CHAPTER 4
ร้านเบเกอรี่
พรนาราลากกระเป๋าเข้าบ้านด้วยอารมณ์ที่ไม่สดใสนัก พ่อกับแม่ของเธอง่วนกับการทำขนม ไม่มีใครเงยหน้ามามองเธอเลยสักคน เธอเดินไปที่หน้าเคาน์เตอร์แกล้งทำเป็นลูกค้ายืนดูเบเกอรี่ วิธีนี้ทำให้พ่อกับแม่หันมามองเธอโดยอัตโนมัติจนเธออดที่จะยิ้มไม่ได้
“หนูนาเหรอนั่น สวยเหมือนแม่ไม่มีผิด”
แม่ของเธอวางมือจากขนมตรงหน้า รีบเดินเข้ามากอดเธออย่างดีใจ เธอสวมกอดท่านทั้งสองอย่างแนบแน่นให้สมกับที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี
ถึงเธอจะไม่ได้กลับมาเมืองไทยเกือบสิบปี แต่เธอได้เจอพ่อกับแม่บ้างตอนที่ท่านไปเยี่ยมเธอที่นั่นและติดต่อกันตลอด
“แม่คะ หนูนามีเรื่องสารภาพ” เธอพูดเสียงอ่อย ทำให้มารดาของเธอมองอย่างสงสัย
“หนูนาทำน้ำหอมที่ซื้อมาหาย จำไม่ได้ว่าไปวางไว้ที่ไหน”
เธอรับสารภาพผิดในความเลินเล่อของตัวเองไปตามตรง
“โธ่เอ๋ย ยายหนูนาของแม่ ขี้หลงขี้ลืมไม่เคยเปลี่ยน”
ทั้งแม่และพ่อของเธอพากันหัวเราะไม่ยอมหยุด เพราะคุ้นเคยกับนิสัยขี้หลงขี้ลืมของเธอเป็นอย่างดี
“หิวไหม เดินทางมาเหนื่อยๆ นั่งพักก่อนนะลูก”
แม่จับเธอไปนั่งที่เก้าอี้ในร้าน และลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเธอเข้าไปแอบด้านใน ก่อนที่จะเข้าไปทำงานต่อตามเดิม
ระหว่างที่เธอนั่งพัก ขนมนมเนย ทยอยมาเสิร์ฟที่โต๊ะของเธอ ถึงแม้ขนมจะหน้าตาสวยและน่ารับประทานเป็นอย่างมาก แต่เธอไม่รู้สึกอยากกินเลยสักนิด พ่อกับแม่ยังคงงานยุ่งเหมือนเดิม และเลี้ยงเธอด้วยขนมพวกนี้ ปล่อยให้เธอนั่งเล่นคนเดียวเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ในตอนนี้เธอโตพอที่จะช่วยทำอะไรได้บ้างแล้ว ทำตัวให้เป็นประโยชน์น่าจะดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ แต่เธอคงจะต้องหางานที่เหมาะสมกับตัวเองให้ได้ก่อน เพราะเธอทำขนมหรือเบเกอรี่ไม่เป็นเลยสักอย่าง ทั้งๆ ที่เติบโตมากับสิ่งพวกนี้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยลอง แต่ทำแล้วไม่ได้จริงๆ เพราะลืม ใส่นั่นใส่นี่จนผิดสูตรไปหมด ทั้งสองคนเลยเลิกคิดที่จะฝากความหวังของร้านนี้ไว้กับลูกสาวอย่างเธอ
เธอนั่งคิดอยู่เพลินๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะของเธอ พอสายตาเริ่มปรับโฟกัสได้ชัดเจน ทำให้ชาวาบไปทั้งตัว เป็นไปไม่ได้ เขาเข้ามาที่ร้านของเธอได้อย่างไร เธอกำลังโดนเขาหลอกหลอนหรือไงกันนะ ถึงได้เจอถี่ยิบขนาดนี้ เธอยังเคืองไม่หายเรื่องที่เขามาหว่านเสน่ห์ใส่เธอที่สนามบิน
“บังเอิญจัง บ้านอยู่แถวนี้หรือครับ”
ปริญยังคงถามเธออย่างสุภาพจนเธอรู้สึกหงุดหงิด เขาจำเธอไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ทั้งๆ ที่เธอนั่งหน้าแป้นแล้นอยู่ในร้านของตัวเอง อย่างน้อยเขาน่าจะเอะใจบ้างสักนิด เธอคงไม่อยู่ในความทรงจำของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ลูกหมู อย่างเธอคงไม่มีความสำคัญอะไรในชีวิตของเขา ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก
“อ้าว! ตาป้อง น้าไม่ได้เห็นหน้าตั้งนาน ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะ”
แม่ของเธอทักทายลูกค้าที่ดูจะคุ้นเคยอย่างเป็นกันเอง และถามสารทุกข์สุกดิบทุกคนตั้งแต่ป้าแวว พี่ประณต พี่แป้ง จนครบ จากที่ฟังเธอเดาว่าเขาและครอบครัวคงจะไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้ว ถึงได้พูดคุยกันยาวเหยียด ยาวมากกว่าลูกสาวที่ไม่ได้เจอหลายปีอย่างเธอเสียอีก
ถึงแม้เขาทำให้เธอขุ่นเคือง แต่เธอก็อดที่จะเหลือบมองใบหน้าของเขาอย่างโหยหาไม่ได้ เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน พออยู่ในชุดฟอร์มของสายการบินระดับชาติ ยิ่งทำให้เขาดูมีสง่าราศีมากขึ้น น้ำเสียงที่พูดคุยนุ่มนวลชวนฟังเหมือนเดิม รอยยิ้มที่ส่งประกาย ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาห่างไกลออกไปเรื่อยๆ จากเดิมที่เธอไม่เคยเอื้อมถึง ตอนนี้เหมือนอยู่คนละโลกกันเลย
“ตาป้องจำหนูนาได้ไหม ไปอยู่ออสเตรเลียมานาน เพิ่งกลับมาวันนี้พอดี”
คำแนะนำของแม่เธอ ทำให้เขามองมาที่เธออย่างตื่นตะลึงราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเขาตกใจเรื่องอะไรกันแน่ ถึงได้ทำท่าทางเหมือนเห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่ตรงหน้า