ตอนที่ 5 สมัครงาน
ตอนที่ 5 สมัครงาน
สี่ปีต่อมา
ภายในห้องทำงานของนายพลหยางหย่งไท่ เจ้าของห้องกำลังพิงหลังกับเก้าอี้บุนวม ด้วยท่วงท่าที่สบายตัว เบื้องหน้าเป็นชายหนุ่ม เด็กในบ้านที่อุปการะเลี้ยงดู กำลังยืนแผ่นหลังเหยียดตรง ท่าทางองอาจสมชายชาตรี น่าเสียดายถ้าอีกฝ่ายยอมเป็นทหารเหมือนเขา ด้วยรูปร่างแบบนี้ พอสวมใส่เครื่องแบบทหารแล้ว คงจะดูดีไม่น้อย แต่ก็นั่นแหละในเมื่อเด็กมันไม่ชอบ เขาก็ไม่เคยคิดจะบังคับ
“อาไป๋ นายจบการโรงแรมมาใช่ไหม ได้งานหรือยัง ให้ฉันช่วยฝากงานให้ไหม”
“ครับท่าน” ไป๋หานตอบรับคำนายพลท่าทีนบนอบ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “เรื่องงาน ผมอยากจะขอพยายามหางานด้วยความสามารถของตัวเองครับ หวังว่าท่านคงจะเข้าใจ”
ที่ผ่านมาแค่ท่านส่งเสียให้เรียนจบจนสูง ก็มีคนคอยแขวะเขามากพอแล้ว ขืนให้ท่านฝากงานให้เขาอีก กลายเป็นเด็กเส้น คงจะมีคนมองเขาในทางไม่ดีเพิ่มมากขึ้น แล้วอีกอย่างเขาอยากจะสร้างฐานะด้วยความสามารถของเขาเอง ในวันหนึ่งที่เขาประสบความสำเร็จมีเงินก้อน พ่อกับแม่ก็จะได้เลิกทำงาน ออกมาคอยอยู่บ้านเลี้ยงหลาน ในวันที่เขามีครอบครัว
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่นายพลออกค่าเล่าเรียนให้ เขาก็จะเก็บเงินส่งคืนท่าน และจะยังคอยรับใช้หากท่านมีเรื่องให้เขาช่วย นี้คืออนาคตที่เขาวางแผนเอาไว้
“ตามใจนาย หมดธุระแล้ว ออกไปเถอะ”
นายพลหย่งไท่มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกจากห้องทำงานไป ด้วยสายตาพึงพอใจ หากวันข้างหน้าชายหนุ่มสร้างฐานะมั่นคงได้ด้วยตัวเอง นั่นถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีของสุภาพบุรุษที่ควรมี
ทางด้านไป๋หาน หลังจากออกมาจากห้องทำงาน ก็ไปขอพรจากพ่อแม่ ก่อนจะออกจากบ้าน ไปรับแฟนสาวที่นัดหมายกันเอาไว้ เพื่อไปหาสมัครงานด้วยกัน
เมื่อมาถึงจุดนัดหมาย เขาก็จอดรถลงไปยืนรอแฟนสาวที่ยังมาไม่ถึง
ผ่านไปห้านาทีคนที่เขาเฝ้ารอ ก็เดินส่งยิ้มหวานมาแต่ไกล ทำให้เขารีบส่งยิ้มหวานตอบเช่นกัน
“รอนานหรือเปล่าคะ” เสียงหวานเอ่ยถามคนรัก ทันทีที่เข้ามายืนอยู่ต่อหน้าเขา
“ไม่นานครับ วันนี้คุณสวยมากเลยรู้ไหม”
นัยน์ตาหวานเชื่อมเหมือนน้ำผึ้ง กวาดมองไล่ตั้งแต่ใบหน้าลงไปถึงปลายเท้า รู้สึกตกหลุมรักแฟนสาวของตัวเองอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ”
เหม่ยฉียิ้มเอียงอาย สายตากวาดมองหารถยนต์ ซึ่งเธอหวังว่าเขาจะยืมเจ้านายมาวันนี้ เพื่อขับพาเธอหาสมัครงาน แต่เท่าที่เห็นไม่มีรถยนต์สักคัน มีเพียงจักรยานคันใหม่เอี่ยมจอดอยู่คันเดียวเท่านั้น
“เอ่อ...แล้วพวกเราจะไปกันยังไงคะ” หญิงสาวหลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยถามเรื่องรถไปตามตรง เพราะไม่อยากให้คนรักมองว่าเธออยากจะนั่งรถหรูมากจนเกินไป
“นี้ไงครับ” ไป๋หานผายมือไปทางจักรยานที่เขาพึ่งซื้อมาเมื่อเช้าให้หญิงสาวดู
“จักรยาน?”
เมื่อเห็นสีหน้าของคนรัก ชายหนุ่มก็ใจเสียเล็กน้อย เพราะหากเทียบกับชายหนุ่มคนอื่นที่ตามจีบเหม่ยฉี ตัวเขาไม่มีอะไรเทียบกับคนพวกนั้นได้เลย
“ตอนนี้ผมอาจจะซื้อได้แค่จักรยาน แต่ผมสัญญาว่าจะรีบสร้างเนื้อสร้างตัว ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์สักคัน เหม่ยฉี คุณจะรอผมได้หรือเปล่า”
เหม่ยฉียิ้มบางรับคำพูดนั้นของคนรัก หากเป็นเมื่อก่อนในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย เธออาจจะรู้สึกตื่นเต้น มีหวังในคำพูดนั้นของคนรัก ถึงขนาดบอกปัดชายหนุ่มฐานะดีแต่หน้าตาไม่ดีหลายคนไปแบบไร้เยื่อใย
แต่พอนานวันเข้า เธอเริ่มได้เรียนรู้ว่า ความรัก ความหล่อมันกินไม่ได้ เงินต่างหากที่เธอต้องการ
แต่ตอนนี้ยังไม่ทันมีคนมีเงินเข้ามาในชีวิตของเธออีก เธอจึงยังคงคบอยู่กับชายหนุ่ม เพื่อเอาไว้เป็นตัวเลือกสุดท้ายก่อน
“รอได้ค่ะ ฉันรอคุณได้เสมอ พวกเราไปกันเถอะ”
ไป๋หานใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง เมื่อได้ฟังคำตอบจากปากของผู้หญิงที่เขารักมาก รีบไปขึ้นจักรยาน รอให้หญิงสาวขึ้นนั่งซ้อนท้ายเรียบร้อยแล้ว ก็ปั่นออกไป
ทั้งสองตระเวนสมัครงานตามโรงแรมต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน แต่ว่ากลับไม่มีโรงแรมไหนบอกว่าจะรับเข้าทำงานเลย คงจะยังไม่มั่นใจในฝีมือของนักศึกษาที่พึ่งจบมาใหม่ ยังไม่มีประวัติด้านการทำงานมาก่อน
“ฉันว่า วันนี้เราพอแค่นี้กันก่อนเถอะค่ะ นั่งจักรยานทั้งวัน ปวดก้นไปหมดแล้ว”
“ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมปั่นไปส่งคุณที่บ้าน พรุ่งนี้เราค่อยมาสมัครงานกันใหม่”
“ค่ะ” เหม่ยฉีรับคำเสียงแผ่ว
ไป๋หานจึงปั่นจักรยานไปส่งหญิงคนรัก ก่อนจะกลับบ้านมาช่วยงานพ่อกับแม่
ตลอดอาทิตย์เขาพาคนรักตระเวนหางาน แต่งานก็ช่างหาได้ยากเย็นเสียเหลือเกิน เหม่ยฉีเองก็เหน็ดเหนื่อยมาก จึงขอตัวหยุดพักก่อน
เมื่อแฟนสาวหยุดพัก เขาก็หยุดออกหางานก่อนเช่นกัน
หลังจากช่วยแม่ทำงานบ้านและช่วยคนสวนทำสวนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็มาทิ้งตัวลงนอนบนสนามหญ้า พักสายตา แล้วครุ่นคิดว่ายังมีโรงแรมไหนอีกบ้างที่เขายังไม่ได้ไปสมัคร หรือหากไม่สามารถหางานตามสาขาที่เรียนมาได้จริง ๆ เขาก็คงต้องหางานอื่นทำไปก่อน หรือบางทีอาจจะสอบเข้าเป็นทหารเหมือนท่านนายพลดูก็ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบในเส้นทางนี้ก็ตาม
“มานอนทำไมตรงนี้ค่ะ พี่ชาย”
วันนี้เป็นวันหยุดของหลิงหลาน หญิงสาวจึงนั่งท่องหนังสือเตรียมสอบอยู่บนชั้นสองของตัวบ้าน พอเห็นชายหนุ่มเดินมาทิ้งกายลงนอนอยู่ในสนามหญ้า จึงลงจากชั้นสองออกมานั่งลงเคียงข้างคนที่เอาแต่นอนหลับตาอยู่
ความจริงเธอนั่งมองใบหน้าคมคาย ของผู้ชายที่ตอนนี้เธอคิดกับเขาเกินกว่าพี่ชายไปแล้ว จนเวลาผ่านไปเกือบห้านาทีได้ ถึงได้กล่าวทักขึ้นมา
“คุณหนู”
ทันทีที่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ไป๋หานรีบลืมตาขึ้น พร้อมกับยันตัวลุกขึ้นมานั่งหลังตรง
“ว่าไงคะ พี่ยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลย มานอนทำไมตรงนี้”
“พี่นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ”
“บอกฉันได้หรือเปล่า ว่าพี่มีเรื่องอะไรในใจ”
หลิงหลานเห็นอาการนิ่งเงียบของชายหนุ่มตรงหน้า ก็รีบพูดขึ้นมาอีก
“นี้เป็นคำสั่งค่ะ”
เมื่อเป็นคำสั่งจากเจ้านาย ไป๋หานจึงระบายความในใจเรื่องการหาสมัครงานในฝัน แต่กลับไม่มีที่ไหนรับ เมื่อได้พูดแล้ว ก็ระบายทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจนหมด เพราะรู้สึกวางใจในตัวคุณหนูของตนเองมาก
“เรื่องแค่นี้เอง ฉันจะไปบอกให้คุณพ่อช่วยนะคะ”
หลิงหลานรีบลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะขึ้นไปหาคุณพ่อ ที่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องหนังสือ
“อย่าเลยครับ”
ไป๋หานรีบเอื้อมมือไปดึงข้อมือเล็กเอาไว้ตามสัญชาตญาณ พอรู้สึกตัวก็รีบปล่อยมือออก
“ขอโทษครับ พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อก่อนพี่ก็จับมือฉัน ไม่เห็นเป็นไรเลย”
เมื่อชายหนุ่มร้องห้าม หนำซ้ำถึงขั้นดึงมือเธอเอาไว้ หญิงสาวจึงกลับมานั่งลงข้างชายหนุ่มอีกครั้ง เพื่อรับฟังเหตุผลของเขา
ไป๋หานอยากจะโต้แย้ง ว่าเมื่อก่อนยังเป็นเด็ก แต่ตอนนี้คุณหนูโตเป็นสาวแล้ว ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกันเกินงาม แต่ก็ยังไม่ได้พูดออกไป เพราะต้องอธิบายเรื่องสมัครงานให้คุณหนูเข้าใจเสียก่อน
“เรื่องงานพี่เรียนท่านนายพลไปแล้ว ว่าพี่จะใช้ความสามารถของตัวเอง เพราะฉะนั้นคุณหนูไม่ต้องทำอะไรหรอกครับ แค่ยอมรับฟังที่พี่ระบายออกมา พี่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากแล้ว”
“เข้าใจแล้วค่ะ ต่อไปถ้าพี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ มาระบายกับฉันได้ทุกเรื่องนะคะ ฉันรับรองว่าจะเป็นผู้ฟังที่ดีแน่นอน”
สองชายหญิงส่งยิ้มกว้างให้กัน แต่ต่างแค่ความรู้สึก...