โดนลงโทษ
บทที่ 4 แผนการร้ายฉบับหมูปิ้ง
เมื่อสองพ่อลูกกลับไปแล้ว อริสาก็กลับมาทำความสะอาดห้องที่จอมทัพได้ทำรกเอาไว้ จากเหตุการณ์นี้เธอรู้แล้วว่าลูกชายนั้นดื้อมากขนาดไหน เขาทั้งปากร้ายและไม่มีเหตุผลสักนิดเดียว ถึงครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยกับลูกชายแต่ก็ทำให้พลังงานในตัวของอริสาลดลงเป็นอย่างมาก ทั้งที่เจอกันไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ
เธอขอสัญญากับตัวเองเลยว่าจะหลีกเลี่ยงเด็กแบบนี้ให้ได้มากที่สุด อีกทั้งตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเริ่มต้นของนิยายแล้ว ไม่นานเหล่าตัวละครหลักพวกนี้ก็จะได้พบกัน หากเธอเข้าไปแทรกแซงเนื้อเรื่องมากจนเกินไปอาจจะส่งผลให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนได้เช่นกัน
ดังนั้นต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมไว้ดีกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงยากเพราะเธอต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับชีวิตพระเอกนิยายอย่างหิรัญ
อริสาได้แต่ภาวนาขอให้ชีวิตในโลกนี้ของเธอเป็นไปอย่างราบรื่น
ในระหว่างที่อริสากำลังทำความสะอาดห้องอยู่ ทางด้านจอมทัพก็ไม่ได้มีความสุขเท่าไหร่นัก หลังจากที่กลับมาถึงบ้านก็ถูกพ่อพามาที่ห้องดำทันที ตอนนี้เด็กชายกำลังยืนตัวสั่นจนฉี่แทบราด เขาก้มหน้าไม่กล้าสบตากับพ่อเลยแม้แต่น้อยเพราะรู้ดีว่าความผิดที่ทำในวันนี้เป็นเรื่องยากที่จะให้อภัย
จอมทัพแอบออกจากบ้านมาคนเดียวในระหว่างที่พี่เลี้ยงไปเข้าห้องน้ำ เขาอยากกินหมูปิ้งมากจนทนไม่ไหวและรู้ว่าร้านนั้นอยู่ไกลพอสมควร หากจะขอให้คนขับรถพาไปก็คงจะถูกปฏิเสธแน่ ดังนั้นเขาจึงคิดแผนขึ้นมาแล้วแอบออกมาจากบ้านโดยไม่ให้ใครรู้ แผนนี้เกือบจะสำเร็จหากว่าไม่ได้เจอแม่เข้าเสียก่อน!
เด็กชายอารมณ์เสียมากแต่ตอนนี้กลับนึกเสียใจมากกว่า
“คุณบอกเหตุผลพ่อมาว่าทำไมต้องแอบออกจากบ้านคนเดียวด้วย” ไอศูรย์พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จนบรรยากาศรอบตัวน่าอึดอัดไปหมด ในเวลาปกติเขาก็มักจะตามใจลูกชายเสมอแต่ถ้าอีกฝ่ายทำผิด ไอศูรย์ก็พร้อมที่จะลงโทษเช่นกัน
“พะ เพราะว่าลูกอยากไปหาแม่” เขาตอบตะกุกตะกัก
“พ่อไม่เคยสอนให้คุณเป็นโกหก บอกเหตุผลที่แท้จริงมา อย่าให้ต้องพูดซ้ำ” เขาจ้องมองไปที่ลูกชายที่กำลังยืนตัวสั่น ในใจก็ได้แต่ตั้งคำถามว่าในเมื่อกลัวขนาดนี้แล้วทำไมถึงกล้าแอบออกจากบ้านคนเดียวอีก
จอมทัพเม้มริมฝีปากแน่น ในขณะที่มือก็จับชายเสื้อไม่ยอมปล่อย เขารู้สึกกดดันมากจนอยากจะร้องไห้ออกมาแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็ต้องเจอกับสายตาเฉยชาของพ่อ เด็กชายเบะปากพรั่งพรูน้ำตาออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้น
เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่เหลือมาดคุณชายเอาแต่ใจ ไม่กล้าขยับตัวหรือลงไปนอนดิ้นกับพื้นเหมือนอย่างที่เคยทำเพราะรู้ดีว่าตอนนี้พ่ออยู่ในอารมณ์โกรธมาก หากเขายิ่งทำนิสัยเอาแต่ใจมีแต่จะทำให้พ่อยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม
“ร้องไห้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร คุณควรพูดความจริงกับพ่อ” ไอศูรย์ไม่ใจอ่อนเลยสักนิดเดียว
“ลูก ลูกจะพูด” จอมทัพรีบปาดน้ำตา เขานึกขึ้นได้ว่ามีผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งติดตัว จึงหยิบขึ้นมาเช็ดน้ำตาอีกครั้งก่อนจะพูดความจริงออกไป “ลูกอยากกินหมูปิ้งร้านหนึ่งมาก กลิ่นมันหอมและรสชาติก็อร่อยมากด้วย แต่ไม่มีใครพาไปซื้อเลยสักคน ลูกเลยแอบออกจากบ้านคนเดียวแต่ตอนที่กำลังจะไปซื้อก็ถูกแม่ใจร้ายจับไว้ก่อน!” เขาเริ่มฟ้องพ่อ
“เรื่องนี้แม่ของคุณไม่ได้ผิด อย่ากล่าวหาเธอ” เขาเตือนลูกชาย ไอศูรย์จะไม่รู้นิสัยที่แท้จริงของจอมทัพได้อย่างไร
“แต่ แต่ถ้าแม่ไม่มาห้ามลูก ลูกก็จะซื้อหมูปิ้งได้นะ” เขาเถียง
“จอมทัพ คุณไม่มีเงินแถมยังกล้าข้ามถนนคนเดียวในขณะที่มีรถขับมาด้วยความเร็วสูงอีก หากแม่ของคุณไม่ช่วยไว้ คุณคิดมาคุณจะมายืนอยู่ตรงนี้งั้นเหรอ”
“แต่ แต่ลูกไม่ผิด” เด็กชายพูดเสียงอ่อย
“ใครผิดใครถูกคุณรู้ดีอยู่แก่ใจ” เขาพูดเสียงเรียบ “อีกอย่างร้านนั้นก็เป็นหมูปิ้งข้างทาง อาจจะท้องเสียได้ มันไม่ถูกหลักอนามัยด้วย คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ทานของแบบนั้น”
“ลูกไม่ได้ท้องเสียสักหน่อย!” เขาตะโกนลั่นแต่เมื่อถูกสายตาของพ่อมอง เขาก็ถึงกับพูดไม่ออก “อะ อร่อยมากด้วย”
“พูดแบบนี้คงจะเคยทานหลายรอบแล้วสินะ”
“พ่อ คุณควรลองสักครั้ง คุณอาจจะชอบเหมือนลูกก็ได้” จอมทัพพยายามอธิบาย ทุกครั้งที่ได้ยินคำว่าหมูปิ้งดวงตาของเขาจะลุกวาวทันที
“งั้นเหรอ แล้วเคยทานที่ไหนมาล่ะ”
“แม่บ้านเคยซื้อมา ลูกได้กลิ่นก็เลยลองชิม-” จอมทัพกำลังจะพรรณนาถึงรสชาติที่เขาได้ลิ้มลองแต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อนึกขึ้นได้ถูกพ่อหลอกถามข้อมูลเสียแล้ว “พ่อ! คุณทำแบบนี้กับลูกไม่ได้!”
“เห็นทีพ่อคงจะตามใจคุณมากจนเกินไป พฤติกรรมของคุณในวันนี้คงต้องรู้จักที่เรียนรู้ว่าอะไรสมควร อะไรไม่สมควรบ้าง”
“แต่ลูก-”
“จอมทัพ ถึงตอนนี้คุณจะยังเป็นเด็กแต่ก็ควรรู้ไว้ว่าตั้งแต่ที่เกิดมาในตระกูลนี้คุณก็มีภาระวางไว้บนบ่าแล้ว ต่อให้จะเกเรมากขนาดไหนก็ควรจะรู้ขอบเขตเสียบ้าง”
จอมทัพได้แต่ยืนนิ่ง รับฟังคำสอนจากพ่อ
“อีกอย่างวันนี้ทุกคนต่างก็ต้องวุ่นวายกันไปหมดเพราะต้องตามหาคุณ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับคุณจะเป็นอย่างไร สิ่งที่คุณต้องมีในตอนนี้คือความรับผิดชอบที่เด็กคนหนึ่งควรมี ต่อให้พ่อจะช่วยคุณได้มากขนาดไหนแต่วันหนึ่งก็ย่อมพลาดได้เช่นกัน”
“ลูกเข้าใจแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงจะรู้ว่าต้องลงโทษตัวเองอย่างไร”
“ครับ ลูกทราบ” จอมทัพพยักหน้ารับ “ลูกจะต้องถูกกักบริเวณ ห้ามออกไปไหนเด็ดขาดเป็นเวลา…” เขาเงยหน้าขึ้นมามองพ่อด้วยสายตาอ้อนวอน
“สองอาทิตย์”
“สองอาทิตย์!” จอมทัพไม่อยากจะเชื่อ นี่คือบทลงโทษรุนแรง เด็กที่ต้องใช้พลังงานในการวิ่งเล่นแบบเขาต้องถูกกักขังในห้องสี่เหลี่ยมเป็นเวลาสองอาทิตย์ แม้ว่าในห้องจะมีพื้นที่กว้างให้เล่นแต่นั่นก็ไม่อาจเทียบได้กับสนามหญ้า เด็กชายคิดอยากจะโต้แย้งพ่อแต่เห็นท่าทางเย็นชาของเขาจึงรีบหยุด “พ่อเริ่มนับตั้งแต่วันนี้เลยใช่ไหม”
“พรุ่งนี้ต่างหาก”
ได้ยินคำตอบจอมทัพก็พยักหน้าแล้วเดินคอตกกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง สำหรับเขาวันนี้เป็นวันที่แย่มาก ทั้งไม่ได้กินหมูปิ้งแถมยังถูกลงโทษอีก เขารู้สึกเศร้ามากจนต้องนอนร้องไห้กอดตุ๊กตารูปปลากระเบนคู่ใจ เด็กชายร้องไห้เสียใจอยู่นานจนในที่สุดก็ผล็อยหลับไปเอง