันธพาลที่จ้าวเหลยพามาเมื่อวานจะสามารถเทียบได้ การเคลื่อนไหวว่องไวเด็ดขาด ร่วมมือกันได้เป็นอย่างดี ทันทีที่ลงมือ ก็ได้ปิดทางหนีทีไล่ทั้งหมดของหวางเย๋เอาไว้

หวางเย๋ราวกับตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้บอดี้การ์ดทั้งสามสกัดตัวเองไว้ตามอำเภอใจ

จ้าวเถี่ยเฉิงมองดูหวางเย๋ ในดวงตาปรากฏแววได้ใจขึ้นมา

บอดี้การ์ดทั้งสามคนนี้ คัดเลือกมาจากผู้คนนับร้อย ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ แกสามารถสู้คนยี่สิบคนได้แล้วยังไง สุดท้ายก็ต้องโดนจับอยู่ดี

ทว่าในตอนนี้เอง บอดี้การ์ดทั้งสามที่เดิมทีจับหวางเย๋ได้แล้วนั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปยกใหญ่ มือเกาที่บริเวณคออยู่ไม่หยุด อ้าปากกว้าง สีหน้าซีดเขียว ราวกับได้มีคนกำลังบีบคอพวกเขาอยู่

ที่บริเวณคอหอยของทั้งสามคน มีจุดสีแดงอยู่เลือนราง เหมือนกับว่าได้ถูกเข็มแทงเข้าไป

หวางเย๋ก้มหน้าเหลือบมองบอดี้การ์ดทั้งสามคนแวบหนึ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้หลงเหม่ยวินตกใจกลัว หัวของคนพวกนี้คงย้ายบ้านไปนานแล้ว

จ้าวเถี่ยเฉิงมองหวางเย๋อย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่ไม่นานก็ได้สงบลง มองบอดี้การ์ดทั้งสามคนที่กำลังดิ้นทุรนทุรายแวบหนึ่ง หลังจากที่ด่าออกมาว่าไม่เอาไหนหนึ่งครั้ง ก็ได้ปรบมือสองครั้ง

หวางเย๋ยิ้มกริ่มจ้องมองจ้าวเถี่ยเฉิง

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที คนที่เตรียมเอาไว้ไม่ได้ปรากฏตัว จ้าวเถี่ยเฉิงใบหน้าแข็งทื่อ เขาออกแรงปรบมืออีกสองครั้ง

หวางเย๋ยิ้มเบา ๆ เดินออกไปจากห้องทำงาน ตอนนี่เข้ามา ในมือได้ลากร่างไร้วิญญาณเข้ามาสองศพ และโยนลงไปที่เท้าของจ้าวเถี่ยเฉิง “ตาแก่ กำลังเรียกพวกมันอยู่เหรอ? ต้องขอโทษด้วย พวกมันไม่ได้ยินแล้ว”

จ้าวเถี่ยเฉิงอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไปสองก้าว ในแววตาปรากฏความหวาดกลัวออกมา

เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถจับหวางเย๋ได้ เขาไม่เพียงพาบอดี้การ์ดที่ฝีมือเก่งกาจมาด้วยสามคน แถมยังได้ใช้ยอดฝีมือของตระกูลอีกด้วย แต่เขาคาดไม่ถึงว่า สองยอดฝีมือที่เขากล่าวถึงนั้น พึ่งจะเหยียบเข้ามาในดราก้อนโกลด์กรุ๊ปอย่างเงียบ ๆ ก็ถูกหวางเย๋พบเข้า จะได้จัดการไปก่อนแล้ว

“ตาแก่ คุณมาหาผมมีจุดประสงค์อะไรกันแน่? อย่าบอกว่ามาเพื่อแก้แค้นให้กับลูกชายของคุณ เหตุผลนี้สามารถหลอกภรรยาของผมได้ หลอกผม คุณยังอ่อนหัดไปหน่อย” หวางเย๋ตบหน้าจ้าวเถี่ยเฉิงเบา ๆ พลางกล่าวอย่างเย้ยหยัน

จ้าวเถี่ยเฉิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว หวางเย๋ก็บีบใกล้เข้าไปหนึ่งก้าว ภายใต้สายตาบีบเคล้นของหวางเย๋ เหงื่อเย็น ๆ ได้ผุดขึ้นมาเต็มหลังของจ้าวเถี่ยเฉิง

หลงเหม่ยซินพุ่งเข้ามา ปกป้องจ้าวเถี่ยเฉิงเอาไว้ที่ด้านหลัง และจ้องมองหวางเย๋ด้วยความโมโห

“หวางเย๋ คุณจะทำอะไร?”

กลางวันแสก ๆ คิดไม่ถึงว่าหวางเย๋จะกล้าฆ่าคนถึงสองคน ตอนนี้ยังจะทำร้ายจ้าวเถี่ยเฉิงอีก นี่เป็นสิ่งที่หลงเหม่ยซินไม่สามารถนิ่งดูดายได้อย่างแน่นอน

ตระกูลจ้าว ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลหลงสักเท่าไหร่เลย

ทว่าหลงเหม่ยซินกลับคิดไม่ถึงว่า จ้าวเถี่ยเฉิงในเวลานี้ มองแผ่นหลังของเธอ เปลวไฟแห่งความเคียดแค้นได้ลุกโชนขึ้นมาในดวงตาทั้งสองข้างของเขาราง ๆ เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาช้า ๆ และกำลังจะบีบเข้าที่คอของเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel