บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 บทเพลง

อ้อมกอดของพี่ให้กำลังใจ อ้อมแขนของพ่ออบอุ่นแต่เขาก็อยากกอดแม่ อ้อมกอดอ่อนโยนของแม่ทำให้เขารู้สึกดีตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เขาอยู่กับเพื่อนๆ และน้องๆ ในวงเดอะเฟรนด์ เขาโหยหาความเข้าใจจากผู้หญิงที่ให้กำเนิดแต่แม่ไม่เคยแม้จะเหลือบและ เพียงแค่คำพูดฝากพ่อกับพี่ชายมาถึงเขาก็ไม่มี

วันรับปริญญา ภุชงค์ไม่เห็นแม้เงาของแม่ ความยินทีที่เรียนจบจึงไม่มีความหมาย เขาตั้งใจเรียนควบคู่กับการซ้อมดนตรี แต่งเพลงอย่างหนักเพื่อแม่ แต่ถึงวันสำคัญจริงๆ แม่กลับไม่เข้าใจ ไม่ให้อภัยเขาเลย อ้อมกอดของพ่อช่วยทดแทนได้บ้างแต่ไม่ทั้งหมด ลูกชายที่ดื้อรั้น อวดดีอย่างเขา แม่จะยินดีกับความสำเร็จนี้ทำไม มันไม่ใช่สิ่งที่แม่ต้องการสักนิด เขายอมรับความจริงข้อนี้ด้วยหัวใจเจ็บร้าว

เสียงเกากีต้าร์ดังมาแผ่วเบาแต่เสียงเพลงที่ดังมาตามทำนองนั้นมันไพเราะจนคนได้ยินต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ หญิงสาวยิ้มบางแล้วเดินไปทางห้องของหล่อนซึ่งอยู่ถัดไป ภุชงค์ให้ไพลิน ผู้หญิงคนเดียวในบ้านและในวงเดอะเฟรนด์พักห้องติดกับห้องของเขา อีกห้องที่อยู่ตรงกันข้ามให้ นิยม นเรศและก้องเกียรตินอน ส่วนประโดมให้นอนกับเขาแต่ชายหนุ่มรุ่นน้องขอนอนกับเพื่อนอีก 3 คนเพราะต้องการให้ภุชงค์ใช้ความคิดในการเขียนเพลงโดยไม่ต้องมีใครเข้าไปรบกวน

ภุชงค์เขียนเพลงได้ไพเราะมีความหมายกินใจจนบทเพลงเริ่มขายได้และโด่งดังเป็นบางเพลงกระทั่งส่งให้วงเดอะเฟรนด์เข้าไปอยู่ในใจของแฟนเพลงหลายคน ประโดมคิดว่าสักเดอะเฟรนด์จะต้องเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศและอาจจะเลยออกไปนอกประเทศก็ได้ใครจะรู้

ภุชงค์แกะเพลงต่ออีกครู่หนึ่งจึงวางกีต้าร์แล้วล้มตัวลงนอน เขารู้ว่ารบกวนเวลานอนของน้องๆ แต่ขอให้ได้จับกีต้าร์ให้สบายใจเสียหน่อยแล้วค่อยนอน เขาจะเป็นเช่นนี้จนเคยตัวเสียแล้ว เสียงดนตรีและบทเพลงปลุกประโดมให้ลืมตาฝ่าความมืดสลัว เขาเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

“หากคิดถึงฉัน ให้มองดวงดาวบนฟ้า ดาษดื่นอุไรวรรณเมื่อคราท้องฟ้าสดใส

ดาวหมื่นล้านดวงแทนดวงตาและใจกะพริบอยู่ไกลแทนใจปลุกปลอบคนดี

หากเธอท้อแท้จงมองดาวที่พร่างฟ้า เปรียบดั่งดวงตาของฉันไม่เคยหน่ายหนี

ยังคอยห่วงหาห่วงใยทุกวินาที จากใจดวงนี้เสมือนพี่ชาย

หากมีความฝันคล้ายฉันที่เคยบอกไว้ จงเดินก้าวไปอย่าให้ฝันนั้นสลาย

เธอจงเข้มแข็งอย่าอ่อนแรงเมื่อต้องเดียวดาย มองดาวพร่างพรายนำทางสู่ความฝันเธอ”

เสียงเพลงนั้นค่อยๆ แผ่วหายไปกับรอยยิ้มรางเลือนของประโดม ตาที่หรี่ปรือหลับสนิทและเขาก็ไม่ได้ยินเสียงเพลงที่บอกว่าเพราะนั้นอีก ทั้งคนแต่งเพลงเล่นเพลงและคนฟังต่างหลับไหลไปกับความง่วงงุนเพราะพวกเขาเพิ่งกลับจากผับที่เล่นดนตรีประจำตอนตีสามครึ่ง

ไพลินล้มตัวลงนอนพร้อมรอยยิ้มที่บอกไม่ได้ว่ามีความสุขมากเพียงใดกับเสียงเพลงที่ดังเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา ไม่ว่าภุชงค์จะแต่งเพลงนี้ขึ้นมาด้วยสาเหตุใดหรือแรงจูงใจอะไรก็ตาม แต่ความหมายของบทเพลงแต่ละท่อนมันเป็นกำลังใจให้คนที่อ่อนแอลุกขึ้นต่อสู้และเป็นกำลังใจให้หล่อนสู้เช่นกัน แต่แค่มาจากใจพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้นเองหรือ

แม้ว่าไพลินจะทำงานร่วมกับภุชงค์มาปีกว่าแต่ความรักความผูกพันที่หล่อนมีให้เขานั้นมันเกินพี่ชายที่ใจดี ส่วนเขานั้นคงมองหล่อนได้แค่น้องสาวเท่านั้น หญิงสาวหลับตาลงช้าๆ ผ่อนลมหายใจแผ่วเบาก่อนจะสลัดความคิดคำนึงถึงชายหนุ่มที่มีบุญคุณกับหล่อนออกไปจากความรู้สึกขณะนี้

“ไพจะพยายามรักพี่เหมือนพี่ชายของไพค่ะ”

หญิงสาวหลับไปในไม่ช้าและกว่าทุกชีวิตจะลืมตาตื่นกันอีกทีก็เลยเที่ยงวันไปแล้ว ประโดมลุกขึ้นอาบน้ำก่อนเพื่อนๆ ตั้งใจจะเข้าไปขอดูเพลงที่ภุชงค์ร้องเมื่อเช้ามืด อยากรู้ว่ามันจบลงตรงไหนเพราะเขาหลับไปก่อนที่เพลงจะจบหรือว่าภุชงค์ยังร้องไม่จบเพลงก็ไม่รู้ได้ ดังนั้นเมื่ออาบน้ำเสร็จจึงเดินไปที่ห้องพี่ใหญ่

“พี่ภุ พี่ภุ ตื่นหรือยัง”

“มีอะไร”

เสียงตอบออกมาเหมือนกับคนเพิ่งตื่นนอน ประโดมเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ตอบคำถามของพี่ชายคนดีคนนี้

“ไม่มีอะไรแต่อยากมาฟังเพลงที่พี่ร้องเมื่อเช้านี้ เพราะมากเลยพี่ ไปแอบเขียนตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

“ก็เมื่อตอนที่ร้องออกไปนั่นแหละ ยังเขียนไม่จบเลย เอาไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วจะให้เล่นทุกคน พี่จะเอาเพลงนี้ใส่เทปชุดใหม่”

“จริงเหรอพี่ ผมว่าคนฟังต้องติดแน่เลย” ประโดมตื่นเต้นกับข่าวใหม่ล่าสุด

“อย่าเพิ่งสรุป เราไม่ใช่คนฟังทั้งประเทศ ยังไงรอผลก่อนค่อยว่ากัน” ภุชงค์ยิ้มบาง เขาไม่คาดหวังอย่างที่ประโดมพูด

“แต่ผมเชื่อว่าแฟนเพลงเราคิดเหมือนผม” ประโดมยังยืนยันความคิดของตัวเอง

“อย่าหลงตัวเอง ไม่ดี” หัวหน้าวงมองลูกน้องแล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะหลับตาต่อ

“นี่เที่ยงแล้วนะพี่ จะนอนต่ออีกเหรอ”

“เออ..ออกไปได้แล้วไม่อยากคุยแล้วโว้ย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel